“อภิชัย เตชะอุบล” คีย์แมน กทม.พลังประชารัฐ จากนักธุรกิจหมื่นล้าน และนิยาม ‘ทุนการเมือง’

หมายเหตุ : บทความนี้เผยพร่ครั้งแรก 03/06/2022

ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น้อยกว่าที่คาด-ผลงานได้น่าผิดหวัง หลังจากได้เก้าอี้ ส.ก.มาเพียง 2 ที่นั่ง

“เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล แกนนำขาใหญ่-คนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐที่จะเข้ามารับผิดชอบฐานเสียง “เมืองหลวง” ประเดิม “งานแรก” ด้วยการ “กุมบังเหียน” ผู้อำนวยการเลือกตั้ง-ได้รับบททดสอบมหาโหด

“คนใกล้ชิดเสี่ยโต” เคยได้ยิน “เสี่ยโต” ปรารภว่า คนที่มาถือธงนำ-ออกศึกเลือกตั้ง ส.ก.ในวันที่พื้นที่ กทม.เป็นพื้นที่เสี่ยง-จุดล่อแหลมที่สุด ต้องเป็นคนกล้า-เดนตาย

ผลการเลือกตั้ง ส.ก.พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คำพูดของ “เสี่ยโต” ไม่ได้เกินจริง

“ผมไม่ได้ช่ำชองเรื่องการเมืองมากมาย แต่การเมืองเราก็สนใจนะ เพิ่งมาเรียนรู้พักหลังๆ ประเทศชาติเป็นอย่างนี้ เราก็จะเอาความรู้ความสามารถและประสบการณ์การบริหารธุรกิจหลักหมื่นล้านที่เรามีมาช่วยดูว่า เราสามารถทำอะไรได้บ้าง”

“แปลกนะ เราทำโครงการหลายหมื่นล้าน ทุกวันนี้เราต้องไปเดินช่วยหาเสียง ผมถามตัวเองเหมือนกัน แต่เมื่อสมัครใจเข้ามาแล้ว เราสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่มีปัญหา เราทำธุรกิจก็เหมือนกัน เหนื่อยบ้าง ลำบากบ้าง ทุกอย่างไม่ได้หมูตลอด”

“แต่ OK สนุกที่เข้ามาตรงนี้ แปลกดี เป็นอีกชีวิตหนึ่ง ตื่นเต้นดี ชอบ”

“เสี่ยโต” จากนักธุรกิจ “เจ้าของโปรเจ็กต์หมื่นล้าน” เข้าสู่เส้นทางการเมือง-สวมเสื้อประชาธิปัตย์ การเลือกตั้งปี 2562 เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ควบเหรัญญิกพรรค ก่อนตัดสินใจออกจาก “พรรคเก่าแก่” มาร่วมชายคาพรรคพลังประชารัฐ

“อภิชัย” บอกถึงสาเหตุ “โบกมือลา” จากประชาธิปัตย์-สมัครใจมาอยู่พลังประชารัฐ ว่า ผู้บริหารพรรคมีความเมตตา เล็งเห็นศักยภาพ ถือว่าให้กำลังใจและเป็นแรงจูงใจในการทำงานการเมืองต่อไป

“มีหลายพรรคที่มาชวนผมไปอยู่ แต่ผมมองว่า พลังประชารัฐค่อนข้างกันเอง หัวหน้าพรรค (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) คำไหนคำนั้น เวลาท่านรับปากไม่มีขั้นตอนมากมาย กล้าตัดสินใจ เด็ดขาด”

ปัจจุบัน “เสี่ยโต” กลายเป็น “เจ้าบุญทุ่ม-นายทุนคนใหม่” ของพรรคพลังประชารัฐ ล่าสุดบริจาคเงินให้กับพรรคพลังประชารัฐในเดือนมีนาคม 2565 จำนวน 5 ล้านบาท

ทว่า เขาไม่เห็นด้วยกับคำสรรพนามที่ถูกเรียกขาน “กระเป๋าสตางค์”

“ทุนของผมที่จะไปลงกับพรรคการเมือง เพื่อทำให้ประเทศชาติดีขึ้นกว่านี้ คือ ทุนของผม ถ้าเรามีโอกาส มีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ เราคิดว่า เอาความรู้ความสามารถทำให้ประเทศชาติดีขึ้นได้ จากประสบการณ์ที่เราทำมา”

“ผมทำธุรกิจมา จากไม่มีอะไรเลย พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ให้เงินอะไรผมเลย ผมโตขึ้นมาด้วยตัวเอง ตั้งแต่อายุ 20 กว่าจนถึงวันนี้ปาเข้าไป 60 กว่าแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอะไรมาให้ผม ผมก็ทำมาด้วยมือเปล่าของผม”

“ความรู้ความสามารถ คือทุนของเราที่จะลงไปให้พรรค ให้การเมือง เงินทองโยนไป ไม่มีประโยชน์หรอก คุณเอาพวกนายทุนมาลงเงินแล้วก็ไปเป็นรัฐมนตรี 1 สมัย แล้วก็มานั่งกอบโกยโน่น กอบโกยนี่ ไม่มีประโยชน์”

“ความรู้ความสามารถเป็นทุนอย่างหนึ่งที่จะมาช่วยพรรค มาทำให้พรรคดีขึ้น เป็นที่ยอมรับของประชาชน เป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าที่บอกว่าเป็นนายทุนเข้ามา หรือเอาเงินมากองให้คุณ 1-2 พันล้าน ไม่มีประโยชน์”

