‘ถอย’ | หลังเลนส์ในดงลึก

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

‘ถอย’

 

ที่ทำงานผมอยู่ในป่า พูดให้ถูก อยู่ในบ้านของเหล่าสัตว์ป่า

“เจ้าของบ้าน” ส่วนใหญ่นิสัยดี แม้ว่าจะไม่ยินดีต้อนรับสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แสดงความก้าวร้าว มีอาการรังเกียจบ้าง คือ รีบหนีห่างออกไปทันทีเพียงแค่ได้กลิ่นกายคน

มีเจ้าของบ้านหลายตัวไม่ยินดีต้อนรับ และพร้อมขับไล่ บางตัวป่วยเพราะพบประสบการณ์ไม่ดีกับคน หลายตัวเครียดเพราะแหล่งอาหาร ที่อยู่ถูกคุกคาม

ทำงานในบ้านที่มีเจ้าของแบบนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเผชิญหน้ากัน หลายครั้งผละจากกันด้วยดี มีบ้างบางครั้งต้องบาดเจ็บ

ความเครียดสะสมที่สัตว์ป่ามีนั้น ทำให้ทำงานในป่าทุกวันนี้ การวิ่งหลบ หรือเปลี่ยนเส้นทางเดิน ย้ายที่พักจากที่เคยพักประจำ เพราะเจ้าของบ้านยึดและคล้ายจะไม่ยอมให้คนเข้าบริเวณนั้นแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติ

แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้แตกต่างจากครั้งที่ผมเริ่มทำงาน

จากที่พบการตื่นหนี เป็นวิ่งเข้าหา

สัตว์ป่าไม่ได้ดุร้ายขึ้น พวกมันไม่เคย “ดุร้าย”

เพียงแต่มีสัตว์ป่วยเพิ่มจำนวน “เพิ่ม” กระทั่งดูเหมือนการรักษายากขึ้นทุกวัน…

 

เพื่อนต่างด้าวที่มาจากแดนไกลผมคนหนึ่ง ชี้ให้ดูช้าง และให้สังเกตรูปทรงของหัวช้าง มองเลยลงมาถึงงวง

เขาบอกว่า “ดูให้ดีสิ คุณจะเห็นว่า รูปทรงของหัวช้างน่ะ คล้ายกับรูปทรงแผนที่ประเทศไทยเลย”

ผมถอยห่างออกมาจากช้างระยะหนึ่งเพื่อดูชัดๆ และก็พบว่า ที่เขาบอกน่ะจริง

ตั้งแต่เด็กๆ ผมรับรู้ว่า ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง เป็นช้างศึก เป็นพาหนะ เป็นแรงงาน เป็นสัตว์เลี้ยง แต่ช้างเป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งดูจะแตกต่างระหว่างคนกับช้าง คล้ายจะไม่ใช่สัตว์กับคน แต่มันเป็นวิถีชีวิต เป็นวัฒนธรรม ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน

อีกนั่นแหละ โลกเปลี่ยนไปแล้ว ในบางมุม ความสัมพันธ์ระหว่างช้างกับคน ดูเหมือนจะใกล้เคียงคำว่าสงครามเข้าไปทุกขณะ

ช้างถูกไฟฟ้าชอร์ตตาย คนถูกช้างทำร้ายบาดเจ็บ เสียชีวิต พืชผล บ้านเรือนเสียหาย ภาพช้างวิ่งเข้าหาคนราวกับโกรธแค้นมานาน เป็นภาพอันทำให้เห็นชัดเจน

 

หากเหตุผลสงครามคือการแย่งชิงผลประโยชน์ หรือเพื่อเข้าครอบครองพื้นที่ สงครามนี้กำลังดำเนินอยู่ทุกวันในป่าด้านตะวันออก, แถบตะวันตกพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี, รอบๆ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และพื้นที่อื่นๆ

สงครามย่อมไม่มีผู้ชนะ และผู้แพ้อย่างแท้จริง

ผลจริงๆ ของมันคือ เลือดและน้ำตา

บางครั้ง ด้วยขาดความระมัดระวังให้ดี ประกอบกับความอ่อนด้อย ผมเผชิญหน้ากับช้างกะทันหัน บางครั้งหลงเข้าไปอยู่กลางฝูงโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

