ฉาวซ้ำซากสีกากีลักปืนหลวง ‘บิ๊กเด่น’ ขันน็อตผู้บังคับบัญชา ยกเครื่องระบบตรวจสอบ ‘คลังปืน’ | บทความโล่เงิน

บทความโล่เงิน

 

ฉาวซ้ำซากสีกากีลักปืนหลวง

‘บิ๊กเด่น’ ขันน็อตผู้บังคับบัญชา

ยกเครื่องระบบตรวจสอบ ‘คลังปืน’

 

ตํารวจกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” มีเรื่องอื้อฉาวไม่ว่างเว้น เข้าทำนอง ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

วันก่อน ด.ต.ธปณัฐ จันทร์ทับ ผบ.หมู่ สส.สภ.ราชกรูด จ.ระนอง ขโมยปืนไปจากคลังอาวุธ 7 กระบอก พบว่าติดยาไอซ์ มีเพื่อนตำรวจในแก๊ง 4-5 คนร่วมขบวนการด้วย มีคำสั่งให้ออกจากราชการ และดำเนินคดีอาญาไปแล้ว

ไม่กี่วันเกิดเรื่องที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซ้ำรอยอีก

ศาลนนทบุรีออกหมายจับ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ ป. สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ข้อหากระทำความผิดลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ กรณีขโมยปืนหลวง 159 กระบอก ตม.ตามจับได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.หนองคาย ขณะกำลังจะหนีไป สปป.ลาว ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ไปรับตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทันควัน นำตัวกลับมาสอบสวนที่สโมสรตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ดำเนินการสอบสวน

เจ้าตัวรับสารภาพก่อเหตุจริง มีหน้าที่ถือกุญแจคลังอาวุธ 18 ปี ล่วง 5 ปีหลังมีปัญหาติดหนี้พนัน ได้ทยอยขโมยปืนมาเรื่อยๆ ทีละ 2 กระบอก ขายกระบอกละ 2 หมื่นบาท แล้วทำเอกสารปลอมคืนปืน ปรากฏว่าไม่มีการตรวจสอบ เพราะตำรวจมีปืนของตัวเองไม่ค่อยมีใครเบิกปืนไปใช้กัน

โดนแจ้ง 4 ข้อหา มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 148 เป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ และลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ นำตัวไปฝากขังพร้อมคัดค้านประกันตัวที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี

เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตตามคำร้องขอ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวส่งเข้าเรือนจำจังหวัดสระบุรี

 

ไล่เลี่ยกัน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เซ็นคำสั่งเด้ง “3 เสือ สภ.ปากเกร็ด” ทันที มี พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.สุเนตร์ สีชำนาญ รอง ผกก.ป. และ พ.ต.ท.พรรษา จิวรรักษ์ สว.อก. ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ภ.1 แล้วให้ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ช้างใหญ่ จ.พระนครศรีอยุธยา รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.สมภพ เชาว์เพชรไพโรจน์ รอง ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป.สภ.ปากเกร็ด ร.ต.อ.พิชิต อิ่มโอชา รอง สว.อก.ภ.จ.นนทบุรี รักษาราชการแทน สว.อก.สภ.ปากเกร็ด พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงคดีฉาวนี้

ต่อมาได้มีมาตรการล้อมคอก พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้สั่งการเปิดห้องคลังพัสดุจะต้องมีผู้ถือกุญแจ 2 คน แยกฝ่ายผลัดเปลี่ยนกันตามเวลาราชการ วันหยุดไม่สามารถเปิดคลังได้ ต้องควบคุมให้มีความรัดกุม ทุก สภ.ต้องมีตรวจทุก 15 วัน ซึ่งมีระเบียบเดิมอยู่แล้วต้องบังคับใช้เข้มงวด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียน เป็นบทเรียนให้ ผกก.ต้องเข้มงวดกวดขัน จริงๆ แล้วตามหลักมีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับคนปฏิบัติ และความใส่ใจ อาวุธปืนถือเป็นสิ่งอันตราย ถ้าตกไปอยู่ในมือคนไม่ดีนำไปก่อเหตุอาชญากรรมได้

บิ๊กโจ๊กคาดโทษว่า จากนี้หากพบว่า ผกก.คนไหนบกพร่องจะมีหนังสือสั่งย้ายทันที!!!

