“ตั้งฮกกี่” ร้านบะหมี่อริราชศัตรู ที่มีรสชาติของ “คนเท่ากัน” / รายงานพิเศษ : กรกฤษณ์ พรอินทร์

รายงานพิเศษ 

กรกฤษณ์ พรอินทร์

 

“ตั้งฮกกี่”

ร้านบะหมี่อริราชศัตรู

ที่มีรสชาติของ “คนเท่ากัน”

 

จากกรณีที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าร้านบะหมี่ตั้งฮกกี่ เป็นร้านบะหมี่อริราชศัตรูที่ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้เกิดกระแสตีกลับ เกิดปรากฏการณ์ผู้คนแห่แหนมาอุดหนุนที่ร้านบะหมี่แห่งนี้ เพื่อให้กำลังใจ จนร้านบะหมี่ตั้งฮกกี่กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ผู้รักประชาธิปไตยต้องไปเยือนสักครั้ง

อาร์ท ชายหนุ่มเจ้าของร้านบอกกับเราว่า ร้านบะหมี่แห่งนี้ไม่ใช่บะหมี่ร้านเก่าแก่ของพ่อแม่ แต่เป็นร้านที่ก่อตั้งขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเมื่อ 3 ปีก่อน

หลังจากเรียนจบนิเทศศาสตร์ เขาประกอบอาชีพค้าขาย โดยขายเครื่องประดับอยู่ที่จตุจักร และเดินทางไปเมืองจีนเพื่อคอยส่งเครื่องประดับมาให้ที่บ้านนำมาขายที่จตุจักร แต่ในระยะหลังมานี้จตุจักรซบเซา เขาจึงมีแผนที่จะทำธุรกิจอื่นเป็นของตัวเอง

ด้วยความที่เดินทางไปประเทศจีนอยู่บ่อยครั้งจากการที่ต้องส่งของมาให้ที่บ้านขาย บวกกับการที่ชอบกินบะหมี่เป็นทุนเดิม จึงคิดที่จะเปิดร้านบะหมี่ในเมืองไทย พร้อมกันนั้นที่บ้านทำอาหารอร่อยกันอยู่แล้ว จึงช่วยกันคิดเมนูพร้อมสูตรเด็ดเคล็ดลับกันขึ้นมา เมื่อทุกอย่างลงตัว จึงเลิกขายเครื่องประดับที่จตุจักร และมาเปิดร้านที่โชคชัย 4 ซอย 60 แทน

อาร์ทดูแลร้านบะหมี่แห่งนี้เองทั้งหมด ทั้งวิสัยทัศน์ของร้าน การออกแบบเมนู รสชาติอาหาร และการตกแต่งร้าน เขาทุ่มเท เอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีและประสบการณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมา ก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อทำตามความฝันกับการเปิดร้านบะหมี่แห่งนี้

อาร์ท เจ้าของร้าน ตั้งฮกกี่ บะหมี่กวางตุ้ง

อาร์ทยอมรับว่า เมื่อแรกเริ่มเปิดร้าน เขารู้สึกกลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตของร้านบะหมี่แห่งนี้จะเป็นอย่างไร ลูกค้าจะตอบรับอย่างไร หรือจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรบ้าง ซึ่งผลตอบรับในไตรมาสแรกคือลูกค้าให้ความสนใจมาก โดยจะมีลูกค้าเป็นคนจีนกับคนไทยคละเคล้ากันไป เพราะถนนฝั่งตรงข้ามร้านเป็นโรงแรมที่มีทัวร์จีนมาพัก ร้านจึงให้บริการลูกค้าชาวจีนด้วย

จนกระทั่งโควิด-19 ระบาด สถานการณ์ของร้านจึงแย่ลงไป เพราะคนไทยค่อนข้างกลัวคนจีนว่าจะเอาโควิดมาติด เลยไม่กล้าเข้าร้าน ส่วนลูกค้าคนจีนก็น้อยลงเพราะเดินทางออกนอกประเทศมาที่ไทยไม่ได้ บวกกับการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ไม่มีความแน่นอน เดี๋ยวให้เปิดร้าน เดี๋ยวให้ปิดร้าน ทำให้เขาเมาหมัด ตั้งตัวไม่ติด รับมือกับวิกฤติไม่ได้ในช่วงแรก แต่ก็ไม่ได้ถอดใจ

ในความโชคร้ายก็ยังพอมีโชคดีอยู่บ้าง ตรงที่ว่า เขาเลือกทำอาหารที่ปรุงสุก 2 รอบได้ เพราะมีครัวกลางที่ทำอาหารเก็บไว้ ส่งมาในครัวล่างของร้านที่เป็นครัวประกอบ ทุกอย่างถูกปรุงสุกมาแล้ว สามารถนำไปแช่แข็งต่อได้ เพราะเขาคิดไว้แล้วว่าอาหารทุกอย่างในร้านจะต้องเก็บสต็อกไว้ได้เผื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งมันก็เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ เมื่อการระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้น ทางร้านเลยไม่เจ็บตัวมากนัก

