ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 ตุลาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
และแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ประสานมือกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสำเร็จ
ต้องชมทีมงานด้านต่างประเทศของรัฐบาลไทยที่สามารถเดินเกมจนเกิดภาพนี้ขึ้นได้
เพราะเป็นภาพที่มีความหมายในทางการเมืองอย่างยิ่ง
ส่วนหนึ่ง ถือเป็นโชคดีที่ “ลมการเมือง” ของสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนทิศ
จากประธานาธิบดีที่เชิดชู “ประชาธิปไตย” มาเป็นประธานาธิบดีที่สนใจแต่เรื่อง “ค้าขาย”
และโชคดีที่ “จีน” แผ่อิทธิพลมายังอาเซียนอย่างเต็มตัว
ที่สำคัญที่สุด โชคดีที่เกิดกรณีพิพาท “เกาหลีเหนือ” ขึ้นมา
ทุกองค์ประกอบทำให้ “ทรัมป์” ต้องหันมามองประเทศไทย
และยอมทิ้งหลักการที่สหรัฐอเมริกายึดถือมานาน
จับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์
แต่โลกนี้มีหลายมุมให้มอง
โดยเฉพาะในวันที่เมืองไทยยังแบ่งเป็นฝักฝ่าย
ฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นั้นถือว่าการพบปะกันครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยได้รับการยอมรับจากสหรัฐอเมริกา
ไม่รังเกียจเดียดฉันท์เหมือนสมัยประธานาธิบดี บารัค โอบามา
รัฐบาลไทยย่อมหวังผลต่อเนื่องไปถึงมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ จะคลี่คลายไปในทางบวก เช่น เรื่องการบินและประมง
แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่ารัฐบาลไทยไปครั้งนี้ “เสีย” มากกว่า “ได้”
เพราะกลายเป็นว่าต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกาจำนวนมหาศาล
ไม่ใช่แค่ถ่านหิน
แต่อาจหมายถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะตามมาในอนาคต
เป็น “รายจ่าย” เพื่อให้ได้ “ภาพ” นี้มาโชว์คนไทย
นี่คือ “มุมมอง” ที่แตกต่าง
ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องนี้
แม้แต่เรื่อง “ตูน บอดี้สแลม” จะวิ่งครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
จากใต้สุดสู่เหนือสุด
55 วัน 2,191 กิโลเมตร
ระดมทุนเพื่อมาซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลหลัก 11 แห่งทั่วประเทศ
เขาตั้งเป้าหมายระดมเงินจำนวนน้อยๆ จากคนจำนวนมาก
คนละ 10 บาท 70 ล้านคน
หรือ 700 ล้านบาท
มุมมองของคนยังแตกต่างกัน
คนกลุ่มหนึ่งเห็นตัวเลขเป้าหมายจะเริ่มคำนวณ
“700 ล้านบาท” เขารำพึง
“โรงพยาบาลละ 60 กว่าล้านบาท”
แต่อีกกลุ่มหนึ่ง คิดอีกแบบหนึ่ง
“700 ล้านบาท” รำพึงเหมือนกัน
“ซื้อเรือเหาะได้ 2 ลำ”