เดิมพัน!! งบ 1,000 ล้าน จุดพลุท่องเที่ยว ‘พิพัฒน์’ ควง ททท.สตาร์ตเครื่องยนต์ ช่วงชิงต่างชาติลัดฟ้าเข้าไทย 10 ล้านคน/บทความเศรษฐกิจ

บทความเศรษฐกิจ

 

เดิมพัน!! งบ 1,000 ล้าน จุดพลุท่องเที่ยว

‘พิพัฒน์’ ควง ททท.สตาร์ตเครื่องยนต์

ช่วงชิงต่างชาติลัดฟ้าเข้าไทย 10 ล้านคน

นับตั้งแต่การระบาดของเชื้อโควิด-19 ตีกลับมาอีกครั้งต้นปี 2563 แต่ก็ยังมีความพยายามในการเปิดประเทศ เพื่อให้ต่างชาติเดินทางเข้าไทย

ซึ่งเป้าหลักไม่ใช่แค่นักธุรกิจต่างชาติที่มีสำนักงานในไทยที่ตกค้างในประเทศ ต่างยังมุ่งหวังจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาอีกครั้ง

ทำให้เริ่มเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จะว่าไปประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศแรกๆ ที่แสดงให้เห็นว่าได้ก้าวข้ามวิกฤตการระบาดโควิด หวังสร้างความเชื่อมั่นในการเปิดประเทศ แม้เลือกเฉพาะจังหวัด ไม่ได้รวมทั้งประเทศก็ตาม แต่ก็เป็นก้าวสำคัญแรกของภาคการท่องเที่ยวไทย ที่จุดประกายความหวังให้เกิดขึ้น ทั้งที่เกือบมอดดับไปหลายครั้งในระหว่างทางเดินกว่า 2 ปี

และเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเริ่มต้นก้าวใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ประกาศตัวให้ใหญ่กว่าเดิม ด้วยการยกเลิกระบบไทยแลนด์ พาส มาตรการที่เคยบังคับใช้แบบเข้มงวดที่สุด ที่สั่งห้ามนั่นห้ามนี่ก็ผ่อนปรนได้มากขึ้น

ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการประกาศอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วอย่างแน่นอน รักษาอาการโรคลักปิดลักเปิดหายแล้ว

ทำให้เดือนกรกฎาคม 2565 เป็นเดือนแรกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยทะลุ 1 ล้านคน

นับเป็นล้านแรกในรอบกว่า 2 ปีที่เกิดโควิดระบาดขึ้น

แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในตอนนี้ยังเทียบไม่ได้กับช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิดเมื่อปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยเกือบ 40 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 1.93 ล้านล้านบาทก็ตาม

 

ถึงหลายเรื่องผ่อนคลายลง แต่มรสุมพายุกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลก ก็ยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดหวัง

ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงหวังพึ่งพาภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกำลังเข้าช่วงไฮซีซั่นของภาคท่องเที่ยวรับการเดินทางพักผ่อนและฉลองปีใหม่ 2566 ฉะนั้น ช่วง 4 เดือนที่เหลือปี 2565 เป็นต้นไป จะเป็นช่วงทองและทำเงินได้มากมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศใดจะจุดประกายได้มากแค่ไหน

สำหรับประเทศไทย ภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า ด้วยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนโควิดระบาด ได้สร้างรายได้โดยตรงเข้าระบบเศรษฐกิจไทยเกือบ 2 ล้านล้านบาท หากรวมกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็ไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านล้านบาท

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์ว่า ช่วงที่เหลือของปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่เร่งตัว จากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด ตามการทยอยลดมาตรการเดินทางระหว่างประเทศในหลายประเทศ รวมถึงไทย

โดยประเมินว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งปี 2565 อาจเพิ่มขึ้นแตะ 10 ล้านคน จากเดิมประมาณการไว้ 7.4 ล้านคน สาเหตุมาจากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะเห็นอุปสงค์คงค้าง (Pent-up demand) สะท้อนจากสล็อตตารางการบินในช่วงฤดูหนาว 2565 หรือช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือนมีนาคม 2566 ของสนามบินนานาชาติหลักของไทยที่มีการจองล่วงหน้าสูง

ส่งผลให้ภาคบริการและการบริโภคเอกชนในภาพรวม โดยเฉพาะบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยิ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องถึงปี 2566 จากนักท่องเที่ยวจีนที่มีแนวโน้มกลับมาเดินทางระหว่างประเทศ

โดยคาดว่ารัฐบาลจีนจะเริ่มทยอยผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (ซีโร่โควิด) ในช่วงปลายปี 2565 และปลดล็อกการเดินทางเกือบเท่าเดิมในปี 2566

