Little Fish ปลาน้อยว่ายในอ่างแห่งความทรงจำ / เครื่องเคียงข้างจอ : วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ

วัชระ แวววุฒินันท์

 

Little Fish

ปลาน้อยว่ายในอ่างแห่งความทรงจำ

 

Little Fish เป็นชื่อของภาพยนตร์ที่นำออกฉายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว

ส่วน “ปลาน้อยว่ายในอ่างแห่งความทรงจำ” ไม่ใช่เป็นชื่อไทยของหนังเรื่องนี้นะครับ แต่เป็นคำขยายจากความคิดของผมเอง

เคยได้อ่านที่ อ.นพมาส แววหงส์ เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ในมติชนสุดสัปดาห์ นานมามากแล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสได้ชมสักที จนได้โอกาสเหมาะเจาะ จึงใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงกับการเสพหนังเรื่องนี้จบลง

Little Fish เป็นหนังอินดี้ แนวไซไฟผสมดราม่า จากฝีมือการกำกับฯ ของ Chad Hartigan ตัวละครเอกคือคู่สามีภรรยา “จู๊ดกับเอ็ลมา” ที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้สองคน แต่ก็เอาอยู่กับเรื่องราวที่ชวนติดตาม ค้นหา แบบค่อยเป็นค่อยไป ใครที่หวังจะได้ชมหนังแนวไซไฟที่โลดโผนตื่นเต้นต้องผิดหวังแน่นอน เพราะ Little Fish เล่นกับอารมณ์และความรู้สึกลึกๆ มากกว่า

หนังทำมาจากเรื่องสั้นของ Aja Gabel เล่าถึงการเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งมีผลทำให้เกิดโรค NIA หรือชื่อทางการว่า Neuroinflammatory Affliction ที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับความทรงจำของสมองอย่างค่อยเป็นค่อยไป

หนังสร้างไว้ในปี 2019 ก่อนจะเกิดโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นหนังที่ล้ำสมัยมาก และเมื่อนำออกฉายในปีที่แล้ว จึงเข้ากันได้ดีกับภาวะปัจจุบันของโลกที่ต้องผจญกับการคุกคามของเจ้าเชื้อไวรัสโคโรนา

และหากคิดถึงผลของโรคนี้มันช่างน่ากลัวกว่าโควิด-19 เป็นไหนๆ

Little Fish Movie Poster

เรื่องราวเล่าถึงสองสามีภรรยาคือ “จู๊ด” ที่รับบทโดยแจ็ก โอคอนเนลล์ นักแสดงชาวอังกฤษที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ผลงานที่ผ่านมาที่พอจะคุ้นตานักดูหนังบ้างก็คือ Unbroken ในปี 2015 ที่กำกับฯ โดยแองเจลิน่า โจลี่ ส่วนภรรยาคือ “เอ็ลมา” แสดงโดยนักแสดงสาวชาวอังกฤษ โอลิเวีย คุก เช่นกัน ผลงานของเธอคือ Ready Player One ในปี 2018 ที่กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก

จู๊ดและเอ็ลมาอยู่ในช่วงวิกฤตของโลกเหมือนคนอื่นๆ คือ การต่อสู้กับการเข้ามาของโรค NIA ซึ่งเอ็ลมาพบว่าจู๊ดได้รับเชื้อไวรัสร้ายนี้แล้ว ในขณะที่จู๊ดเองก็พอจะรู้ตัวทั้งที่อยากปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็น แต่หลักฐานจากพฤติกรรมของเขาเป็นตัวฟ้องอย่างดี เมื่อเขาเริ่มลืมเลือนรายละเอียดในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งเมื่อเห็นพฤติกรรมของคนอื่นที่เป็นโรคนี้แล้วมันเฆี่ยนตีชีวิตอย่างน่ากลัวเพียงไร ทั้งสองก็ยิ่งกลัวว่าสักวันหนึ่งเขาและเธออาจต้องพบเจอกับสิ่งนี้

โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกับคู่สามีภรรยาที่เป็นเพื่อนสนิทของคนทั้งสอง เบ็น ผู้สามีที่เป็นนักดนตรี จู่ๆ ก็ลืมเพลงที่ตนเล่นเป็นประจำ ร้อนถึงต้องสักคอกีตาร์และคอร์ดลงบนแขนเพื่อกันลืม รวมทั้งให้จู๊ดและเอ็ลมาช่วยบันทึกเสียงเพลงที่เขาและภรรยาคือ ซาแมนตา ช่วยกันเล่นและร้องเพื่อกันลืม

