ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (126) : เหตุการณ์ Brexit

ฟ้า พูลวรลักษณ์

เหตุการณ์ Brexit นี้น่าสนใจ เพราะ

๑ คนที่ไปโหวตออก

๒ และผู้นำของพวกเขา

๓ และสื่อที่สนับสนุน

ล้วนตกตะลึง เวลาผลออกมา ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะชนะ และไม่ได้มีการวางแผน การคิดอย่างรอบคอบ ทุกอย่างเป็นเพียงการใช้อารมณ์ ใช้อัตตา

พวกเขาไปลงประชามติออกจากอียู เพียงเพื่อสนองอารมณ์ตัวเอง ต้องการเยาะเย้ย ถากถางอะไรบางอย่าง อยากอวดอะไรบางอย่าง หลงคิดหลงฝันอะไรบางอย่าง ไม่ยอมรับความจริง ทุกอย่างเป็นเรื่องแปลกไปหมด

หากการลงประชามติ ออก แล้วชนะ แล้วดีใจ ก็ไม่น่าแปลกใจ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น หลายคนทำไมกลับหน้าซีด พูดไม่ออก กลับเต็มไปด้วยความกังวล มีอาการสำนึกผิด เสียใจ


ผลที่ยูเค ออกจากอียู มีผลใหญ่หลวงต่อโลก ใหญ่กว่าที่คิด เพราะมันหมายถึง

๑ อาจเกิดการแตกสลายของราชอาณาจักรอังกฤษเอง เช่น การแยกตัวออกไปของสกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ

๒ อาจเกิดการแตกสลายของตัวอียูเอง เพราะมีชาติอื่นเลียนแบบ

๓ อาจทำให้เกิดสงครามในยุโรปในอนาคต ความดีของอียูคือทำให้ไม่มีสงครามในยุโรป

๔ ยิ่งทำให้โลกแตกแยก และเกิดสงครามโลก

เราสามารถคิดไกลออกไปสู่ความไม่แน่นอนในอนาคต

แต่ที่เห็นชัดเจน และเกิดขึ้นก็รุนแรงพอแล้ว

๑ ความโกรธแค้นของอียู และความต้องการจะล้างแค้น

๒ ความแตกแยกภายในประเทศยูเคเอง ใกล้จะเกิดสงครามกลางเมือง หากแต่มันไม่ใช่สงครามระหว่างเหนือกับใต้ แต่เป็นสงครามของคนต่างวัย

ไม่ใช่สงครามด้วยอาวุธ แต่เป็นสงครามทางจิตใจ

คนอายุน้อยเลือกจะอยู่กับอียู คนสูงอายุเลือกจะออก

ความเห็นต่างนี้มีผลรุนแรง เพราะมันแตกเป็นเสี่ยงๆ ภายในหนึ่งครอบครัว รุ่นปู่ย่าตายาย รุ่นพ่อแม่ ปะทะกับรุ่นลูกและรุ่นหลาน มันร้าวลึก

ความกร่างของพวกที่ต้องการออกจากอียู การทำอะไรโดยไร้ความรับผิดชอบนี้ ทำให้ฉันคิดถึงสมัยหนึ่ง ครั้งที่ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ชาวอังกฤษก็ดีใจใหญ่ ที่จะทำสงครามกับเยอรมัน เพราะหมั่นไส้มานาน พวกเขาเข้าสู่สงครามเหมือนกำลังจะไปฮอลิเดย์ หนุ่มๆ บางคนรีบไปรายงานตัว เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รบ บางคนกลัวว่าสงครามจะแล้วเสร็จในหนึ่งสัปดาห์ อยากทำสงครามเหลือเกิน สนุกเหลือเกิน เท่เหลือเกิน

แต่พวกเขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่า สงครามกับเยอรมันครั้งนั้นคือสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่ง

๑ รบกันสี่ปีกว่า

๒ ทหารเสียชีวิตสิบล้านกว่าคน

๓ ทหารบาดเจ็บยี่สิบเอ็ดล้านกว่าคน

๔ ทหารสูญหายเจ็ดล้านกว่าคน

ยังไม่นับความสูญเสียของชาวบ้าน บ้านเรือน และความสูญเสียทางเศรษฐกิจ

และยังไม่นับสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องตามมาอีกที และความตายที่มากกว่า

อาการดีอกดีใจ หลงฝันของชาวอังกฤษในวันก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คืออาการเดียวกันที่ฉันรู้สึก กับอาการที่ชาวอังกฤษบางกลุ่มอยากออกจากอียู พวกเขาช่างไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่


และสองวันต่อมา ทีมฟุตบอลของอังกฤษก็แพ้ Iceland ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ มีประชากรเพียงสามแสนกว่าคน และไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรในทางฟุตบอล ช่างน่าสมน้ำหน้าเสียจริง คนกร่าง อัตตาแรงอย่างนี้ สมควรถูกตบหน้า จะได้สะดุ้งตื่น คุณอยากออกจากเขา และคราวนี้คุณก็ได้ออกแล้ว แต่โดนเตะออก

ฉันบอกเพื่อนแต่แรกว่า ทีมอังกฤษน่าจะแพ้ เพราะสปิริตของพวกเขาผิดหมด ฉันเชื่อว่าชีวิตสะท้อนสปิริต เวลาเล่นจริงก็คงสะท้อนชาติของพวกเขา คือเป็นการเล่นที่ไม่มีการวางแผน

ทุกอย่างผิดหมด ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

ฉันได้ยินเสียงเพื่อนของฉัน ตะโกนโหวกเหวก ว่าวันลงประชามติของไทย ก็จะไม่ไปลง เพื่อตบหน้าสั่งสอนเผด็จการ นี้เป็นการกระทำที่กร่าง อวดอัตตา คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่