บะหมี่เนื้อตุ๋น

ช่วงที่โควิด-19ระบาดในระลอกแรก หน้าร้านเปิดไม่ได้ เลยเน้นการขายออนไลน์เป็นหลัก แต่ว่าในระยะแรกเริ่มที่เปิดร้านในตอนนั้น ร้านก็ยังไม่มีชื่อเสียงเหมือนอย่างในตอนนี้ ยอดขายจึงไม่ได้ดีมาก เขาจึงต้องใช้ความอดทน และการทำงานหนักเข้าสู้ ด้วยนโยบายที่จะไม่ตัดเงินเดือนลูกน้อง เลยเลือกที่จะตัดเงินเดือนตนเองก่อนเพื่อที่จะเอาไปโปะค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าตัวลูกน้อง ค่าไฟ ค่าน้ำ ทำงานแบบไม่มีเงินเดือนให้ตัวเอง เพื่อพยุงค่าใช้จ่ายให้ผ่านพ้นไปได้ในแต่ละเดือน

เมื่อก่อนตอนเปิดร้านบะหมี่ใหม่ๆ ก็ทำเพจร้านบะหมี่ไปตามปกติ ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรก ช่วงนั้นก็มีม๊อบเกิดขึ้นพอดี ตัวเขาเองก็สนับสนุนความเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตย เลยส่งอาหารไปให้ม๊อบทีละ 100 กล่องบ้าง 200 กล่องบ้าง ก็ไม่โดนทัวร์ลงอะไร จนกระทั่งส่งอาหารไปให้คุณจอห์น วิญญู ปรากฏว่าทัวร์ลงยับ โดนผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะนำไปแขวนในเฟซบุ๊กส่วนตัว จนเป็นข่าวดัง ทำให้มีลูกค้ามาอุดหนุนที่ร้านเป็นจำนวนมาก

เกี๊ยวทรงเครื่อง เมนูเด็ดประจำร้าน

เมื่อร้านบะหมี่กลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่แห่งประชาธิปไตยยุคปัจจุบัน อาร์ทให้ความเห็นในเรื่องนี้ไว้ว่า สำหรับเขาแล้ว การทำแบรนด์ๆ หนึ่งขึ้นมา คนที่สร้างแบรนด์ขึ้นมาคงต้องการสิ่งหนึ่งคล้ายๆ กัน ซึ่งก็คือภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ เขาคิดว่า ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ยึดโยงกับประชาธิปไตยเป็นภาพลักษณ์ที่ดีมาก จึงไม่ใส่ใจที่ตนเองโดนแขวนแบบนั้น อีกอย่าง อาร์ทมองว่า มันไม่ใช่เรื่องผิดที่คนเราแสดงความคิดเห็นทางการเมืองพร้อมกับการขายของไปพร้อมกัน

หลังร้านเปิดตัวว่าสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตย ปฏิกริยาจากแฟนเพจร้านบะหมี่ดูสนุกสนานขึ้น รวมถึงบรรยากาศในร้านก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันด้วย ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาก่อกวนที่ร้าน ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มาให้กำลังใจ บางคนเดินทางมาไกลจากต่างจังหวัด หลายคนเดินทางมาไกลจากต่างประเทศ และต่อให้มีลูกค้าที่ไม่ใช่ฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยเข้ามาในร้าน อาร์ทก็ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีไม่ต่างจากลูกค้าคนอื่นๆ เพราะเชื่อในเรื่องของคนเท่ากัน หากมีการแลกเปลี่ยนมุมมองทางการเมืองที่ไม่หยาบคาย เขาก็พร้อมที่จะคุยกับทุกคนเสมอ

ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะเป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการ ว่าสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้กับการสนับสนุนประชาธิปไตย และมองเห็นคนเท่ากัน

เขาบอกอีกว่า ตอนนี้ร้านบะหมี่ของเขาถือว่าอยู่ในจุดที่พึงพอใจแล้ว พอร้านมีคนรู้จักเยอะขึ้นเขาจึงอยากใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อก่อนตนเองก็ไม่เคยคิด แต่มาถึงตอนนี้ก็คิดได้แล้วว่าตนอยากเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมและผู้คนให้ไปด้วยกันได้หมด เช่น เมื่อก่อนเขาจะแจกบะหมี่โดยใช้เงินทิปหรือเงินที่ลูกค้าตั้งใจมอบให้ร้านมาทำ แต่ในตอนนี้แทนที่จะนำเงินส่วนนั้นมาใช้ทำบะหมี่ให้ร้านของตน เขาก็เอาไปซื้ออาหารของร้านต่างๆ ในละแวก อย่างน้อยรายได้ส่วนนี้ก็จะกระจายไปที่คนอื่นด้วย ไม่ใช่อยู่แค่ร้านบะหมี่ของเขาเท่านั้น เขาบอกว่า รอดคนเดียวมันไม่สนุก ต้องให้คนอื่นรอดกันไปด้วย

อาร์ททิ้งท้ายว่า ถ้าประชาธิปไตยมีรสชาติ รสชาติของประชาธิปไตยน่าจะกลมกล่อมเหมือนเกี๊ยวทรงเครื่อง เมนูเด็ดประจำร้านของเขา

ตั้งฮกกี่ บะหมี่กวางตุ้ง อยู่ที่โชคชัย 4 ซอย 60 เปิดเวลา 10.00-15.00 น. มีที่จอดรถฝั่งตรงข้ามร้าน •