และวันที่โหดร้ายก็มาถึง เมื่อจู่ๆ เบ็นก็จำซาแมนตาไม่ได้ คิดว่าเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้าน จนเขาต้องคว้ามีดไล่แทงให้ออกไป โชคดีที่จู๊ดและเอ็ลมามาช่วยทัน แต่นั่นก็เป็นสัญญาณร้ายที่มาถึงของเบ็น

และเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความกลัวของจู๊ดและเอ็ลมาให้รุนแรงขึ้น

Little Fish /Photo: IFC Films

เมื่อจู๊ดมีอาการลืมมากขึ้น การทบทวนรายละเอียดในชีวิต ทั้งอดีตที่มีร่วมกันและปัจจุบันที่เพิ่งผ่านพ้นไป ทำให้ผู้ชมได้ค่อยๆ รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เป็นกลวิธีเล่าเรื่องได้อย่างชาญฉลาดโดยไม่ยัดเยียด และผู้ชมก็จะพบว่าความรักของทั้งสองนั้นลึกซึ้งและมีความเป็นธรรมชาติเพียงไร นั่นยิ่งทำให้อดใจหายและเศร้าแทนไม่ได้ เมื่อจู๊ดค่อยๆ จำอะไรไม่ได้มากขึ้น แม้แต่ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ เขา

การพยายามต่อสู้กับตัวเองของจู๊ด กับการพยายามช่วยเหลือของเอ็ลมา ทำให้ผู้ชมจมดิ่งไปกับชะตากรรมของความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ หนังวางให้จู๊ดเป็นช่างภาพ เขาจึงมีกล้องพกติดตัวด้วยแต่ไหนแต่ไร เขาถ่ายภาพสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตรอบๆ ตัวตามสายตาช่างภาพของเขา รวมทั้งอิริยาบถต่างๆ ของเอ็ลมาด้วย และภาพเหล่านั้นได้กลายมาเป็นเครื่องช่วยฟื้นความทรงจำของเขาในช่วงแห่งความเลวร้ายนี้

ฉากที่เอ็ลมาหยิบรูปของตนที่จู๊ดแปะไว้กับผนังขึ้นมา แล้วถามว่านี่คืออะไร จู๊ดบอกก็รูปคุณไง แล้วเอ็ลมาก็หันด้านหลังรูปออกโชว์ให้เห็นลายมือของจู๊ดที่เขียนว่า Elma Wife นั่นแสดงว่าเขาตระหนักดีว่าวันหนึ่งเขาจะต้องลืมเธอ

และทั้งคู่ก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้วันนั้นมาถึงเร็วเกินไป

Little Fish /Photo: IFC Films

เอ็ลมา ผู้ซึ่งแบกรับการเปลี่ยนแปลงไปของสามี แบกรับชีวิตที่คู่ที่ได้รับผลกระทบ แล้วยังไม่พอ เธอต้องแบกรับกับแม่ของเธอที่อยู่ต่างเมือง และต้องประสบกับการเป็นโรค NIA นี้ด้วย เธอกำลังจะสูญเสียคนที่เธอรักอย่างมากสองคนในเวลาไล่ๆ กัน โดยที่เธอทำอะไรไม่ได้เลย เป็นความทุกข์และความเจ็บปวดของผู้หญิงธรรมดาๆ ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

โอลิเวีย คุก ที่รับบทเอ็ลมา แสดงโดยใช้สีหน้าและแววตาแสดงถึงสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายในได้เป็นอย่างดี ทั้งความกลัว ความกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ ความเป็นผู้ถูกกระทำ ความเจ็บปวด และ ความสูญเสียที่ค่อยๆ ประดังประเดเข้ามาหาเธอ

ฉากที่ช่างเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน คือฉากที่จู๊ดอ่านจดหมายที่เขาเขียนความรู้สึกของเขาที่มีต่อตนเองและเอ็ลมาให้เธอฟัง เขาเกริ่นนำว่า ที่ต้องเขียนเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองจะไม่ลืมและจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างไม่ตกหล่น

ในจดหมายนั้นได้สารภาพว่า วันหนึ่งเขาเคยตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเธอเป็นคนอื่นไปแล้ว และอีกหลายความรู้สึกนึกคิดที่เขาถ่ายทอดออกมา เอ็ลมาตั้งใจฟังอย่างมากในตอนแรก และ น้ำตาของเธอก็ค่อยๆ เอ่อล้นออกมาบนใบหน้ากับสิ่งที่เธอได้ยิน ยังไม่ทันที่จู๊ดจะอ่านมันจบ เอ็ลมาก็โผเข้าหาเขาและสวมกอดพร้อมจูบด้วยความรักที่มีต่อเขาอย่างเต็มเปี่ยม

