BLONDE ‘นิยามของความเซ็กซี่’ | ภาพยนตร์ : นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

BLONDE ‘นิยามของความเซ็กซี่’

 

กำกับการแสดง

Andrew Dominik

นำแสดง

Ana de Armas

Lily Fisher

Julianne Nicholson

Evan Williams

Xavier Samuel

Bobby Cannavale

Adrien Brody

Caspar Phillipson

 

Blonde สร้างจากหนังสือที่เล่าเรื่องราวเบื้องหลังชีวิตของดารายอดนิยมอมตนิรันดร์กาลที่คาดเดาสันนิษฐานเอาเองโดยเก็บเล็กผสมน้อยจากชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับมาริลิน มอนโร เอามาปะติดปะต่อเข้าเป็นตัวตนของดาราสาวอย่างที่โลกไม่ได้รับรู้ในภาพลักษณ์ของเธอ

หนังสือเล่มนั้นประพันธ์โดยจอยซ์ แครอล โอทีส เมื่อ ค.ศ.2000

แน่นอนว่าความตายของมาริลิน มอนโรในวัยเพียง 36 ปี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1965 ด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด ตกเป็นข่าวสะท้านสะเทือนช็อกไปทั้งวงการและทั่วโลก

จากการชันสูตรศพ แพทย์ลงความเห็นว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นอัตวินิบาตกรรมด้วยเจตนา หรือการตั้งใจฆ่าตัวตาย

ประเด็นร้อนสำหรับแฟนคลับทั่วโลกก็คือ เหตุใดดาราสาวผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุดคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ จึงตัดสินใจลาโลกไปก่อนวัยอันควร

ภาพลักษณ์ของมาริลินยังติดตรึงอยู่ในใจของคนทั้งโลกมาจนกระทั่งบัดนี้ แม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบห้าสิบปีแล้ว

โดยเฉพาะภาพของเธอที่สวมกระโปรงชุดขาวสะอาดบานพลิ้ว เสื้อผูกคอโชว์แผ่นหลัง ยืนอยู่บนตะแกรงระบายอากาศริมถนน เล่นลมพลิ้วปลิวสะบัดไปตามจังหวะความเคลื่อนไหว

เป็นภาพสัญรูป (iconic) ที่ทำให้ผู้คนจำเธอได้ไม่ลืมเลือนตลอดกาลนาน

ในหนังเรื่อง Blonde ก็ไม่เว้นที่จะนำเสนอฉากนี้ ในระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง The Seven-Year Itch ซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อขั้นวิกฤตของชีวิตแต่งงานของมาริลินกับนักกีฬาชื่อดัง ซึ่งหนังให้เครดิตในนาม “อดีตนักกีฬา” แต่ใครๆ ที่รู้จักชีวิตของมาริลินทุกคนล้วนรู้ดีว่าหนึ่งในสามีของเธอคือ โจ ดิแมจจิโอ ผู้อยู่ในทำเนียบนักเบสบอลอมตนิรันดร์กาลของอเมริกา

ผู้เขียนไม่ใช่แฟนกีฬา แต่ก็รู้จักชื่อโจ ดิแมจจิโอ จากเนื้อเพลงในภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง The Graduate (ดัสติน ฮอฟแมน) คือเพลง Mrs. Robinson ของไซมอนแอนด์การ์ฟังเกิล โดยท่องเนื้อร้องได้ขึ้นใจเลยทีเดียว

แต่สามีอีกคนของมาริลิน เป็นนักเขียนชื่อดังที่คนในวงการละครและภาพยนตร์ทุกคนต้องรู้จักดี คือ อาร์เธอร์ มิลเลอร์ นักเขียนบทละครคนสำคัญของอเมริกา (Death of a Salesman, The Crucible, All My Sons) และนักเขียนบทภาพยนตร์มือทองคนหนึ่ง ซึ่งใน Blonde ให้เครดิตในนาม “นักเขียนบทละคร”

ผู้ชายในชีวิตของมาริลินล้วนเป็นคนเด่นคนดังทั้งนั้น ที่ตกเป็นขี้ปากสังคมในฐานะกิ๊กของอีกคนคือประธานาธิบดีรูปหล่อเจ้าเสน่ห์ เจ. เอฟ. เค. ในระหว่างดำรงตำแหน่งเสียด้วย และก่อนเสียชีวิตไม่กี่ปีเอง

