วิกฤต “ลอตเต้ กรุ๊ป” ตัวอย่างวิกฤตแชโบลเกาหลีใต้

นายอี อิน วอน รองประธาน ลอตเต กรุ๊ป (AFP PHOTO /YONHAP)

หนึ่งในแชโบลยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ “ลอตเต้ กรุ๊ป” กำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริต หลังจากผู้บริหารของลอตเต้ กรุ๊ป ถูกตรวจสอบว่า มีการหลบเลี่ยงภาษี และการตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่

กลายเป็นที่มาของการทำอัตวิบาตกรรมของนาย “อี อิน-วอน” รองประธานบริษัท ลอตเต้ กรุ๊ป

นิวยอร์กไทม์ส รายงานเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียด โดยระบุว่า ร่างของนายอี ถูกพบว่าใช้เน็กไทและผ้าพันคอ แขวนคอตายอยู่ใต้ต้นไม้บนทางเดินริมแม่น้ำ ที่เมืองยางพยอง ใกล้กับกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่นายอีจะเข้าพบกับอัยการที่สอบสวนเกี่ยวกับข้อหาคอร์รัปชั่นของบริษัท ลอตเต้ กรุ๊ป

โดยสำนักข่าว ยอนฮัป ของเกาหลีใต้ รายงานว่า นายอี ได้เดินทางออกจากบ้านพักที่กรุงโซล เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 สิงหาคม โดยบอกกับครอบครัวว่า จะไปออกกำลังกาย

นายอี ซึ่งเป็นคนสนิทของ นายชิน ดง-บิน ประธานของลอตเต้ กรุ๊ป ได้เขียนจดหมายลาตายทิ้งไว้ในรถยนต์ มีความยาวถึง 4 หน้ากระดาษ แสดงความถึงความซื่อสัตย์ที่มีต่อ นายชิน ดง-บิน และยังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทได้หลบเลี่ยงกาษีก้อนใหญ่ รวมทั้งเรื่องการตั้งกองทุนสำหรับให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งนายอีถือเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในเรื่องของการเลี่ยงภาษีหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ

การตายของนายอี ผู้บริหารวัย 69 ปี มีขึ้นหลังจากที่อัยการเดินหน้าการสอบสวนลอตเต้ และมีการสอบปากคำ นายฮวาง คัก-กิว ผู้บริหารอาวุโสอีกคนของลอตเต้ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม และการเรียกตัวผู้บริหารระดับสูงของลอตเต้เข้าให้ปากคำ รวมทั้งนายอี ที่อัยการเตรียมเรียกตัวมาสอบข้อหาฉ้อโกงและมีส่วนเกี่ยวโยงกับกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยนายชิน และยังช่วยนายชินและบิดาเลี่ยงภาษีด้วย

นิวยอร์กไทม์สระบุว่า แรงกดดันที่เกิดขึ้นกับลอตเต้ กรุ๊ป นั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงปัญหาครั้งล่าสุดของแชโบลในเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการในขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แชโบลเหล่านี้เริ่มถูกตรวจสอบอย่างละเอียด และทางการเกาหลีใต้เองก็เริ่มหวาดเกรงว่าการผุดขึ้นมาของข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่นและการประพฤติมิชอบของคนในตระกูลเหล่านี้ อาจจะทำให้ผู้คนทั่วไปเกิดความไม่พอใจแชโบลเหล่านี้มากขึ้น ท่ามกลางรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันและเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเชื่องช้า

สําหรับลอตเต้นั้น มีธุรกิจในเกาหลีใต้มากมาย ตั้งแต่ธุรกิจโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ อพาร์ตเมนต์ และยังมีธุรกิจมากมายทั่วประเทศเกาหลีใต้ แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นายชิน และ ชิน ดง-จู พี่ชาย ต่างมีการกล่าวหากันและกันในเรื่องของการฉ้อโกง รวมทั้งข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรลอตเต้ ที่ “ชิน คยอค-โฮ” เป็นผู้ก่อขึ้นมา