จากจดหมายนั้นได้ตอกย้ำว่าเธอกำลังจะสูญเสียเขาไปอย่างแน่นอน

ผมจะไม่เล่ามากกว่านี้ เพราะอยากให้ผู้อ่านที่สนใจได้ลองชมเอง และจะพบว่าในตอนจบของเรื่องมันได้พาให้เราดำดิ่งลึกลงไปในความเวิ้งว้างของชีวิตได้อย่างน่ากลัวทีเดียว

สิ่งหนึ่งที่ต้องชมคืองานภาพ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าแทนความทรงจำของจู๊ดได้อย่างวิเศษ เช่น ภาพคนที่เข้ามาหาเขาแต่มีใบหน้าที่เบลอ นั่นแสดงถึงว่าเขาจำใครไม่ได้เลย หรือการใช้ภาพตามความทรงจำที่เขาคิดว่าจำได้ แต่จริงๆ มันไม่ใช่ อย่างสีชุดในวันแต่งงานของเขาและเธอ หรือสีของผนังห้องที่เขาและเธอช่วยกันทา

Little Fish /Photo: IFC Films

จริงๆ แล้วเรื่องของคนใกล้ตัวที่ความจำค่อยๆ เลือนไปไม่ใช่เรื่องใหม่ เรารับรู้ได้จากข่าวคราว เรื่องอ่าน หรือคนใกล้ชิดถึงการเป็นอัลไซเมอร์ และมีความเข้าใจกับโรคนี้อยู่บ้าง รวมทั้งเข้าใจว่าคนรอบข้างจะต้องประสบกับภาวะอะไร

ในหนังเรื่องนี้ได้ตอกย้ำลงไปอีกว่า ความทรงจำเป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์ของคน หากเราสูญเสียความทรงจำใดๆ แล้ว เราก็แทบจะทิ้งขว้างความสัมพันธ์ระหว่างกันลงได้อย่างง่ายดาย ผมมีคนรู้จักอยู่คนหนึ่งที่แม่ของเธอเป็นอัลไซเมอร์ จำใครๆ ก็ไม่ได้แม้แต่เธอที่เป็นลูกที่คอยดูแลใกล้ชิดทุกวัน แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งของวันราวหนึ่งชั่วโมงที่ความจำนั้นจะกลับมา และเธอก็ได้แม่กลับคืนมาในช่วง เวลาอันแสนสั้นนั้น

เธอบอกว่าเธอเฝ้ารอหนึ่งชั่วโมงนั้นทุกวัน สำหรับเธอแล้วช่างเป็นช่วงเวลาที่มีค่าอย่างมาก และเธอก็จะตักตวงความสุขในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากวันไหนที่เผอิญมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่กับแม่ของเธอไม่ได้ เธอจะรู้สึกเสียใจอย่างมาก

หากโลกของเราต้องเผชิญกับไวรัสร้ายนี้จริงๆ อย่างในหนัง มันคงจะโหดร้ายอย่างมากที่เราจะค่อยๆ สูญเสียคนที่เรารัก ครอบครัว และคนใกล้ชิดของเรา ไป ทั้งที่เราและเขายังมีลมหายใจอยู่ เพราะจู่ๆ คนข้างๆ ก็กลายเป็นคนแปลกหน้าเสียอย่างนั้น

โควิด-19 พรากคนที่เรารักให้จากไป แต่ก็เป็นการจากตายที่พอจะเข้าใจได้ แต่นี่คือการจากเป็นที่ช่างสุดแสนทรมานเสียเหลือเกิน

เราไม่รู้หรอกว่าจะมีโรคอย่างในหนังได้เล่าไว้เกิดขึ้นจริงๆ หรือไม่ และเมื่อไหร่ คงจะดีหากเราได้ทำให้ทุกช่วงเวลาของทุกวันของเราและคนที่เรารัก ได้มีความทรงจำที่ดีต่อกันให้มากที่สุด

วันใดที่เราจำต้องสูญเสียคนที่รักไป หรือสูญเสียความทรงจำจากเขาไป เราจะได้ไม่รู้สึกว่า เราน่าจะทำให้ดีได้มากกว่านี้

มันคงจะโหดร้ายมาก สำหรับวันที่เราไม่มีใครให้จดจำในความสัมพันธ์ได้เลย หรือไม่มีเราในความทรงจำของคนอื่นอย่างสิ้นเชิง

ช่างน่ากลัวและอ้างว้างเสียนักแล •