ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 ตุลาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
BLONDE ‘นิยามของความเซ็กซี่’
กำกับการแสดง
Andrew Dominik
นำแสดง
Ana de Armas
Lily Fisher
Julianne Nicholson
Evan Williams
Xavier Samuel
Bobby Cannavale
Adrien Brody
Caspar Phillipson
Blonde สร้างจากหนังสือที่เล่าเรื่องราวเบื้องหลังชีวิตของดารายอดนิยมอมตนิรันดร์กาลที่คาดเดาสันนิษฐานเอาเองโดยเก็บเล็กผสมน้อยจากชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับมาริลิน มอนโร เอามาปะติดปะต่อเข้าเป็นตัวตนของดาราสาวอย่างที่โลกไม่ได้รับรู้ในภาพลักษณ์ของเธอ
หนังสือเล่มนั้นประพันธ์โดยจอยซ์ แครอล โอทีส เมื่อ ค.ศ.2000
แน่นอนว่าความตายของมาริลิน มอนโรในวัยเพียง 36 ปี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1965 ด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด ตกเป็นข่าวสะท้านสะเทือนช็อกไปทั้งวงการและทั่วโลก
จากการชันสูตรศพ แพทย์ลงความเห็นว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นอัตวินิบาตกรรมด้วยเจตนา หรือการตั้งใจฆ่าตัวตาย
ประเด็นร้อนสำหรับแฟนคลับทั่วโลกก็คือ เหตุใดดาราสาวผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุดคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ จึงตัดสินใจลาโลกไปก่อนวัยอันควร
ภาพลักษณ์ของมาริลินยังติดตรึงอยู่ในใจของคนทั้งโลกมาจนกระทั่งบัดนี้ แม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบห้าสิบปีแล้ว
โดยเฉพาะภาพของเธอที่สวมกระโปรงชุดขาวสะอาดบานพลิ้ว เสื้อผูกคอโชว์แผ่นหลัง ยืนอยู่บนตะแกรงระบายอากาศริมถนน เล่นลมพลิ้วปลิวสะบัดไปตามจังหวะความเคลื่อนไหว
เป็นภาพสัญรูป (iconic) ที่ทำให้ผู้คนจำเธอได้ไม่ลืมเลือนตลอดกาลนาน
ในหนังเรื่อง Blonde ก็ไม่เว้นที่จะนำเสนอฉากนี้ ในระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง The Seven-Year Itch ซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อขั้นวิกฤตของชีวิตแต่งงานของมาริลินกับนักกีฬาชื่อดัง ซึ่งหนังให้เครดิตในนาม “อดีตนักกีฬา” แต่ใครๆ ที่รู้จักชีวิตของมาริลินทุกคนล้วนรู้ดีว่าหนึ่งในสามีของเธอคือ โจ ดิแมจจิโอ ผู้อยู่ในทำเนียบนักเบสบอลอมตนิรันดร์กาลของอเมริกา
ผู้เขียนไม่ใช่แฟนกีฬา แต่ก็รู้จักชื่อโจ ดิแมจจิโอ จากเนื้อเพลงในภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง The Graduate (ดัสติน ฮอฟแมน) คือเพลง Mrs. Robinson ของไซมอนแอนด์การ์ฟังเกิล โดยท่องเนื้อร้องได้ขึ้นใจเลยทีเดียว
แต่สามีอีกคนของมาริลิน เป็นนักเขียนชื่อดังที่คนในวงการละครและภาพยนตร์ทุกคนต้องรู้จักดี คือ อาร์เธอร์ มิลเลอร์ นักเขียนบทละครคนสำคัญของอเมริกา (Death of a Salesman, The Crucible, All My Sons) และนักเขียนบทภาพยนตร์มือทองคนหนึ่ง ซึ่งใน Blonde ให้เครดิตในนาม “นักเขียนบทละคร”
ผู้ชายในชีวิตของมาริลินล้วนเป็นคนเด่นคนดังทั้งนั้น ที่ตกเป็นขี้ปากสังคมในฐานะกิ๊กของอีกคนคือประธานาธิบดีรูปหล่อเจ้าเสน่ห์ เจ. เอฟ. เค. ในระหว่างดำรงตำแหน่งเสียด้วย และก่อนเสียชีวิตไม่กี่ปีเอง
