ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 กันยายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ท่าอากาศยานต่างความคิด |
เผยแพร่ |
เชฟคนที่สองในชีวิตของผมเป็นชาวฝรั่งเศส
ทว่า เขาไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสแบบที่ทุกคนคิด
ผิวของนัสเซอร์ไม่ขาว ผมของเขาไม่ได้เป็นสีทอง ผิวของเขาดำคล้ำกว่าผม
เส้นผมของเขาดำขลับกว่าเส้นผมของผม ครอบครัวของเขาเป็นชาวอาหรับที่อพยพมาจากแอลจีเรีย
เขาเกิดในมาร์เซย์ เมืองชายทะเลของฝรั่งเศส แต่ทีมโปรดของเขากลับเป็น ปารีส แซงก์ แยร์แมง นักร้องคนโปรดของเขาคือ อีดิต เพียซ นักเขียนคนโปรดของเขาคือ จอร์จ เปเรก
นัสเซอร์อาจไม่เป็นฝรั่งเศสทางกายภาพภายนอก แต่ในทางจิตวิญญาณแล้วเขาเป็นชาวฝรั่งเศสอย่างแท้จริง
ร้านอาหารที่ผมทำงานร่วมกับนัสเซอร์นั้นเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟอาหารตามสายพานที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า ไคเทน และเพื่อไม่ให้ผิดเพี้ยนจากสามัญสำนึกของชาวญี่ปุ่นนัก ผู้เป็นเจ้าของจึงตั้งชื่อร้านแห่งนี้ว่า K 10
ช่วงเวลานั้นผมทำงานเสิร์ฟตอนกลางวันที่ร้านอาหารไทยแบบฟาสต์แทร็กแห่งหนึ่งแถบใจกลางกรุงลอนดอนที่เรียกกันว่า ซิตี้
เขตซิตี้นั้นเป็นเขตที่อุดมไปด้วยสถาบันการเงิน ธนาคาร จนแม้กระทั่งตลาดหลักทรัพย์
ดังนั้นเองเมื่อถึงช่วงพักกลางวัน บรรดาเหล่าวาณิชธนกรทั้งหลายจะออกแสวงหาอาหารที่ใช้เวลารับประทานไม่นานนักใส่ท้องก่อนจะกลับไปคร่ำเคร่งกับตัวเลขอีกในช่วงบ่าย
ร้านอาหารแบบฟาสต์แทร็กที่คล้ายกับแคนทีนขนาดใหญ่จึงผุดขึ้นมากมายในบริเวณนั้น
ลักษณะของร้านแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกันคือไม่มีโต๊ะส่วนตัว อาจเป็นโต๊ะนั่งยาวหรือโต๊ะกลม แต่ละตำแหน่งการกินจะถูกวางด้วยกระดาษและตะเกียบหรือช้อน
พนักงานจะรับออเดอร์ผ่านทางเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเชื่อมต่อไปยังครัวและแคชเชียร์คิดเงิน อาหารจะใช้เวลาปรุงราวหกถึงสิบนาที
ในขณะที่ลูกค้าจะใช้เวลากับอาหารมากกว่านั้นสักเล็กน้อย
ดังนั้น ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงของการพักกลางวัน เราจะพบคิวยาวเหยียดของลูกค้า การต้องรองรับและบริการคนจำนวนมากเช่นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่วุ่นวายมาก
ดังนั้น ร้านอาหารแบบฟาสต์แทร็กเช่นนี้จึงต้องการคนเสิร์ฟอาหารเพิ่มอยู่เสมอ
ผมทำงานที่ร้านอาหารแห่งนั้นเป็นเวลาสองเดือนก่อนจะได้พบกับนัสเซอร์
ในตอนแรกผมคิดว่าการทำงานเพียงช่วงกลางวันน่าจะเพียงพอแล้ว รายได้อาจไม่มากนัก แต่การที่งานเร็วและจบในตัวของมันเองทำให้ผมมีเวลาในช่วงบ่ายและค่ำที่จะอ่านหนังสือหรือทำงานวิจัยที่คั่งค้างอยู่
แต่หลังจากเวลาผ่านไปสองเดือนผมก็เปลี่ยนใจ
ผมเบื่อการอ่านหนังสือเพียงลำพังแถวร้านกาแฟบนถนนชารริ่ง ครอส