แต่เมื่อเป็นการเผชิญหน้ากันโดยไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง บรรยากาศของมิตรภาพจึงปรากฏให้เห็นบ้าง

ในแหล่งอาศัย ซึ่งวงจรอาหารเป็นไปตามฤดูกาล ช้างมีโอกาสดำเนินชีวิตไปตามวิถีปกติ

คงพูดได้ว่า ไม่มีใครไม่เคยเห็นช้าง แม้ว่าจะอยู่แต่ในเมือง ไม่เคยเฉียดใกล้เข้าป่า เพราะมีบางเวลาที่ช้างจากถิ่นเดิมเข้ามาถึงในเมือง

ความสัมพันธ์ของคนกับช้างนั้น มีรากฐานเป็นวัฒนธรรมสืบเนื่องมานาน ความสัมพันธ์นี้ลึกซึ้งเกินกว่าผู้ไม่ใช่เจ้าของหรือเป็นควาญช้างจะเข้าใจ

ช้างยินดีที่จะไปไหนมาไหนกับเจ้าของ พากันเดินเข้ามาในเมืองซึ่งคล้ายจะไม่ใช่ที่ทางของช้าง เมืองที่แดดร้อนระอุ พื้นถนนแข็งกระด้าง หลายคนเห็นเป็นการทรมาน มองข้ามว่า พวกเขาช่วยกันทำมาหากิน เป็นเพื่อนที่อาจเติบโตมาด้วยกัน

ความทารุณนั้น อยู่ที่หลายคนไม่ใช่เพื่อน ช้างถูกเช่ามา ไม่ต่างจากเช่ารถขับรับจ้าง แต่เพราะช้างมีชีวิต ปัญหาจึงเกิด

เช่นนี้ ภาพช้างโดนทำร้ายจึงปรากฏให้เห็น ช้างและคนถูกห้ามเข้าเมือง หนทางช่วยกันทำมาหากินถูกตัดขาด

ช้างตัวโต วันๆ หนึ่งต้องการอาหารและน้ำมาก ปัญหาหรือสงครามที่เกิดขึ้น คล้ายจะใหญ่โตตามขนาดตัวช้าง

คล้ายกับว่า สงครามนี้ ช้างเป็นแค่ตัวประกอบ ประเด็นหลักมันเป็นสงครามระหว่างคนกับคน

“สงคราม” ที่ทุกคนพูดและตั้งใจทำเพื่อช้าง

 

เอาเข้าจริงผม ไม่แน่ใจนักว่า จะแก้ไขความขัดแย้งอย่างไร เพียงเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า การกล่าวโทษว่าใครเป็นผู้บุกรุกนั้นเป็นเรื่องของ “เมื่อวาน”

เปลี่ยนความคิดเห็นขัดแย้งเป็นหาหนทางที่จะอยู่ร่วมได้อย่างยั่งยืนแท้จริง นั่นคือเรื่องของ “พรุ่งนี้”

หลายฝ่ายมีข้อเสนอที่ดี มีเหตุผล และเป็นไปได้ และทุกฝ่ายพยายามหาหนทางแก้ไข ทุกคนบอกรักช้าง แต่เสียงความขัดแย้งอาจดังเกินกว่าจะได้ยินคนอื่นพูด

ถ้าความหมายหนึ่งของคำว่ารัก คือ เห็นผู้ที่เรารักมีความสุข เช่นนี้ บางทีการยกประโยชน์ให้ช้างจำเป็น

 

แต่ก็เถอะ ในวันซึ่งเรามีเครื่องมืออันง่ายต่อการแสดงความเห็นใดๆ ก็ตามที่คิดต่างจากเรา ความขัดแย้งคล้ายจะเกิดขึ้นได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ

การถกเถียง และปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า จะดำเนินต่อไปตามวิถี ในระดับนโยบายประเทศ ควรเห็นและยกปัญหานี้ให้เป็นเรื่องสำคัญ หาทางแก้ไข

ทุกคนรักสัตว์ แต่เราต่างรู้ดีว่า รักมากไปบางทีนั่นคือปัญหา

“ถอย” ออกมา เปิดใจรับฟัง ผู้อื่นจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

ต่างคนต่างรัก ถกเถียง ขัดแย้ง นับวันจะยิ่งห่างไกลหนทางแก้ไข

ผมเชื่อว่า ช้างก็รู้สึกเช่นนี้… •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