“คุณต้องหาคนดี คนที่มีความรู้เข้ามาช่วยพรรค พรรคถึงจะเจริญเติบโตได้ ไม่ใช่เอาแต่พวกพ้อง น้องพี่ คนดีๆ อยากลงมาเล่นการเมือง แต่ไม่มีโอกาส”

 

“วันนี้เรื่องธุรกิจของผมกับการเมือง ค่อยๆ แยกออก ผมค่อยๆ วางมือด้านธุรกิจ ปล่อยให้ลูกๆ ทำไป เราก็อายุปูนนี้แล้ว เงินทองมีอยู่แล้ว ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ทุกวันนี้พยายามดูแลร่างกาย สุขภาพให้ดี แข็งแรง”

“เสี่ยโต” ค่อยๆ เฟสตัวออกจากธุรกิจ-วางมือจากโปรเจ็กต์อสังหาริมทรัพย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เข้าไปบริหารประเทศ-แก้ปัญหาเศรษฐกิจในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“เศรษฐกิจจะเติบโตได้ หนึ่ง ค่าครองชีพจะต้องต่ำ น้ำมันต้องถูก ไฟฟ้าต้องถูก น้ำต้องถูก ดอกเบี้ยต้องแข่งขันได้ รัฐบาลต้องดูแลในส่วนนี้เป็นหลัก ทุกอย่างต้องต่ำหมด รัฐบาลต้องควบคุมได้ ไฟฟ้า ประปา หลักๆ รัฐบาลต้องคุมให้อยู่”

“ไม่ใช่วันนี้ เราขึ้นแต่ค่าแรง แต่เศรษฐกิจไม่ได้ดีตาม ตอนนี้ต้องช่วยกันประคอง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ถึงวันหนึ่งเศรษฐกิจดีแล้ว ค่าแรงจะขึ้นไปตามระบบเศรษฐกิจ”

“ไม่ใช่วันนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะให้ 490 ไม่ได้ แบบนี้เป็นการบริหารแบบเพื่อการเลือกตั้ง ไม่มีประโยชน์ ฉะนั้น ประชาชนถ้าจะเลือก ไม่ใช่เลือกเพราะประชานิยม”

“วันนี้ประเทศจีนค่าแรงสูงแล้ว เขาขึ้นค่าแรงได้เพราะเศรษฐกิจดีแล้ว ขึ้นไปตามกลไกลตลาด เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวหรือเศรษฐกิจดี ค่าแรงจะขึ้นตาม”

“น้ำ ไฟ รัฐบาลต้องทำเอง ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ รัฐบาลต้องดูแลเอง ถ้าคุมเศรษฐกิจอยู่ได้ น้ำมัน ไฟฟ้า predict ได้ น้ำมัน ทั้งไฟ มา subsidize ตัวนี้ไม่ดีกว่าเหรอ control น้ำมันให้อยู่ เอาเงินไปอุดหนุนน้ำมัน ดีกว่านั่งแจกเงิน”

“ถ้าทุกอย่างคุมได้ น้ำมัน ไฟฟ้า คุมได้ เศรษฐกิจก็จะอยู่คงที่ ไปได้ ไม่มีปัญหา และไม่มีปัญหาที่จะต้องนั่งแจกเงินชาวบ้าน แจกเงินแต่ตอนที่มีปัญหาจริงๆ แต่ถ้าวางแผนถูกต้อง ไม่ต้องมานั่งแจกเงินชาวบ้านเลย ไม่จำเป็น”

“โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ถนนหนทาง น้ำ ไฟ รัฐบาลต้องทำเอง กดค่าครองชีพให้ต่ำลง ทุกอย่างต้องต่ำ น้ำ ไฟ ต้องราคาถูก ถ้าทุกอย่างรัฐบาลคุมได้ ไปได้สบาย แต่ถ้ารัฐบาลคุมไม่ได้ ประชาชนก็กินของแพงตลอด”

“รถเมล์ รถไฟฟ้า จ่ายครั้งเดียวขึ้นได้ทั้งวันด้วยบัตรใบเดียว”

 

“เสี่ยโต” ใช้ประสบการณ์การบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์หมื่นล้าน ขายไอเดียวิธีแก้ปัญหาบ้าน-คอนโดฯ ขายไม่ได้

“คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ วันนี้ขายไม่ออก 4-5 แสนยูนิต แต่ละยูนิตเกิน 5 ล้านบาททั้งนั้น มาตรการที่ออกมาไม่ครอบคลุม ต้องปล่อยออกมา ลดค่าโอนเหลือ 0.01% ธุรกิจจะขับเคลื่อนได้ กระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมา ขายได้ ขายหมด งานเกิด”

“ถ้าจะแจกเงินต้องแจกให้ถูกวิธีการ ไม่สร้างปัญหาให้ประเทศภายหลัง นโยบายถ้าจะออกไปใหม่ 3-4 ข้อพอ ไม่ต้องเยอะ เช่น เรื่องปากท้อง โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต้องต่ำ ไม่ใช่สูง ค่าครองชีพต้องต่ำ”

“ต้องคุมต้นทุนของผู้ประกอบการให้อยู่ได้ ดอกเบี้ย ไฟฟ้า น้ำมัน ประปา ถนนหนทาง เงินในกระเป๋าจะมาเอง” อภิชัยบอกแนวนโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ไม่ใช่การต่อสู้กันด้วยนโยบายประชานิยมเสมอไป

“การเมืองต้องปกติ ไม่วุ่นวาย การเมืองต้องสงบ คนกล้ามาลงทุน ถ้าวันไหนการเมืองไม่สงบ ไม่มีความแน่นอน ใครจะกล้ามาลงทุน ผีที่ไหนก็ไม่กล้ามา”

พล.อ.ประยุทธ์ทราบแล้วเปลี่ยน