เจาะนโยบาย “พล.ต.ท.ชาญเทพ” แม่ทัพนครบาลป้ายแดง ลั่นเลิกตั้งด่าน-พงส.ห้ามเป่าคดี

สัปดาห์นี้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำหน่วยสีกากีหลายเก้าอี้ ไฮไลต์เก้าอี้ใหญ่ คุมทัพนครบาล มี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช หรือหยม รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) เจ้าของรหัส น.1 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35

“โล่เงิน” สัมภาษณ์นโยบาย วิสัยทัศน์ การบริหารงานสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทั้ง 88 โรงพัก

เรื่องแรกที่ “บิ๊กหยม” ให้ความสนใจคือ “ด่านจราจร”

เจ้าตัวบอกว่า ต้องยอมรับและรับฟังประชาชนที่ขับรถบนถนนมีเสียงสะท้อน เอือมระอา เมื่อเห็นด่านตรวจด่านจับตามจุดอับ ซุ่มอยู่ตามแยก ดักบนถนน สะพานยกระดับต่างๆ สำหรับปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร เล็งเห็นว่ายังไม่บรรลุผลที่ดี

จึงให้ยกเลิกด่านกวดขันวินัยจราจร

แต่ให้ไปบังคับใช้กฎหมาย การควบคุมรถที่จอดกีดขวางทางจราจร ผ่าไฟแดง หรือเหตุซึ่งหน้าทำได้อยู่แล้ว โดยใช้ภาพหลักฐานจากกล้อง cctv โดยจะให้มีการกำหนดเขตพื้นที่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละนายรับผิดชอบ หากปล่อยปละละเลยให้รถติด ไม่ลงมาอำนวยความสะดวก จะลงโทษทางวินัย

พล.ต.ท.ชาญเทพ บอกว่า ในส่วนการตั้งด่านป้องกันจะตรวจอาวุธ ยาเสพติด ตรวจรถขโมย มิใช่มาตรวจความผิดเกี่ยวกับรถ แต่รถที่ถูกขโมยมาหรือรถป้ายทะเบียนไม่ตรง รถมีรอยขูดขีดหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถัง อย่างนี้ต้องเอามาตรวจสอบ

แต่ด่านตรวจเมาคงมีอยู่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่ต้องดูเวลาว่าควรจะตั้งเวลาไหน อย่ากลั่นแกล้ง เรียกรับผลประโยชน์ ต้องขออนุญาต รอง ผบช.น. ที่ควบคุม

ทั้งนี้ หากจะมีการตั้งด่านต้องมีนายตำรวจระดับสารวัตรประจำด่านตลอด และต้องมีแผนเสนอมายังสายบังคับบัญชาทุกครั้ง เพื่อหาผู้รับผิดชอบกรณีเกิดปัญหาร้องเรียนและเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบในทุกมิติ งานจราจร ด่านเถื่อนแอบเรียกจับ

ส่วนด่านควันดำจะต้องตั้งร่วมสี่ฝ่าย โดยมีตำรวจ กรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ และกองบังคับการตำรวจจราจร

ทั้งนี้ รรท.ผบช.น. กล่าวถึงการป้องกันความเสียหาย หรือการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ว่า ต้องกวดขันแบ่งเป็นโซน จะใช้นาฬิกาอาชญากรรมกับโต๊ะทราย ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งให้ทุกสถานี (สน.) มีโต๊ะทรายจำลองสภาพภูมิศาสตร์หรือโต๊ะวิเคราะห์อาชญากรรม เพื่อการวางแผนในการป้องกัน

เมื่อรับคดี 100 เปอร์เซ็นต์แล้วจะมีแผนป้องกันที่ชัดเจน

ทางผู้กำกับการ (ผกก.) จะรู้เลยว่าคดีมีอะไรบ้างเกิดขึ้นในพื้นที่ แล้วนำคดีที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์และจัดวางกำลังสายตรวจ

ทาง สน. จะรู้ตรอกซอกซอยไหนมีคดี และคดีเกิดขึ้นเวลาไหน คดีอะไรบ้าง มีการสั่งการ รอง ผบช. ลงไปดู

ช่วงนี้ที่สภาพสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง กำชับให้ระวังพี่น้องประชาชนในการดูแลทรัพย์สิน เรื่องร้านค้าทองคำ ร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร เป็นต้น แต่พี่น้องประชาชนที่เดินบนท้องถนนจะต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินให้มาก

คนเร่ร่อนจรจัดให้จัดทำภาพถ่ายสถานที่หลับนอนซุกซ่อน โดยเฉพาะในที่สาธารณะ หรือในที่เกี่ยวข้องกับทางหน่วยงานราชการต้องจัดทำแฟ้ม มีภาพ ทะเบียนให้เรียบร้อย ต้องคัดพื้นที่ไม่ปลอดภัยออก โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในพื้นที่ทุกตารางนิ้วต้องมีผู้รับผิดชอบ

ส่วนเรื่องปัญหาเด็กแว้น คือการแข่งรถในทางสาธารณะ พล.ต.ท.ชาญเทพ เผยว่า บช.น. พยายามให้ติดตามทางโซเชียลมีเดียตลอดเวลา มีการตั้งชุดป้องกันทุกมิติสายงาน

