ศัลยา ประชาชาติ : “สายการบิน-ทัวร์ ตปท.” สุดคึก เฮรับ ICAO ปลดธงแดง

ถือเป็นข่าวดีในรอบปีของธุรกิจสายการบินเลยก็ว่าได้ สำหรับความเคลื่อนไหวขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization & ICAO) หรือ ไอเคโอ ที่ได้ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยออกจากหน้าเว็บไซต์ของ ICAO ไปเมื่อ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา

หลังจากที่ได้ปักธงแดงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2558

การถูก ICAO ปักธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยในวันนั้นถือเป็นความเสียหายอย่างมากมาย และส่งผลให้แผนการเปิดเส้นทางบินใหม่ของทุกสายการบินสะดุดทันที

โดยเฉพาะเดสติเนชั่นยอดนิยมในห้วงเวลานั้นที่สายการบินโลว์คอสต์ทุกค่ายทั้งไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ และนกสกู๊ต ต่างแย่งกันเปิดเส้นทางบินสู่ญี่ปุ่นและเกาหลี ขณะที่การบินไทยก็มุ่งเปิดเส้นทางสู่อเมริกาและยุโรป

อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปิดให้สายการบินต่างชาติบินเข้ามากินส่วนแบ่งในประเทศไทยอย่างชัดเจนมากขึ้น

โดยจากรายงานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. พบว่า ในปีงบประมาณ 2559 ที่ผ่านมา จำนวนเที่ยวบินต่างประเทศที่บินเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.2 จากปีงบประมาณ 2558

 

แน่นอนว่า การปลดธงแดงออกจากหน้าชื่อประเทศไทยของ ICAO จะส่งผลดีต่อไทยทั้งในอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว ทั้งช่วยสร้างความเชื่อถือของหน่วยงานด้านการบินของไทย และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวในการเลือกใช้สายการบินสัญชาติไทย

ขณะเดียวกันก็จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะหนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางในรูปแบบการเช่าเหมาลำ เนื่องจากหลายสายการบินที่ได้ AOC recertification สามารถกลับมาให้บริการได้แล้ว

หลังมีข่าวดี ทั้งบินไทย และไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ รวมถึงสายการบินอื่นๆ ต่างมีความเคลื่อนไหวที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะเส่นทางสู่ตลาดยุโรป รวมถึงเกาหลีและญี่ปุ่น ที่ล้วนเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวในระดับที่สูงทั้งสิ้น

 

“เรืออากาศเอกกนก ทองเผือก” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานบริหารกฎหมาย บริษัทการบินไทย บอกว่า หลังจากจากนี้การบินไทยจะพิจารณากลับมาเปิดจุดบินเข้าสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง รวมถึงเส้นทางอื่นๆ ในยุโรป ทั้งที่เป็นเส้นทางเดิมที่เคยทำการบินมาแล้วแต่หยุดไป และเส้นทางใหม่ๆ โดยจะนำเสนอให้บอร์ดพิจารณาในวันที่ 18 ตุลาคมนี้

เช่นเดียวกับ “นายนัตดา บุรณศิริ” ซีอีโอสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่บอกว่า มีแผนจะประชุมหารือภายในองค์กรว่าจะเลือกเปิดเส้นทางบินหรือเพิ่มเที่ยวบินใหม่ไปจุดบินไหนบ้าง รวมถึงหารือถึงสัดส่วนระหว่างผู้โดยสารขาเข้า (อินบาวด์) และขาออก (เอาต์บาวด์)

รวมทั้งเรื่องการหาเครื่องบินใหม่เข้ามาเสริม ซึ่งหลังจากสรุปเสร็จคาดว่าจะดำเนินการได้เร็วสุดภายใน 6 เดือนนับจากนี้

โดยเส้นทางแรกที่คาดว่าน่าเปิดให้บริการเพิ่มได้คือ กรุงเทพฯ-ซัปโปโร (ญี่ปุ่น) ที่ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เคยเปิดตัวไปเมื่อปี 2558 แต่มาติดปัญหา ICAO เสียก่อน

จากนั้นมีแผนจะเปิดให้บริการเส้นทางใหม่บินตรงแบบประจำสู่ยุโรปในหลากหลายจุดบินในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า โดยมุ่งเจาะแถบยุโรปตะวันออกเป็นหลัก

นอกจากนี้ ในปี 2561 นี้ ยังมีแผนรับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 อีก 3-4 ลำ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 6 ลำ

 