พร้อมยอมรับสภาพว่า “วันนี้ความเชื่อมั่นประชาชนอาจจะไม่ไว้วางใจตำรวจ แต่ตำรวจต้องทำให้มีหลักเกณฑ์ กติกา ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อบกพร่องต้องลงโทษตามข้อเท็จจริง”

ล่าสุดตำรวจตรวจยึดปืนถูกขโมยกลับคืนมาได้ 44 กระบอก ส่วนใหญ่นำมาคืนโดยวางทิ้งไว้ตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งสโมสรตำรวจบ้าง ไปพบว่าอยู่กับผู้ต้องหายาเสพติด ที่ตำรวจ สภ.บางกรวยที่ไปจับบ้าง และยังมีกระจายไปตามแนวชายแดน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นเข้มงวดกวดขันการตรวจสอบอาวุธปืนคงคลัง และควบคุมการเบิกจ่ายอาวุธปืนทางราชการทุกประเภทให้ถูกต้องตามระเบียบการตำรวจ อย่าให้เกิดกรณีแบบที่ สภ.ปากเกร็ด ขึ้นมาอีก ถ้ามีซ้ำรอยอีกผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานประธาน ก.ตร. ขีดเส้นมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการใช้อาวุธปืนอย่างเป็นระบบ ป้องกันไม่ให้นำปืนไปก่อความรุนแรงกับประชาชน โดยออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 18 ตุลาคม ให้ดำเนินการเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน

ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ได้สะท้อนปัญหานี้ให้ฟังว่า มีมานานมากแล้ว และเป็นแบบนี้เกือบทุกสถานี เพียงแต่มากน้อยต่างกัน ส่วนใหญ่จะขโมยไปจำนำ พอมีเงินก็ไปไถ่ถอนกลับมา แต่จะไม่ค่อยนำไปขายกัน เพราะไม่ค่อยมีคนกล้าซื้อ กลัวปัญหาตามมา

ปัจจุบันตำรวจไม่นิยมเบิกปืนหลวงมาใช้ มองว่าไม่สวย ไม่เท่ ไม่ทันสมัย ที่สำคัญหากสูญหายต้องถูกตรวจสอบ และหลังออกเวรต้องคืนปืนทันที เมื่อมีโครงการจัดซื้ออาวุธปืนสวัสดิการของรัฐ ซึ่งมีราคาถูกและยกเว้นภาษี ตำรวจทั้งประเทศต่างซื้อปืนไว้ในครอบครอง เป็นสมบัติส่วนตัว บ้างซื้อไว้ขายต่อในอนาคตเพื่อเก็งกำไร บางนายอาจมีมากกว่า 5 กระบอกด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุผลนี้ ตำรวจจึงไม่นิยมเบิกปืนหลวงใช้งาน จึงเป็นช่องทางให้ตำรวจซึ่งทำหน้าที่เบิกจ่าย หรือเฝ้าคลังอาวุธ นำปืนออกไปแปรสภาพเป็นเงินนำมาใช้จ่าย เมื่อหลายปีก่อนก็เคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาแล้วในพื้นที่ จ.ลำพูน ตำรวจซึ่งเป็นผู้ดูแลห้องเก็บอาวุธนำปืนออกไปจำนำเกือบ 10 กระบอก

พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.) ในฐานะหน่วยกำกับดูแลปืนตำรวจทั่วประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานได้ให้ตรวจสอบจำนวนปืนที่แจกจ่ายสถานีตำรวจทั่วประเทศทั้งนครบาล และ สภ.ต่างๆ และหน่วยกำลัง มีปืนอยู่เท่าไหร่

ทั้งหมดนำมาสู่การยกเครื่องดูแลคลังอาวุธปืน จากเดิมปล่อยปละละเลยหละหลวมมานาน กลายเป็นปัญหาส่งผลกระทบภาพลักษณ์องค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จนกลายเป็นบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนประชาชนไม่เชื่อมั่นศรัทธา