เช่น การนัดชุมนุมแข่งรถ หลอกลวง ขายสินค้า แม้แต่ความผิดเกี่ยวกับมั่นคง คดีหมิ่น ต้องมีการติดตาม จับตาดู

รวมถึงการตอบโต้แก้ไขข่าวต่างๆ ที่ปรากฏในลักษณะตัดไฟแต่ต้นลม จะได้ไม่ลุกลามบานปลาย

ส่วนเด็กนักเรียนยกพวกทะเลาะวิวาทกัน ทาง บช.น. จะมีมาตรการออกไปโดยกำหนดประชุมกับ รอง ผบช.น. ที่รับผิดชอบหามาตรการขั้นตอนที่ 1, 2 และ 3 เพื่อความสำเร็จ โดยจะแบ่งเป็นช่วงๆ จะนำปัญหาเด็กแว้นและนักเรียนตีกันมาวิเคราะห์ดู

ด้านงานสอบสวน พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า งานสอบสวน 100% ทำตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กำหนด

มาตรการควบคุม ตรวจสอบ หลังจากการรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ การควบคุมการสอบสวน และระยะเวลาการสอบสวน รอง ผบช.น. ที่ควบคุมต้องตรวจตามระเบียบที่ ตร. กำหนดมา

เช่น การรับแจ้งแล้วจะต้องแจ้งให้ผู้เสียหายทราบ เมื่อไหร่ กำหนดเวลา คดีคืบหน้าไปถึงไหน ต้องแจ้งตามนี้

ส่วนเรื่องการรับแจ้งความ จะต้องรับแจ้งทุกคดีที่พี่น้องประชาชนมาแจ้ง

เน้นหนักเพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับผู้เสียหาย ทั้งนี้ งานสอบสวนต้องมีจิตสำนึกยึดเป็นสิ่งสำคัญ

รรท.ผบช.น. บอกด้วยว่า งานสืบสวน โดย รอง ผกก.สส. ต้องสำรวจจัดทำบัญชีสถิติหมายจับค้างเก่า และทำบัญชีมอบหมายให้สายสืบแต่ละคนรับผิดชอบหมายจับทุกนาย โดยให้สายสืบมีเป้าหมายและผลการจับกุมตามเป้าหมายด้วย คดีรถหาย สายสืบต้องออกไปดูที่เกิดเหตุทุกคดี และลงสมุดสืบสวน

รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลชุมชนทุกชุมชน เพื่อจัดทำบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แยกชุมชน แยกรายย่อยกลางใหญ่ สถิติที่ผ่านมาพบว่าตกต่ำไปมาก ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน

คดีเสพยาเสพติดต้องขยายผล จาก 1 ไป 2 จาก 2 ไป 3 ไปสู่คดีสมคบให้ได้เป็นรูปธรรม

เมื่อถามถึงการดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน พล.ต.ท.ชาญเทพ บอกว่า สำหรับการดูแลนักท่องเที่ยวมีการกำหนดจุดสถานที่ท่องเที่ยว

โดย ผกก.สน. ในพื้นที่ต้องรู้เวลา รู้ขอบเขต รู้ว่านักท่องเที่ยวแต่ละสถานที่ที่เข้ามาเที่ยวมีลักษณะไหนจะถูกโจรกรรมอะไร จะถูกชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ หรือถูกทำร้ายร่างกาย จะต้องเอาสถิติตรงนี้มาดูว่าสถานที่ไหนเหตุเกิดอะไรบ้าง

ตอนนี้ที่ฟังดูคดีนักท่องเที่ยวไม่ว่าชีวิตร่างกายทรัพย์สินจากที่รวบรวมยังไม่ค่อยมีเหตุเกิด หรือเหตุเกิดขึ้นซ้ำบ่อย

แต่มาเฟียที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งมาเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลชาวต่างชาติที่เข้ามามีส่วนร่วมกับคนไทยตรงนี้ พล.อ.ประวิตร สั่งมาเป็นพิเศษ ต้องดำเนินการ

โดยสั่งไปแล้วว่า แต่ละพื้นที่ให้รวบรวมข้อมูลท้องถิ่น เสนอมาว่าชาวต่างชาติใดที่มีพฤติการณ์เป็นมาเฟียร่วมกับคนไทยร่วมมือกันให้เสนอขึ้นมา โดยจะประสานการทำงานบูรณาการร่วมกับผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.)

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ชาญเทพ บอกด้วยว่า เรื่องสถานบริการ ปฏิบัติตามโดยให้เปิด-ปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะเด็กอย่าให้เข้าไปมั่วสุม

เรื่องการค้ามนุษย์สำคัญ และเรื่องการนำเด็กมาทำงานรวมทั้งแอบแฝงค้ามนุษย์ในสถานบริการ บ่อนการพนันขนาดใหญ่ ไม่ให้มี เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด

เป็นนโยบายภายใต้วิสัยทัศน์ของ ผบช.น. ที่ชื่อ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช จากนี้ต้องติดตามผลการปฏิบัติว่าจะสัมฤทธิ์เพียงใด?!!