ได้ดูหนังแล้ว ถึงได้ทราบเกร็ดอีกเรื่อง (ซึ่งถือเป็นการคาดเดาและอาจจริงหรือไม่จริงก็ได้) ว่าเธอมีความสัมพันธ์แบบ “สามคนผัวเมีย” อยู่กับลูกชายดาราชื่อดังสองคนในสมัยนั้น คือ ชาร์ลี แชปลิน จูเนียร์ และเอ็ดเวิร์ด จี. โรบินสัน จูเนียร์

และความตายของหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นสาเหตุของการเสพยากล่อมประสาทเกินขนาดของมาริลิน…ถ้าเราจะเชื่อในเรื่องราวเบื้องหลังส่วนนี้ ซึ่งหนังก็บอกอย่างจะแจ้งว่า “เป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นแบบนวนิยาย” (fictionalized)

ด้วยความยาวร่วม 3 ชั่วโมง หนังนำเสนอชีวิตอันน่าเศร้าของดาราขวัญใจคนทั้งโลกผู้นี้ ซึ่งมีชื่อโดยกำเนิดว่า “นอร์มา จีน” และเป็นลูกนอกสมรส ซึ่งใฝ่ฝันจะได้พบพ่อผู้ให้กำเนิดมาตลอดชีวิต

แกลดิส (จูลีแอนน์ นิโคลสัน) แม่ของนอร์มา จีน เป็นคนมีอารมณ์แปรปรวน ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกสาว และถูกส่งเข้าโรงพยาบาลประสาท ซึ่งทำให้นอร์มา จีน ต้องถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า และเป็นบาดแผลฉกาจฉกรรจ์ที่หลอกหลอนในใจของเธอมาตลอด

เธอไต่เต้าสร้างตัวเองขึ้นในวงการจนเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกในนาม “มาริลิน มอนโร” แต่เธอก็ปฏิเสธตัวตนตัวนั้น และคิดว่าตัวเองยังเป็น “นอร์มา จีน” อยู่ตลอด

เส้นทางอาชีพของเธอก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือปราศจากอุปสรรคขวากหนาม

เธอถูกเอารัดเอาเปรียบ ตกเป็นเหยื่อกามตัณหาของผู้ยิ่งใหญ่ในวงการ ต้องพลีร่างสังเวยราคะเพื่อปูทางไปสู่ความเป็นดารา

หลายคนเห็นเธอเป็นเพียง “เนื้อหนังมังสา” เป็นสาวผมบลอนด์ซื่อบื้อ ขณะที่เธอปรารถนาจะเป็นนักแสดงที่มีความสามารถอย่างจริงจัง และไม่ได้เบื้อใบ้อย่างที่ใครๆ ตราหน้า

หนังแสดงให้เห็นบุคลิกที่แตกแยกของมาริลิน มอนโร กับนอร์มา จีน

และออกจะเทน้ำหนักไปที่ความเป็น “นอร์มา จีน” มากกว่าความเป็น “มาริลิน มอนโร” ซึ่งทำให้รู้สึกเสียดายที่เราเห็นด้านมืด มากกว่าด้านสว่างไสวของเธอ

ผู้ชายในชีวิตเธอ…อาจจะยกเว้นแต่ “นักเขียนบทละคร”…ล้วนเอารัดเอาเปรียบและประพฤติต่อเธออย่างไม่สมควร

แม้แต่ค่ายหนังที่เธอสังกัดอยู่ ก็จ่ายค่าตัวให้เธอเป็นแค่ค่าจ้างรายสัปดาห์ มีอยู่ฉากหนึ่งที่มาริลินถามว่า เจน รัสเซล ดาราหญิงร่วมสมัยกับเธอ ได้รับค่าตัวเรื่องละเท่าไร เธอได้รับคำตอบแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มใจให้ข้อมูลว่า หนึ่งแสนเหรียญต่อเรื่อง

มาริลินเอามาเทียบกับค่าตัวต่อเรื่องของเธอซึ่งจ่ายเป็นรายสัปดาห์แล้ว ไม่ต้องพูดกันเลยว่าห่างกันแบบมองไม่เห็นฝุ่น! ทั้งๆ ที่หนังที่มาริลินเล่น ล้วนทำเงินให้บริษัทผู้สร้างได้มหาศาลไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนเท่า

ร่วมห้าสิบปีหลังจากที่มาริลินจากโลกไป เราก็ยังได้ดูเรื่องราวของเธอบนจอภาพยนตร์อยู่…ซึ่งจริงบ้างไม่จริงบ้าง… แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องสุดท้ายที่เราจะได้เห็นสำหรับดาราอมตนิรันดร์กาลคนนี้… •

 

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์