ได้ดูหนังแล้ว ถึงได้ทราบเกร็ดอีกเรื่อง (ซึ่งถือเป็นการคาดเดาและอาจจริงหรือไม่จริงก็ได้) ว่าเธอมีความสัมพันธ์แบบ “สามคนผัวเมีย” อยู่กับลูกชายดาราชื่อดังสองคนในสมัยนั้น คือ ชาร์ลี แชปลิน จูเนียร์ และเอ็ดเวิร์ด จี. โรบินสัน จูเนียร์
และความตายของหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นสาเหตุของการเสพยากล่อมประสาทเกินขนาดของมาริลิน…ถ้าเราจะเชื่อในเรื่องราวเบื้องหลังส่วนนี้ ซึ่งหนังก็บอกอย่างจะแจ้งว่า “เป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นแบบนวนิยาย” (fictionalized)
ด้วยความยาวร่วม 3 ชั่วโมง หนังนำเสนอชีวิตอันน่าเศร้าของดาราขวัญใจคนทั้งโลกผู้นี้ ซึ่งมีชื่อโดยกำเนิดว่า “นอร์มา จีน” และเป็นลูกนอกสมรส ซึ่งใฝ่ฝันจะได้พบพ่อผู้ให้กำเนิดมาตลอดชีวิต
แกลดิส (จูลีแอนน์ นิโคลสัน) แม่ของนอร์มา จีน เป็นคนมีอารมณ์แปรปรวน ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกสาว และถูกส่งเข้าโรงพยาบาลประสาท ซึ่งทำให้นอร์มา จีน ต้องถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า และเป็นบาดแผลฉกาจฉกรรจ์ที่หลอกหลอนในใจของเธอมาตลอด
เธอไต่เต้าสร้างตัวเองขึ้นในวงการจนเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกในนาม “มาริลิน มอนโร” แต่เธอก็ปฏิเสธตัวตนตัวนั้น และคิดว่าตัวเองยังเป็น “นอร์มา จีน” อยู่ตลอด
เส้นทางอาชีพของเธอก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือปราศจากอุปสรรคขวากหนาม
เธอถูกเอารัดเอาเปรียบ ตกเป็นเหยื่อกามตัณหาของผู้ยิ่งใหญ่ในวงการ ต้องพลีร่างสังเวยราคะเพื่อปูทางไปสู่ความเป็นดารา
หลายคนเห็นเธอเป็นเพียง “เนื้อหนังมังสา” เป็นสาวผมบลอนด์ซื่อบื้อ ขณะที่เธอปรารถนาจะเป็นนักแสดงที่มีความสามารถอย่างจริงจัง และไม่ได้เบื้อใบ้อย่างที่ใครๆ ตราหน้า
หนังแสดงให้เห็นบุคลิกที่แตกแยกของมาริลิน มอนโร กับนอร์มา จีน
และออกจะเทน้ำหนักไปที่ความเป็น “นอร์มา จีน” มากกว่าความเป็น “มาริลิน มอนโร” ซึ่งทำให้รู้สึกเสียดายที่เราเห็นด้านมืด มากกว่าด้านสว่างไสวของเธอ
ผู้ชายในชีวิตเธอ…อาจจะยกเว้นแต่ “นักเขียนบทละคร”…ล้วนเอารัดเอาเปรียบและประพฤติต่อเธออย่างไม่สมควร
แม้แต่ค่ายหนังที่เธอสังกัดอยู่ ก็จ่ายค่าตัวให้เธอเป็นแค่ค่าจ้างรายสัปดาห์ มีอยู่ฉากหนึ่งที่มาริลินถามว่า เจน รัสเซล ดาราหญิงร่วมสมัยกับเธอ ได้รับค่าตัวเรื่องละเท่าไร เธอได้รับคำตอบแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มใจให้ข้อมูลว่า หนึ่งแสนเหรียญต่อเรื่อง
มาริลินเอามาเทียบกับค่าตัวต่อเรื่องของเธอซึ่งจ่ายเป็นรายสัปดาห์แล้ว ไม่ต้องพูดกันเลยว่าห่างกันแบบมองไม่เห็นฝุ่น! ทั้งๆ ที่หนังที่มาริลินเล่น ล้วนทำเงินให้บริษัทผู้สร้างได้มหาศาลไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนเท่า
ร่วมห้าสิบปีหลังจากที่มาริลินจากโลกไป เราก็ยังได้ดูเรื่องราวของเธอบนจอภาพยนตร์อยู่…ซึ่งจริงบ้างไม่จริงบ้าง… แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องสุดท้ายที่เราจะได้เห็นสำหรับดาราอมตนิรันดร์กาลคนนี้… •
ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022