กระแสโต้กลับรัฐบาลคิชิดะ/บทความพิเศษ สุภา ปัทมานันท์

บทความพิเศษ

สุภา ปัทมานันท์

 

กระแสโต้กลับรัฐบาลคิชิดะ

 

วันที่ 8 กรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ช็อกคนญี่ปุ่นและคนทั้งโลก เมื่อนาย ชินโซ อาเบะ(安倍晋三)อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังปราศรัยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครวุฒิสมาชิกของพรรคแอลดีพี(自民党)ที่หน้าสถานีรถไฟ เมืองนาระ ถูกลอบยิงจากด้านหลังจนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเย็นวันเดียวกัน เกิดขึ้นก่อนวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาวันที่ 10 กรกฎาคมเพียง 2 วัน

ประชาชนชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนำดอกไม้ไปแสดงความอาลัยต่ออดีตนายกรัฐมนตรี อาเบะ ผู้อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดรวม 8 ปี 8 เดือน ผู้นำทั่วโลกส่งสารแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ นาย อาเบะ ทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกาได้ลดธงครึ่งเสา ที่ออสเตรเลียมีการประดับไฟสีธงชาติญี่ปุ่นในสถานที่ราชการและสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศต่าง ๆ เปิดให้มีการลงนามไว้อาลัย

เพียง 6 วัน หลังวันเกิดเหตุ คือวันที่ 14 กรกฎาคม นาย ฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทางการ กำหนดจัด “รัฐพิธีศพ(国葬)” นาย อาเบะ ในฤดูใบไม้ร่วง ราวเดือนกันยายนนี้

รัฐพิธีศพ คือ รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ และตั้งงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในอดีตที่ผ่านมา เคยจัดรัฐพิธีศพ อดีตนายกรัฐมนตรี นาย ชิเงรุ โยชิดะ(吉田茂)ในเดือน ตุลาคม 1967 ใช้งบประมาณ 18 ล้านเยน (ค่าเงินปัจจุบัน 4.8 ล้านบาท) อดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ต่อมา เป็นการจัดพิธีโดยรัฐบาลเป็นเจ้าภาพร่วมกับพรรคที่อดีตนายกฯ ท่านนั้นสังกัด(合同葬)ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพรรคแอลดีพี ค่าใช้จ่ายในพิธีจึงหารสองระหว่างรัฐบาลกับพรรคนั้น ๆ การจัดรัฐพิธีศพ นาย อาเบะ ครั้งนี้จึงนับเป็นกรณีที่สอง นับตั้งแต่ปี 1967 เป็นต้นมา ซึ่งคำนวณว่าต้องใช้งบประมาณ 250 ล้านเยน (66.3 ล้านบาท) แต่ยังไม่รวมค่ารักษาความปลอดภัยผู้นำและผู้ติดตามจากประเทศต่าง ๆทั่วโลกที่คาดว่าจะมีราว 6,400 คนมาร่วมงานพิธี

นาย คิชิดะ แสดงบุคลิกความเป็นผู้นำที่โดดเด่น ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว จับกระแสความรู้สึกของประชาชนที่อาลัยการจากไปของนาย อาเบะ และยังต้องการเสียงสนับสนุนภายในพรรคจากสายอนุรักษ์นิยมใน “มุ้งอาเบะ(安倍派)”

เหตุผลที่นาย คิชดะ จัดรัฐพิธีศพนาย อาเบะ คือ เป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด นาย อาเบะ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศและพื้นที่โทโฮคุที่เกิดภัยพิบัติสึนามิ และสร้างความสัมพันธ์อันดีทางการต่างประเทศกับสหรัฐอเมริกา นายอาเบะ ได้รับความชื่นชมอย่างมากจากผู้นำทั่วโลกและชาวต่างประเทศ นอกจากนี้ นายอาเบะ เสียชีวิตลงจากการกระทำอันป่าเถื่อนหยาบช้าที่สุด ขณะที่กำลังทำหน้าที่ช่วยหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย

การเลือกตั้งวุฒิสมาชิก(参院選挙)ในวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา นาย คิชิดะ สามารถนำพรรคแอลดีพีคว้าชัยชนะได้อย่างลอยลำ ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง คือ 63 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 125 ที่นั่งของจำนวนวุฒิสมาชิกที่ครบวาระในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้นาย คิชิดะ อย่างมากแม้อยู่ในห้วงแห่งความอาลัยการจากไปของนาย อาเบะ อีกทั้งคะแนนความนิยมของรัฐบาลก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง

กระแสขาขึ้นครั้งนี้สั้นมาก… เมื่อผลการสอบสวนมือปืน นาย เท็ตสึยะ ยามากามิ ซึ่งถูกรวบตัวทันทีในที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่าไม่ได้มีสาเหตุจากความคิดเห็นต่างทางการเมือง แต่เป็นเพราะเขาโกรธแค้น นาย อาเบะ ที่เขาเข้าใจว่ามีความเกี่ยวข้องกับ “โบสถ์แห่งความเป็นเอกภาพ”(ชื่อเดิม)(旧統一教会)ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น “สมาพันธ์ครอบครัวเพื่อสันติภาพโลกและความเป็นเอกภาพ”(世界平和統一家庭連合)ที่แม่ของเขาเป็นสมาชิกและเชื่ออย่างงมงาย ได้บริจาคเงินจำนวนมาก ทำให้มีปัญหาทางการเงิน ล้มละลาย ครอบครัวแตกแยก พ่อแม่หย่ากัน เขาและพี่น้องต้องดิ้นรนช่วยตัวเองมาตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยมต้น ความจริงนี้ทำให้ทุกคนตกใจมาก และเป็นแรงกระเพื่อมไปทั่วประเทศ