ข้อมูลจากฟอร์บส์ ระบุไว้ว่า บริษัท ลอตเต้ ก่อตั้งขึ้นโดย นายชิน คยอค-โฮ บิดาของ นายชิน ดง-บิน เริ่มจากการเป็นผู้ผลิตขนมหวานในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1948 ก่อนที่จะขยายกิจการเข้าไปในเกาหลี เมื่อปี 1967 ปัจจุบัน ลอตเต้ กรุ๊ป เป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และมีผลิตภัณฑ์มากมายตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เคมี รวมไปถึงเรื่องก่อสร้าง

โดยเมื่อปี 2015 ชิน ดง-จู ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของ ชิน คยอค-โฮ ถูกปฏิเสธไม่ให้รับตำแหน่งผู้บริหารในลอตเต้ กรุ๊ป และได้ดูแลกิจการของลอตเต้ในประเทศญี่ปุ่นแทน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้ว สัดส่วนของหุ้นที่มีอยู่นั้นน้อยกว่าในเกาหลีใต้ที่ นายชิน ดง-บิน เป็นประธานบริษัทอยู่อย่างแน่นอน

ปัจจุบัน ชิน คยอค-โฮ อายุ 93 ปี และลอตเต้ก็มีพนักงานอยู่ถึง 310,000 คน ทั้งในและนอกประเทศเกาหลีใต้ และยังมีบริษัทลูกอยู่อีก 80 บริษัท มีรายได้อยู่ที่ราว 93 ล้านล้านวอน หรือราว 2.8 ล้านล้านบาท เมื่อปี 2014
รายงานระบุว่า ส่วนหนึ่งของการทำงานที่ได้เบาะแสมาจากการที่พี่น้องทะเลาะกัน นำไปสู่การที่อัยการสั่งให้บุกเข้าสำนักงานลอตเต้ เมื่อเดือนมิถุนายน เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับกองทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาว่าจ่ายผ่านช่องทางข้อตกลงที่ผิดกฎหมายของบรรดาบริษัทลูก ซึ่งทางลอตเต้เองแถลงว่าได้ให้ความร่วมมือต่อเรื่องดังกล่าว

และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ชิน ยง-จา พี่สาวของ ชิน ดง-บิน ประธานลอตเต้ ถูกจับกุมตัวข้อหารับเงินสินบนจากบริษัทเครื่องสำอางท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ที่ต้องการจะเข้าไปขายของภายในร้านค้าดิวตี้ฟรี ของลอตเต้ ตามสนามบินต่างๆ ของเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม ในเกาหลีใต้นั้น บุคคลที่มีชื่อเสียงที่ตกเป็นเป้าของการสอบสวนคดีอาญานั้น ส่วนใหญ่มักจะเลือกการจบชีวิตตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงความอัปยศอดสูและการถูกคุมขัง หรือเพื่อทำให้การสอบสวนไม่สำเร็จ และเพื่อปกป้องครอบครัวหรือบริษัทของตัวเอง

เรียกได้ว่า ไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่สามารถสาวเรื่องไปถึงต้นตอได้

สําหรับนายอี ทำงานกับลอตเต้มาตั้งแต่ปี 1973 และเติบโตในตำแหน่งหน้าที่ภายใต้การนำของ นายชิน คยอค-โฮ กระทั่งต่อมาได้เป็นผู้ช่วยที่ใกล้ชิดกับ นายชิน ดง-บิน ที่เรียกได้ว่า เพียงแค่มองตาก็รู้เลยว่า คิดอะไรอยู่

ในจดหมายที่นายอีเขียนลาตายไว้ นอกเหนือจากการย้ำถึงความรักภักดีที่มีต่อนายชินแล้ว ก็ยังได้ขอโทษต่อพนักงานและผู้บริหารของลอตเต้ที่ปล่อยให้ต้องเผชิญกับวิกฤตของบริษัทต่อไป

และการตายของนายอี ก็คงไม่ได้หมายถึงการจบสิ้นของสงครามในอาณาจักรของ “ลอตเต้” อย่างแน่นอน