ด้าน “ไทยไลอ้อนแอร์” และ “นกสกู๊ต” ก็มีแผนมุ่งเปิดเส้นทางบินใหม่สู่ญี่ปุ่นและเกาหลี เพราะเชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจากไทยไปญี่ปุ่นและเกาหลียังมีปริมาณที่สูงต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและเกาหลีก็ยังมีความต้องการเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยสูงเช่นกัน

“อัศวิน ยังกีรติวร” ซีอีโอสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ บอกว่า เตรียมรับมอบเครื่องบินใหม่ แอร์บัส เอ 330-300 ขนาด 392 ที่นั่ง จำนวน 3 ลำ ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะนำมาให้บริการในเส้นทางบินใหม่

และน่าจะพร้อมเปิดเส้นทางบินสู่ญี่ปุนได้ราวกลางปี 2561

โดยมองไว้ 2 เมือง คือ กรุงโตเกียว (นาริตะ) และฟุกุโอกะ

นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ไปประเทศจีน อย่างน้อย 5 จุดหมาย ทั้งเมืองใหญ่และเมืองรองด้วย

ส่วนสายการบินนกสกู๊ตนั้น ผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่ง กล่าวว่า สายการบินมีความพร้อมที่จะเปิดเส้นทางบินไปสู่โตเกียว โอซากา ประเทศญี่ปุ่น และกรุงโซล ประเทศเกาหลีทันที

ซึ่งที่ผ่านมาทีมบริหารได้เร่งบริหารต้นทุนให้ดีขึ้น เพื่อทำราคาตั๋วเครื่องบินสู้กับสายการบินคู่แข่งอื่นๆ ได้

และในปี 2561 “นกสกู๊ต” มีแผนรับมอบเครื่องบินลำตัวกว้างลำใหม่ โบอิ้ง 777-200 รองรับผู้โดยสารได้ 415 ที่นั่ง เพิ่มอีก 2 ลำ เพื่อรอนำมาบินในเส้นทางญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

กระทั่งสายการบินน้องใหม่อย่าง “นิวเจน” ทันทีได้ข่าว ICAO ปลดธงแดงก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงแผนงานและทิศทางการทำธุรกิจทันที

โดย “เจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์” ซีอีโอ บอกว่า นับจากนี้เป็นต้นไปสายการบินนิวเจนมีแผนขยายเส้นทางบินใหม่อย่างเต็มอัตรา ทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและเส้นทางบินระหว่างประเทศ

คาดว่าภายในปี 2561 นี้จะมีเส้นทางให้บริการทั้งหมดรวมราว 50 เส้นทางบิน จากปัจจุบันสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีประมาณ 40 เส้นทาง โดยมีแผนจะเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศเกาหลีใต้, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย และอินเดีย ให้ได้ภายในปี 2561 จากที่ผ่านมาเส้นทางบินส่วนใหญ่ให้บริการเส้นทางจากกรุงเทพฯ เข้าสู่เมืองรองของประเทศจีนเป็นหลัก

“เจริญพงษ์” ยังพูดถึงแผนยุทธศาสตร์การเติบโตของสายการบินนิวเจนด้วยว่า นิวเจนมีแผนรับเครื่องบินใหม่เพิ่มปีละ 4 ลำ

นั่นหมายความว่าในปีหน้า 2561 นิวเจนจะมีฝูงบินรวมทั้งหมด 16 ลำ

และเพิ่มเป็น 20 ลำในปี 2562 และเพิ่มเป็น 24 ลำในปี 2563

และต้องสร้างรายได้เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าหลังจากที่ ICAO ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยจะส่งผลให้สถานการณ์อุตสาหกรรมการบินของไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 เติบโตอย่างคึกคักขึ้น และมีผลทำให้ธุรกิจสายการบินของไทยเติบโตได้เต็มศักภาพในปี 2561

คาดว่า ธุรกิจสายการบินของไทยในปี 2560 จะมีรายได้ประมาณ 278,900 ล้านบาท และน่าจะแตะ 294,500 ล้านบาทในปี 2561

รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การปลดธงแดงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลบวกต่อธุรกิจสายการบินเท่านั้น แต่ยังจะเป็นส่วนสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมการบินโดยรวมของไทย

ที่สำคัญคือ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กับนโยบายของภาครัฐซึ่งวางแผนให้อุตสาหกรรมการบินเป็นฟันเฟืองหลักในการผลักดันโครงการ EEC หรือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ให้สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านโครงการเมืองการบินหรืออู่ตะเภาด้วย