E-DUANG : การศึก “มิหน่ายเล่ห์” ที่ “กรุงวอชิงตัน”

ไม่ว่าท่าทีอันออกมาจาก ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าท่าทีอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นั่นแหละ คือ การเมือง

มิได้เป็นการเมืองในระดับ “อบต.” ตรงกันข้าม เป็นการเมืองอย่างที่เรียกว่า “ระหว่างประเทศ”

ถามว่าทำไม “สหรัฐ” จึงเปลี่ยนท่าทีต่อ “ไทย”

ถามว่าทำไม “ไทย” จึงยินดีอย่างเป็นพิเศษและมองการได้รับคำเชิญจาก “สหรัฐ” เป็นเรื่องสำคัญ

เห็นได้จากคำ “เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่”

คำตอบที่ตรงเป้ามากที่สุด ก็คือ ขึ้นอยู่กับว่า “สหรัฐ” จะได้อะไร และขึ้นอยู่กับว่า “ไทย” จะได้อะไร

ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของ “ผลประโยชน์”

 

สถานการณ์อันมาจาก “เกาหลีเหนือ” คือ ปัจจัย 1 ซึ่งสหรัฐจำเป็นต้องสร้างพันธมิตรในแนวร่วมระดับ “โลก”

และ “ไทย” คือ “พันธมิตร” 1

สถานการณ์หลังจากรัฐประหารที่ “ไทย” มีความโน้มเอียงไปทางด้าน “จีน” เป็นอีกปัจจัย 1

จำเป็นต้องดึง “ไทย” กลับมาสู่ “อ้อมอก”

ขณะเดียวกัน ปัจจัย 1 คือ ปัจจัยอันเนื่องแต่แนวทาง “อเมริกามาก่อน”

เป้าหมาย คือ ลดการขาดดุลการค้า

ผลพวงที่เห็นได้อย่างเด่นชัดก็คือ แบล็คฮอว์กจำนวน 4 ลำซึ่งค้างเติ่งก่อนรัฐประหาร นอกจากนั้น ยังได้ “ถ่านหิน” ที่จะระบายตามมา

แม้จะยังไม่มีกรณี “หมู” แต่คงอีกไม่นาน

 

กล่าวสำหรับประชาชนไทย ทาง 1 อาจต้องเสียเงินไปกับการซื้อยุทโธปกรณ์

แต่ทาง 1 ก็ได้ “ปฏิญญาทำเนียบขาว”

แม้ว่าคำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่ากับประกาศตาม”โรดแมป”อันมาจาก “รัฐธรรมนูญ”

แต่ก็ด้วยลักษณะขึงขัง จริงจัง

ขึงขังยิ่งกว่า “ปฏิญญาโตเกียว” ขึงขังยิ่งกว่า “ปฏิญญานิวยอร์ค”

ทั้งหมดล้วนเป็นไปตาม “การศึกมิหน่ายเล่ห์” โดยแท้