หากร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่าน คุณก็อย่าร้องคร่ำครวญ อย่าบ่นพึมพำก็แล้วกัน

ฉันแปลกใจในมนุษย์ ที่มีมิติแบนราบ ตื้นเขิน และทำผิดซ้ำไปซ้ำมา ในสิ่งที่เห็นชัดเจน

ในการทำประชามติในอังกฤษครั้งนี้ คนที่ต้องการให้อยู่ต่อ ก็สามารถทำนายได้หมด บอกเตือนว่าจะเกิดผลร้ายอะไรถ้าออก แต่ฝ่ายต้องการออก ไม่ยอมฟังเลย เอาหูทวนลม ครั้นพอออกได้จริง ทุกอย่างเป็นไปตามคำเตือน พวกเขาก็ได้แต่ยืนงง

การทำรัฐประหารในเมืองไทย มีการเตือนล่วงหน้าหลายครั้ง แต่คนจำนวนมาก ก็เอาหูทวนลม และวันนี้ ก็ได้แต่ยืนงง เดินไม่ถูก ทุกอย่างเป็นจริงตามคำเตือน ผลของมันร้ายแรงกว่าที่คิด ยาวนานกว่าที่คิด

ความขัดแย้งในเมืองไทย เป็นความขัดแย้งของแดงเหลือง หรือจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าสภาวะแดงเหลือง เพราะกลุ่มแดงเหลืองจริงๆ ยังคลุมไม่หมดทั่วประเทศ แต่สภาวะแดงเหลือง คลุมหมดทั้งประเทศ

มันคือความแตกต่างของกลุ่มก้าวหน้ากับกลุ่มอนุรักษ์

วิธีคิดง่ายๆ หากคุณเป็นหนุ่มสาว เวลามีคู่ คุณอยากให้ผู้ใหญ่หาให้ หรือหาเอง

กลุ่มที่อยากให้ผู้ใหญ่หาให้ เพราะตัวเองหาไม่เป็น จีบผู้หญิงไม่เป็น หรือโปรยเสน่ห์หนุ่มไม่เป็น หรืออาจเห็นว่า วิธีของคนรุ่นก่อน ก็มีผลดีไม่น้อย

ไม่ต้องดูไกล รุ่นพ่อแม่ของฉัน พ่อของฉันมีพี่น้องเจ็ดคน แม่ของฉันมีพี่น้องเก้าคน รวมสิบหกครอบครัว ล้วนมีคู่ด้วยวิธีโบราณ คือผู้ใหญ่แนะนำให้ ผลก็คือเกือบทุกครอบครัวล้วนเจริญรุ่งเรืองดี ลูกหลานเต็มบ้าน มีเพียงบางครอบครัวด้อยหน่อย แต่ก็แค่พอใช้ได้ ไม่ได้ย่ำแย่ทีเดียว

จะเห็นว่า ระบบคลุมถุงชน ระบบผู้ใหญ่หาให้ ด้วยความหวังดี ในอดีตได้ผลไม่น้อย

ให้หน้าที่และความรับผิดชอบเป็นตัวนำ ส่วนความรักความผูกพันจะตามมาเอง

มันได้ผลในยุคหนึ่ง แต่จะได้ผลในทุกยุคหรือ ฉันไม่รู้

รู้แต่ว่าโลกเปลี่ยนไป และคนรุ่นใหม่ ก็มีสิทธิเลือกทางของพวกเขา หากพวกเขาต้องการหาเอง ผู้ใหญก็ไม่ควรบังคับ ชีวิตเป็นของพวกเขา

ปัญหาบ้านเมือง ให้คนรุ่นใหม่ตัดสินดีกว่า

ผู้ใหญ่เจียมเนื้อเจียมตัว มีเมตตาธรรม และอย่าไปเหนื่อยยากมากนักเลย

ใครคิดเช่นนี้คือคนหัวก้าวหน้า ไม่ใช่เพราะมีเทคโนโลยีล้ำยุค หากแต่เพราะมีความอ่อนน้อม เจียมตัว และยอมรับว่าตัวเองหมดยุคแล้ว แค่นี้คือหัวก้าวหน้า

ใครที่คิดว่าตัวเองรู้ดีที่สุด และเก่งที่สุด ต้องการให้โลกนี้ยังคงเดิม ก็คือเผด็จการ

ชีวิตไม่ใช่สิ่งเสถียร

๑ ใจมนุษย์ไม่ได้เสถียร

๒ ระบบย่อยอาหารของมนุษย์ไม่ได้เสถียร

๓ ความคิดของมนุษย์ไม่ได้เสถียร

ดังนั้น มนุษย์ทุกคนจึงอยู่ใกล้ความตาย นิดเดียวก็คือตาย

๑๐

ฉันเชื่อว่าระบบเสรีประชาธิปไตยและระบบเผด็จการ ไม่มีใครดีและสมบูรณ์ หากแต่ขับเคลื่อนไปตามสภาวะ แต่ทว่าสิ่งสำคัญคือให้คนรุ่นใหม่ตัดสินชีวิตของพวกเขาดีกว่า ระบบอนุรักษ์หากคนรุ่นใหม่เลือก ก็ไม่มีปัญหา แต่ส่วนใหญ่มักถูกเลือกโดยคนรุ่นเก่า

ฉันเห็นคนที่ออกมาโลดเต้น เป็นตัวนำ ล้วนมีอายุมากแล้ว

มันผิดตรงจุดนี้เอง

พ่อแม่น่าจะถามลูกหลานว่าต้องการอะไร เพราะพวกเขาต่างหากที่ยังมีวันเวลาที่เหลืออยู่