เบื่อการต้องเคี่ยวเข็ญตนเองให้เขียนงานวิจัยออกมาให้สำเร็จ
และแล้ววันหนึ่งผมก็รู้สึกว่านี่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งงานวิชาการ
มีอะไรอีกมากมายในลอนดอนเรียกร้องให้ผมไปสำรวจ
มีงานอีกหลากหลายรูปแบบให้ผมได้ไปพบเจอ
และผมควรทำเช่นนั้นด้วย
บ่ายวันถัดมา ผมออกเดินจากร้านอาหารที่ผมทำงานไปทางเหนือเป็นระยะสามถนนเพื่อมองหาร้านอาหารและป้ายประกาศรับสมัครคนงาน แต่ไม่พบ
มีผับสองสามแห่งที่ประกาศหาคนทำงานในบาร์ แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องเครื่องดื่มเลย
ผมไม่ละความพยายาม ครานี้ผมเดินย้อนกลับไปทางทิศตะวันออก ผมต้องการได้งานที่ไม่ไกลจากที่ทำงานเดิมนัก
เหตุผลข้อแรกคือ ผมสามารถพักเป็นเวลาสองสามชั่วโมงก่อนการเริ่มงานช่วงเย็นซึ่งผมคิดว่าเป็นเวลาพักที่เหมาะสม
เหตุผลข้อสองคือผมไม่ต้องการเสียค่าโดยสารไปทำงานเพิ่มขึ้น
การใช้บริการรถประจำทางทางที่ซื้อตั๋วทีละเที่ยวประหยัดค่าเดินทางผมได้มากโดยเฉพาะในลอนดอนที่ค่าใช้จ่ายด้านขนส่งมวลชนน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
การมุ่งตะวันออกครั้งนี้ของผมประสบความสำเร็จ
ผมพบป้ายรับสมัครคนงานในครัวที่ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์อยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง
คุณสมบัติคือพร้อมทำงานหนัก เวลางานตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงสามทุ่ม อัตราค่าจ้างสูงกว่างานเวลากลางวันของผมเล็กน้อย
ตัวบรรยากาศของร้านดูสว่างไสว ด้านหน้าของร้านมีตู้แช่ ซูชิ ซาชิมิ สลัดอโวกาโด้ และอาหารญี่ปุ่นแบบทานสะดวกอีกสี่ห้าชนิด
ผมเปิดประตูกระจกของร้านอาหาร K 10 เดินลงไปชั้นล่างที่เปิดเป็นร้านอาหารขนาดปานกลาง แจ้งความจำนงกับพนักงานคนหนึ่งว่าผมมาสมัครงาน
เขาชี้ไปที่ประตูบานเล็กประตูหนึ่งและบอกว่าผมควรต้องคุยกับนัสเซอร์ “เขาจะสัมภาษณ์คุณด้วยตนเอง”
ผมเคาะประตู เสียงตอบว่า เยส ดังมาจากหลังบานประตูนั้น
ผมเปิดประตูบานนั้นเบาๆ นัสเซอร์ในชุดเสื้อเชฟสีดำกำลังพลิกนิตยสาร fourfourtwo หรือ 4 4 2 อันเป็นนิตยสารฟุตบอลชั้นนำ
เขาเงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมกับคำถามเมื่อได้เห็นคนแปลกหน้า
ผมบอกเขาว่าผมมาสมัครงานเป็นพนักงานในครัวช่วงเย็นตามประกาศที่ติดไว้หน้าร้าน
เขาถามคำถามผมสองคำ “ขาของนายแข็งแรงไหม?”
“ดีอยู่” ผมตอบ
“นายเคลื่อนไหวได้ว่องไวไหม?”
“พอใช้ได้” ผมตอบอีก
“มาเริ่มงานวันพรุ่งนี้ มาถึงที่นี่สักสี่โมงครึ่งเพื่อรับชุดพนักงาน หน้าที่ของนายอยู่ข้างบนนั่น ไว้ค่อยคุยกัน”
ผมค้อมศีรษะให้เขาเป็นสัญญาณว่าเข้าใจก่อนจะปิดประตูบานนั้นแล้วเดินจากมา
ผมได้งานที่ว่าโดยไม่มีโอกาสหย่อนก้นลงบนเก้าอี้เบื้องหน้านัสเซอร์ด้วยซ้ำไป
วันรุ่งขึ้น ผมไปถึงที่ร้าน K 10 ตามเวลานัด
