หน้าฝนพ้นภัยอสรพิษ ด้วยโลดทะนงแดง / สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง

มูลนิธิสุขภาพไทย

www.thaihof.org

 

หน้าฝนพ้นภัยอสรพิษ

ด้วยโลดทะนงแดง

 

เข้าพรรษาก็เข้าหน้าฝนอย่างเป็นทางการ เห็นได้จากองค์พระแก้วมรกตได้เปลี่ยนไปทรงชุดฤดูฝนเรียบร้อยแล้ว

ปีนี้ฝนมาตามนัด บางวันตกกระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำให้เกิดสภาพน้ำรอระบายและมีแนวโน้มจะกลายเป็นน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งในเขตเมืองและกรุงเทพฯ ด้วย

ผลที่ตามมาคือ นอกจากมนุษย์เตรียมตัวอพยพหนีน้ำแล้ว ก็ยังมีสรรพสัตว์นานาชนิดอพยพหนีภัยน้ำท่วมด้วย อย่างเช่น สัตว์รำคาญ จำพวกมด แมลงสาบ

แต่ยังไม่อันตรายเท่ากับสัตว์พิษจำพวกงู ตะขาบ ตะเข็บ แมงป่อง แมงมุม ซึ่งเข้ามาอยู่ร่วมกับอาณาจักรของมนุษย์มากยิ่งขึ้นทุกที

หรือหากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ มนุษย์นั่นแหละที่บุกรุกเข้าไปในที่อยู่อาศัยของสิงสาราสัตว์เหล่านี้ ด้วยการทำโครงการบ้านจัดสรรเข้าไปในพื้นที่สวน ทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยของพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอน้อยลงทุกที

ดังนั้น เมื่อฝนตกน้ำท่วม อสรพิษเหล่านี้จึงพากันอพยพเข้ามาอาศัยในบ้านคนอลวนไม่รู้จบ

 

สมัยปู่ย่าตายายเพื่อให้เกิดความอุ่นใจพ้นภัยอสรพิษ ท่านจะให้สวดขันธปริตรคาถากันงู “วิรูปักเขหิ เม เมตตัง ฯ”

แต่เดี๋ยวนี้เรามียาดีเป็นสมุนไพรพื้นบ้านต้านพิษงูได้ชะงัดคือ รากโลดทะนงแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Trigonostemon reidioide

ผู้ที่ค้นพบตำรับยารักษางูพิษ สัตว์พิษกัด คือ พ่อเอียะ สายกระสุน หมอพื้นบ้านจากเมืองสุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผู้ได้รับการยกย่องเป็นหมอไทยดีเด่นแห่งชาติประจำปีพ.ศ.2565 มาหมาดๆ

ท่านมีประสบการณ์รักษาคนถูกงูพิษกัดมายาวนานกว่า 50 ปี ตำรับยาดั้งเดิมที่ท่านใช้มีรากโลดทะนงแดงเป็นสมุนไพรหลักและเมล็ดหมากแห้งเป็นสมุนไพรเสริม ต้องใช้คู่กันเสมอ ส่วนน้ำมะนาวใช้เป็นกระสายยา รูปแบบยาเป็นทั้ง “ยาฝนสำหรับดื่ม” และ “ยาฝนสำหรับทา” พอกปากแผลงูกัด

วิธีใช้ยาแบบดั้งเดิม คือ

(1) ยาฝนดื่ม นำรากโลดทะนงแดงกับหมากแห้ง ฝนด้วยน้ำสะอาดร่วมกันบนหินลับมีด จนกระทั่งน้ำเป็นสีขาวขุ่น ได้น้ำประมาณ 125-250 ม.ล. กรณีใช้กับเด็กลดลงตามส่วน คนไข้ดื่มยา ราว 3-5 นาที จะอาเจียนสำรอกพิษงูออกมา ดื่มยาเพียงครั้งเดียว แต่หากพิษงูมากให้ดื่มยา 2 ครั้ง

(2) ยาฝนทา บีบมะนาวลงบนหินลับมีด แล้วฝนรากโลดทะนงแดงกับหมากแห้งให้ได้น้ำยาข้นหนืด แล้วทาปิดแผลงูกัด ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง กรณีเป็นแผลเน่าเปื่อยหรือมีรอยไหม้จากพิษงู ให้ใช้ว่านอึ่งสดตำละเอียดพอกปิดแผลร่วมด้วยช่วยให้อาการดีขึ้น

ในการรักษาต้องใช้ทั้งยากิน ยาทาพร้อมกัน คนไข้ถูกงูพิษกัดไม่ว่าจะเป็นงูชนิดใด จำนวนหลายร้อยคนที่มารักษากับพ่อหมอเอียะรอดทุกราย

ปัจจุบันโรงพยาบาลกาบเชิงและโรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้พัฒนาตำรับยานี้เป็นยาสำเร็จรูปบดผงรากโลดทะนงแดงและผงหมากใส่ซองฟอยล์เพื่อความสะดวกในการใช้ทั้งชงดื่มและทาแผล และเพื่อการกระจายยาออกไปในวงกว้าง

ข้อดีของยาตำรับโลดทะนงแดงก็คือ สามารถใช้ได้ทันทีที่ถูกงูพิษกัดไม่ว่าจะเป็นพิษงูที่ทำลายระบบประสาท-กล้ามเนื้อ หรือทำลายระบบเลือด โดยไม่ต้องเฝ้ารอสังเกตอาการเหมือนการใช้เซรุ่ม ซึ่งต้องใช้ให้ถูกชนิดของพิษงู

วิธีใช้ยาผงโลดทะนงแดงสำเร็จรูปแบบยาแผนปัจจุบัน ดังนี้

(1) สำหรับชงดื่ม : ผสมยาผงโลดทะนงแดงและผงหมากชงกับน้ำประมาณ 250-300 ม.ล. ดื่มครั้งเดียวให้หมด เด็กลดลงตามส่วน หากดื่มยาแล้วไม่อาเจียนหรือถ่ายท้องใน 30 นาทีต้องชงดื่มซ้ำ

(2) สำหรับทาแผล : หลังทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือแล้ว (ห้ามใช้แอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด) ผสมยาทั้ง 2 ซอง ในปริมาณเท่าๆ กันให้เหมาะกับปากแผลด้วยน้ำมะนาว หากไม่มีให้ใช้น้ำสะอาดแทนได้ กวนผสมยาให้ข้นแล้วทาที่ปากแผล ทิ้งไว้ให้แห้ง

ยานี้จะช่วยป้องกันการเกิดพิษลุกลามไปทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้ยาโลดทะนงแดงแล้ว ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าสังเกตอาการและการช่วยชีวิตด้วยอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉิน

เดี๋ยวนี้ งูพิษและสัตว์พิษต่างๆ ไม่ได้อยู่แต่ในพื้นที่ป่าดงรกร้างหรือในชนบทเท่านั้น แต่มีอยู่ชุกชุมในเมืองด้วย โดยเฉพาะในยามหน้าฝนที่สัตว์พิษเหล่านี้อพยพหนีน้ำเข้าบ้านคน

ดังนั้น ในช่วงฝนตกน้ำท่วมนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงควรผลิตยาตำรับโลดทะนงแดงสำเร็จรูปเป็นจำนวนมากเพื่อกระจายยาไปตามโรงพยาบาลและศูนย์อนามัยทั่วประเทศเพื่อรับมือกับภัยอสรพิษที่มากับภาวะน้ำท่วมในหน้าฝนซึ่งยังอยู่กับเราอีกยาวนานถึง 3 เดือนเต็ม •