 

แม้ตอนนี้ไทยยังเห็นความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ที่เป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่ในระยะถัดไปความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกมีเพิ่มสูงขึ้น สร้างแรงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความกังวลต่อความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัว เศรษฐกิจยุโรปที่เผชิญความเสี่ยงจากด้านอุปทานพลังงานจากรัสเซีย รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ยังคงมีความเปราะบางในหลายภาคส่วน

เมื่อธงถูกปักลงที่ภาคการท่องเที่ยวไทย “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวเรือใหญ่ขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยวไทย ประกาศความพร้อมการกระตุ้นไทยเที่ยวไทยและดึงดูดต่างชาติเข้าไทย โดยมั่นใจตามแผนที่เตรียมไว้จะดันให้เดือนสิงหาคม-กันยายน มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน และ 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ (ตุลาคม-ธันวามคม 2565) จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยจะเพิ่มเป็นกว่า 1.5 ล้านคนต่อเดือน

ทั้งให้ให้เชื่อมั่นว่า ทั้งปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน สร้างรายได้ 8 แสนล้านบาท และตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 6.56 แสนล้านบาท รวมเป็นรายได้รวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 50% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิดระบาด ซึ่งปีนั้นมีรายได้ 3 ล้านล้านบาท

“หากจะไปให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งจำนวนและรายได้ รัฐบาลต้องอัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำตลาดและกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงที่เหลือในปีนี้ เพราะหากไม่มีเงินให้ ก็ไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้ จึงขอความกรุณานายกรัฐมนตรีให้การอัดฉีดเงินเพิ่ม เพื่อให้ได้ตามเป้าที่ 10 ล้านคน เป็นรายได้จากต่างชาติ ที่ตอนนี้มั่นใจว่าได้ 1.2 ล้านล้านบาทแน่นอน แต่จำนวน 1.5 ล้านล้านบาทตามเป้า ต้องใช้กลยุทธ์จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการทำตลาด ทำให้ต่างชาติสามารถใช้จ่ายได้มากขึ้น และอาศัยงบประมาณจากรัฐบาลในการจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดร่วมด้วย”

พร้อมโชว์สถิติภาคท่องเที่ยว หลังจากรัฐบาลไทยประกาศยกเลิกระบบไทยแลนด์ พาส เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ส่งผลให้ 7 เดือนแรก หรือมกราคม-กรกฎาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว 3.15 ล้านคน และสร้างรายได้ให้แล้วกว่า 1.57 แสนล้านบาท

 

อีกฝ่ายที่มีบทบาทสำคัญ “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า หากสิ้นปี 2565 มีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น จะดันให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตั้งไว้ มีโอกาสทำได้ตามเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลอนุมัติงบประมาณ 1,000 ล้านบาท จะเป็นเครื่องมือในการเข้ามาสนับสนุนการทำตลาด และกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ทั้งเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างชาติเป็นหลัก

“ตอนนี้ได้รับสัญญาณมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 เรื่องการกักตัว และการผ่อนคลายมาตรการทางการบินของจีนให้พลเมืองออกนอกประเทศเพิ่มมากขึ้น ทำให้น่าจะมีโอกาสเปิดเที่ยวบินไปกลับระหว่างจีน-ไทยเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี รวมถึงจากการรายงานของสำนักงาน ททท.ในจีน พบว่า รัฐบาลกลางมีแนวโน้มให้รัฐบาลท้องถิ่นมีอำนาจในการเปิดประเทศ เปิดพรหมแดน ซึ่ง ททท.จะมีการหารือกันในบางมลฑณร่วมกับจีน ถึงความร่วมมือการเดินทางและความปลอดภัย มองว่าไทยมีโอกาสได้เห็นชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนักเรียน นักศึกษา และนักธุรกิจที่เข้ามาช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยได้มากขึ้น ส่งผลให้ตั้งเป้าหมายปี 2566 ดึงนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 4 ล้านคน ฟื้นตัวกลับมา 30-40% และคาดว่าปีหน้านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด” ผู้ว่าการ ททท.ทิ้งท้ายด้วยความหวัง

ไม่ว่าการเมืองโลก การเมืองในประเทศ ร้อนระอุแค่ใด แต่เมื่อไม่มีข้อห้ามเหมือนช่วงโควิด-19 ระบาด เมื่อถึงเทศกาลฉลองปีใหม่ การเดินทางท่องเที่ยวก็ยังอยู่กับผู้คน เพียงแต่ประเทศใดจะเติมแต่งเพื่อการจูงใจได้มากกว่ากัน