นัสเซอร์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวกีฬาอยู่หน้าบาร์ เมื่อเห็นผม เขาร้องขอเสื้อยืดสีดำจากผู้จัดการร้านพร้อมกับผ้ากันเปื้อนก่อนจะเดินเข้าไปในครัวแบบเปิด เขาหยิบมีดทำครัวขนาดปานกลางเล่มหนึ่งมายื่นให้ผม และเดินนำหน้าผมกลับขึ้นมาข้างบน
ผมถือมีดเล่มนั้นไว้ในมือด้วยความหวาดกลัว ผมไม่ได้จับมีดทำครัวเลยนับแต่การเลิกเป็นลูกมือของย่าในวัยเด็ก
อีกทั้งมีดในมือก็มีขนาดใหญ่กว่ามีดที่ผมใช้ปอกหอม กระเทียมในวัยเด็กมากนัก
นัสเซอร์ดูจะมองอาการของผมออก เขาพูดกับผมสั้นๆ ว่า
“ไม่ต้องกลัว หน้าที่ของนายมีไม่กี่อย่าง อย่างแรกคือคอยเอาอาหารที่ลูกค้าเลือกจากตู้ใส่ถุงให้พวกเขาและบอกให้เขาลงไปชำระเงินด้านล่าง อย่างต่อมาคือนายจะเห็นว่าในคอกเล็กๆ ที่นายจะต้องยืนประจำการในช่วงเวลาทำงานนี้มีหม้อหุงข้าวใบหนึ่ง ด้านข้างของคอกมีรางทำความร้อนที่นายจะต้องวางหม้อใส่ชิกเก้นเทริยากิและแซลมอนเทริยากิ หน้าที่ของนายคือทำข้าวราดไก่หรือแซลมอนเทริยากิให้คนที่สั่ง เราจะขายของเหล่านี้แบบเทกอะเวย์ เมื่อเขาสั่งอาหารที่ว่า นายจะต้องกดปริ๊นต์ออเดอร์ที่เครื่องข้างฝา เอาตั๋วกระดาษที่ได้มานั้นให้เขานำมันลงไปจ่ายเงินข้างล่าง นายไม่ต้องยุ่งเรื่องเงินทอง แค่เพียงตักข้าวใส่กล่องพลาสติกที่เก็บไว้ด้านล่าง หั่นไก่เทริยากิ ให้เป็นชิ้นเล็กๆ และตักแซลมอนสามชิ้นให้ลูกค้าตามออเดอร์ ปริมาณข้าว ไก่และแซลมอนเป็นดังนี้”
นัสเซอร์เดินเข้าไปในคอกเล็กข้างตู้อาหารที่มีขนาดพื้นที่ราวเมตรครึ่งคูณเมตรและแสดงให้ผมเห็นถึงปริมาณอาหารที่ควรจะเป็น
“พอถึงเวลาสองทุ่มครึ่ง นายก็ยุติการขายได้ ทำความสะอาดพื้นที่ให้เรียบร้อย เอาของทุกอย่างลงไปข้างล่าง ล้างหม้อข้าว ล้างมีด จัดเรียงกล่องพลาสติกให้เป็นระเบียบ แล้วเข้ามาเก็บอาหารทุกอย่างที่เหลือในตู้แช่ เราไม่ขายอาหารที่ค้างคืน ดังนั้น อาหารที่เหลือนายจะต้องเอาไปทิ้งหรือนายจะเอาไปแจกจ่ายใครก็ได้ แต่ระวังเขาจะท้องเสียหรือเกิดอาหารเป็นพิษด้วยก็แล้วกัน”
สิ่งที่นัสเซอร์พูดนั้นฟังดูเรียบง่าย แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับมีความยุ่งยากและวุ่นวายอย่างไม่น่าเชื่อนับแต่วันแรก ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานที่เป็นเสื้อยืดพิมพ์คำว่า K 10 คาดผ้าสีดำที่ศีรษะและเข้าไปประจำสถานที่ของตนเอง
ลูกค้าในช่วงเวลาห้าโมงดูเหมือนจะคุ้นเคยกับอาหารและร้านเป็นอย่างดี เขาเลือกกล่องอาหารและนำมาให้ผมใส่ถุงพลาสติกใสก่อนจะเดินลงบันไดชั้นล่างไปชำระเงิน
แต่เมื่อถึงเวลาหกโมงและหนึ่งทุ่ม ผู้คนทยอยมาไม่ขาดสาย บางคนต้องการอาหารบางอย่างที่หมดไปแล้วอย่างทูน่าทาทากิซึ่งเป็นหน้าที่ของผมต้องกดออเดอร์แจ้งลงไปในครัว
ข้าวในหม้อหมดลงอย่างไม่คาดคิดเพราะมีคนสั่งข้าวราดเทริยากิอย่างต่อเนื่อง
นั่นหมายถึงผมต้องวิ่งแบกหม้อหุงข้าวลงไปด้านล่างและขอปันข้าวจากในครัวมาแทน เพื่อที่ขึ้นมาถึงข้างบนแล้วพบว่าแซลมอนเทริยากิก็กำลังหมดลงอีกเช่นกัน
