ไม่มีเหตุผลที่จะยื้อ/เมนูข้อมูล นายดาต้า

เมนูข้อมูล

นายดาต้า

 

ไม่มีเหตุผลที่จะยื้อ

 

หลังข้างมาก 5 เสียงของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ “นายกรัฐมนตรี” ด้วยคิดว่ามีเหตุอันควรให้เชื่อว่าดำรงตำแหน่งนี้มาครบ 8 ปี ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามให้ดำรงตำแหน่งต่อไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

แต่อาจจะเป็นเพราะเกิดมีตุลาการเสียงข้างน้อย 4 คนคิดว่าไม่มีเหตุอันควรเช่นนั้น จึงโหวตในทางไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างพิจารณาคำร้องให้ตีความว่าควรจะนับเวลาการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2557 หรือไม่

อาจจะเพราะมติที่เฉียดฉิว 5 ต่อ 4 ก่อความหวังให้ผู้ที่ “มั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน” กับ “การเชิดชูลุงตู่” จึงเกิดความเคลื่อนไหวสร้างข้อมูลเพื่อนำเสนอให้สาธารณชนเกิดความเชื่อว่า 8 ปีในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์นั้นได้สร้างผลงานที่ทุกคนควรตระหนักในความรู้สึกประทับใจไว้ ทั้งในรูปของคลิปผลงาน 8 ปีที่จัดทำขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความพยายามของบางคนที่ชี้ชวนทางช่องทางสื่อส่วนตัว

และนี่เองที่ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “กำลังใจดี”

เป็นข้อมูลที่อาจจะทำให้รู้สึกว่าหากมีการตัดสินให้คืนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

 

ทว่า นั่นกลับเป็นดาบ 2 คม เพราะการพิจารณาว่าจะคืนเก้าอี้ให้หรือไม่นั้น ประเด็นไม่เกี่ยวกับผลงานดีแค่ไหน เพราะในคำร้องนั้นชี้ให้เห็นว่า “การอยู่ครองอำนาจเกิน 8 ปีนั้นขัดรัฐธรรมนูญ”

การย้ำเรื่อง “ผลงาน 8 ปี” จะยิ่งย้ำให้เกิดความเข้าใจว่าอยู่มานานเท่าไรแล้ว ซึ่งเข้าประเด็นที่จะต้องพิจารณามากขึ้น การเชียร์ด้วยวิธีเช่นนี้อาจะส่งผลในทางตรงกันข้ามกับที่อยากจะให้เป็นไปเสียมากกว่า

อีกทั้งหากจะว่ากันถึง “ผลงาน” กันแล้ว

มีการประเมินอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่การคัดเอาเองของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะเป็นรายงานล่าสุดของ “สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” เรื่อง “ความก้าวหน้าตามเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี”

รายงานฉบับนี้ระบุถึง “ประเด็นที่ต่ำกว่าค่าเป้าหมายในขั้นวิกฤต” อันหมายถึงล้มเหลวหมดท่าไว้ถึง 11 เรื่อง

คือ ประชาชาติมีความมั่นคงในทุกมิติและทุกระดับเพิ่มเติม, ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในสาขาเกษตรเพิ่มขึ้น, การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในสาขาอุตสาหกรรมและบริการ, ผลิตภาพ การผลิตของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเพิ่มขึ้น, ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศด้านการท่องเที่ยวต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้น, ช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ลดลง, คนไทยมีการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลเพิ่มขึ้น มีทักษะที่จำเป็นของโลกศตวรรษที่ 21 สามารถในการแก้ปัญหาปรับตัวสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้น มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต, ผลิตภาพของน้ำทั้งระบบเพิ่มขึ้นในการใช้น้ำอย่างประหยัดและสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้ำ, ประเทศไทยปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ, ความสามารถในการแข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและด้านโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของประเทศเพิ่มสูงขึ้น

หากพิจารณาให้ละเอียดจะพบว่า ทั้ง 11 เป้าหมายที่ล้มเหลวขั้นวิกฤตจากการจัดการมา 8 ปีของรัฐบาลภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์” นี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องสำคัญระดับที่ไม่มีทางที่ประเทศจะพัฒนาไปได้หากตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

การตอกย้ำด้วยข้อมูลจากสภาพัฒน์นี้เองที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่มีจิตใจห่วงใยความเป็นไปของประเทศ ไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำด้วยอคติ หรือความลุ่มหลงบางอย่าง ย่อมตระหนักว่า อย่าว่าแต่ข้อกฎหมายที่ยากจะดิ้นเพื่อหลบเลี่ยงเลย

กระทั่งผลงานที่พยายามจะเอามาเป็นข้ออ้าง ก็ยังห่างไกลที่จะสร้างความชอบธรรมอะไรขึ้นมาเพื่อยื้อต่อไปได้