การขุดคุ้ยหาความจริงโดยสื่อหลายสำนักเกี่ยวกับองค์กรทางศาสนานี้กับนักการเมือง พบว่าองค์กรดังกล่าวมีส่วนช่วยในการหาเสียงและเป็นหัวคะแนนให้ผู้สมัคร ในการเลือกตั้งทุกระดับของประเทศ และที่น่าตกใจคือ นักการเมืองในพรรครัฐบาลหลายคนเคยร่วมกิจกรรมขององค์กร เคยได้รับการสนับสนุนด้านการเงิน นักการเมืองของพรรคฝ่ายค้านก็ถูกขุดคุ้ยเช่นกัน ความจริงค่อยๆ เผยออกมาว่า ไม่ใช่แต่ครอบครัวของมือปืน นาย ยามากามิ เท่านั้น เริ่มมีคนอีกไม่น้อยเปิดเผยว่าต้องทนทุกข์จากการที่คนในครอบครัวตกเป็นเหยื่อความเชื่องมงายและบริจาคเงินจนเกินกำลัง เกิดปัญหาภายในครอบครัว คู่สมรส ลูก ญาติพี่น้องต่างได้รับผลกระทบ

ความจริงอันน่าตกใจนี้เอง ทำให้ประชาชนเกิดความคลางแคลงใจ หวาดหวั่นและไม่เชื่อมั่น จากการสำรวจความนิยมรัฐบาลนาย คิชิดะ ระหว่างปลายเดือนกรกฎาคม ถึง ต้นเดือนสิงหาคมของหลายสำนักมีผลออกมาในทางเดียวกันว่า คะแนนความนิยมและเสียงสนับสนุนรัฐบาลลดต่ำลงถึง 12.2%

นายคิชิดะ ต้องรีบฟื้นความเชื่อมั่นกลับคืนมา โดยการปรับคณะรัฐมนตรี(内閣改造)ที่มีอายุไม่ถึง 1 ปี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม หลังจากครบ 1 เดือนที่เขาเพิ่งนำพรรคแอลดีพีคว้าชัยชนะการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกมาหมาด ๆ คณะรัฐมนตรีใหม่นี้ประกอบด้วยรัฐมนตรีที่คงอยู่ในตำแหน่งเดิม 5 คน และรัฐมนตรีเข้าใหม่ 14 คน โดยนาย คิชิดะ ให้สัมภาษณ์ว่ารัฐมนตรีทั้ง 19 คน ไม่ด่างพร้อย หรือเกี่ยวข้องกับองค์กรศาสนาดังกล่าว แต่กระนั้น ผู้คนก็ยังไม่คลายความสงสัย ยังมีการขุดคุ้ยความเกี่ยวข้องของรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยหลายคนอย่างต่อเนื่อง

จุดพลิกผันนี้ทำให้ประชาชนที่เคยเห็นด้วยกับการจัดรัฐพิธีศพนาย อาเบะ เริ่มไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินภาษีของพวกเขามาใช้ เมื่อเปรียบเทียบการสำรวจความเห็นในเรื่องนี้โดยสำนักข่าว เอ็น เอช เค เมื่อเดือนกรกฎาคมหลังการเสียชีวิต มีผู้เห็นด้วย 49% ไม่เห็นด้วย 38% แต่ผลสำรวจเดือนสิงหาคม มีผู้เห็นด้วย 36% ไม่เห็นด้วย 50% นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มต่อต้านถือป้ายประท้วง “ทำไมเอาเงินภาษีของเราไปใช้” “อย่าบังคับให้อาลัย” มีการร่วมลงชื่อทางอินเตอร์เน็ตให้ยกเลิกรัฐพิธี นับเป็นการบานปลาย และพลิกความคาดหมายอย่างมากหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหาร จนจะถึงวันที่กำหนดรัฐพิธี 27 กันยายนนี้ แม้รัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจว่า ไม่ได้บังคับให้ประชาชนแต่งกายไว้ทุกข์และไม่เกี่ยวกับการเรียกคะแนนนิยมทางการเมืองก็ตาม

แต่… เสียงเรียกร้องขอความชัดเจนว่า “ต้องจัดรัฐพิธีด้วยหรือ” เมื่อจะนำภาษีของประชาชนไปใช้ เจ้าของเงินก็ควรเห็นชอบด้วย ยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้เอง จากการสำรวจของหนังสือพิมพ์ไมนิชิ(毎日新聞)เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคะแนนความนิยมรัฐบาลคิชิดะลดฮวบลงอย่างน่าใจหายถึง 16% เหลือเพียง 36% เท่านั้น

มีชอบ มีไม่ชอบ… มีตั้งอยู่และดับไป… เป็นสัจธรรม