ผมวิ่งลงไปข้างล่างอีกครั้งเพื่อแจ้งกับคนครัว (ที่มาจากศรีลังกาเป็นส่วนใหญ่) และรอให้พวกเขาปรุงมันขึ้นมาให้ในอีกสิบนาทีต่อมา
เมื่อเวลาสองทุ่มครึ่งมาถึงและเราปิดรับออเดอร์ พื้นที่ที่ผมเคลื่อนที่อยู่ก็กระจายไปด้วยซอสเทริยากิ กล่องพลาสติกบุบบู้อันเนื่องจากการรีบใช้มัน ไก่ที่เหลือบางส่วนและข้าวที่เกือบหมดหม้ออีกเป็นรอบสอง
ผมทยอยขนทุกอย่างไปทำความสะอาดในครัว ก่อนจะเก็บอาหารที่ขายไม่หมดใส่ถุง นำลงไปข้างล่าง กลับขึ้นมาทำความสะอาดพื้นจนสะอาดเอี่ยม
ทั้งหมดนี้จะต้องทำให้เสร็จภายในเวลาครึ่งชั่วโมงเพราะไม่มีเงินค่าล่วงเวลาที่นี่
คุณอาจทำงานจนถึงเที่ยงคืนก็ได้ แต่รายได้คุณจะเป็นไปในอัตราเท่าเดิม
สภาพการณ์เป็นเช่นนั้นไปราวหนึ่งอาทิตย์ และแล้วเย็นวันหนึ่งผมก็ตัดสินใจคุยกับนัสเซอร์ มีหลายสิ่งที่ควรปรับปรุง
เราควรมีโทรศัพท์ภายในที่สามารถสั่งของจากชั้นบนลงชั้นล่างและชั้นล่างขึ้นชั้นบน
เราควรมีที่เสียบถุงพลาสติกให้ลูกค้าหยิบอาหารใส่ได้เอง
และเขาควรสอนผมทำน้ำเทริยากิรวมทั้งวิธีแล่ปลาและไก่เพื่อเตรียมมันไว้เป็นสต๊อกแทนที่ผมจะเพิ่มหน้าที่ของครัวโดยไม่จำเป็น
เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “หัดทำน้ำซอสก่อนแล้วกัน อย่างไรก็ตาม เรามาเริ่มด้วยการหัดจับมีด ตั้งข้อนิ้วในมือข้างที่ไม่จับมีดให้มันเป็นตัวกั้นระหว่างนิ้วกับมีดและเลิกใช้มีดแบบมันไม่มีความคมเสียที จงออกแรงเพียงน้อยแล้วปล่อยให้ความคมของมีดได้ทำงาน”
หลายปีผ่านไป ผมยังจำส่วนผสมของซอสเทริยากิได้ นั่นอาจเป็นเพราะนัสเซอร์พูดกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเขายังแนะนำให้ผมจดมันลงในสมุดเล่มเล็กๆ อีกด้วย
“นายไม่มีทางจำอะไรในครัวได้หมดหรอก ดังนั้น จงจดมัน มิรินหรือเหล้าหวานญี่ปุ่น สาเก ซีอิ๊วและน้ำตาลคือส่วนผสมหลัก สำหรับไก่เราอาจผสมน้ำให้ซอสเจือจางได้บ้าง แต่สำหรับแซลมอนเราควรให้ซอสมีความเข้มข้นสักหน่อย” นั่นคือคำกล่าวของนัสเซอร์
ผมทำซอสเทริยากิในสูตรที่ว่ารอบแล้วรอบเล่าจนในที่สุดนัสเซอร์ก็ยอมรับว่ามันใช้ได้
ช่วงเวลาห้าเดือนที่นั่น ผมน่าจะขายชิกเก้นเทริยากิและแซลมอนเทริยากิไปเป็นพันๆ กล่อง
แล่ไก่และปลาแซลมอนเป็นพันๆ หน
จนในที่สุดผมก็รู้สึกว่าที่นั่นไม่มีอะไรให้ผมได้เรียนรู้อีกต่อไป ร้านอาหาร K 10 มีเมนูที่ตายตัว มีปรัชญาของอาหารที่ชัดเจน
ผมแจ้งแก่นัสเซอร์ในวันหนึ่งว่าสิ้นอาทิตย์หน้าผมจะจากเขาไป
นัสเซอร์ยิ้มให้ผมเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“นายเป็นคนที่ประจำการอยู่ตรงนั้นนานที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่เราเปิดร้านมา ขอให้โชคดี อินชาลล่าห์” นัสเซอร์อวยพรให้ผมตามความเชื่อทางศาสนาของเขา
หลังจากวันนั้นแล้วผมไม่ได้พบกับเขาอีกเลย
และแม้ผมจะจำสูตรในการทำซอสเทริยากิได้ อีกทั้งสมุดที่ว่าก็ยังอยู่ติดตัวผม
แต่ผมแทบไม่เคยกินแซลมอนเทริยากิอีกเลยแม้กระทั่งปัจจุบัน