ความผิด หมายเลข 2 ความผิดจาก เซี่ยวลี้ปวยตอ เบื้องหน้า ‘อั้งไฮ้ยี่’ นั้น/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

ความผิด หมายเลข 2

ความผิดจาก เซี่ยวลี้ปวยตอ

เบื้องหน้า ‘อั้งไฮ้ยี่’ นั้น

 

ต้องยอมรับว่า ฝ่ามือที่ลี้คิมฮวงสะบัดออกไป ดูแล้วไม่มีความพลิกแพลงอันพิสดารอย่างไรเลย นั่นคือข้อสังเกตในเบื้องต้น

จึงไม่มีใครคาดคิดว่า “ผล” จะลงเอยอย่างไร

หากมองผ่านท่าทีของ “ผู้ใหญ่” 2 คนที่ร่วมขบวนมากับ “อั้งไฮ้ยี่” วัยเยาว์คนนี้ ว. ณ เมืองลุง ถอดความออกมาว่า ฉิ้งเฮ่างี้กับปาเอ็ง ทราบแน่แก่ใจว่าทารกน้อยเข้าไปฆ่าคนที่ด้านในชัดๆ แต่ทั้งสองยังคงยืนอย่างปลอดโปร่ง เยือกเย็น

อยู่ ณ ที่เดิม มิเคยเคลื่อนไหวเลยแม้สักน้อยนิด

เมื่อมีคำถามจากเหมยยี่ซิงแซ ปาเอ็งกลับแบมือกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “บอกตามความสัตย์จริง เรื่องของทารกนี้มิว่าผู้ใดก็เกี่ยวข้องด้วยมิได้”

บอกตามความสัตย์จริง พลังฝีมือของทารกนี้พอจะใช้ได้จริงๆ

มีชนชาวนักเลงฝีมือสูงที่พ่ายแพ้แก่มันไปมากแล้ว อย่าว่าแต่มันมิเพียงมีบิดาอันประเสริฐเท่านั้น ยังมีมารดาอันประเสริฐอีกด้วย ผู้อื่นหากพลาดพลั้งเสียทีก็มีแต่ต้องยอมรับว่าโชคร้ายเท่านั้น

แต่พลันที่เหมยยี่ซิงแซระบุว่า “บอกตามความสัตย์จริง คนไข้ของเราคือลี้คิมฮวงนั่นเอง”

วาจานี้พอกล่าว สีหน้าปาเอ็งพลันเผือดขาว ร่างของมันจึงพุ่งเข้าไปพร้อมกับร้องสุดเสียงด้วยความตระหนกสุดขีด

“ลี้ถ้ำฮวย ลี้ไต้เฮียบ โปรดไว้ไมตรี”

ระยะกาลเดียวกันกับที่เมื่อลี้คิมฮวงสะบัดฝ่ามือออกไป ดูอย่างผิวเผินแทบมองไม่เห็นความพลิกแพลงใดเลย

เด็กชายนั้นแม้อายุยังเยาว์ แต่มีประสบการณ์ต่อสู้อย่างช่ำชอง

เห็นฝ่ามือนี้ตบฟาดมากลับไม่หลบเลี่ยง คำนวณแน่ว่ากระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามนี้ต้องเป็นท่าหลอกล่อ

ท่าไม้ตายที่แท้จริงอยู่ที่ด้านหลัง

ดังนั้น เพียงยกปลายกระบี่ชี้เฉียง คล้ายปิด คล้ายสกัด ตั้งรับด้วยท่าหลอกล่อเช่นกัน ไม่ว่าฝ่ามือของลี้คิมฮวงนี้มีเคล็ดความเปลี่ยนแปลงอันใด เด็กชายนี้สามารถเปลี่ยนแปลงสภาวะกระบี่ตาม

หากฝ่ามือของลี้คิมฮวงแปรเปลี่ยนเป็นท่าจริงจัง กระบี่ของมันก็จะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังตาม ช่วงชิงโอกาสแทงทะลุข้อมือของลี้คิมฮวง

กระบวนท่าของเด็กชายนี้ร้ายกาจยิ่ง

ไม่ว่าตำแหน่ง ช่วงเวลา กระแสพลังล้วนพอดีเป็นที่สุด มือกระบี่ในยุทธจักรสามารถใช้กระบวนท่าเช่นนี้มีไม่มากนัก แสดงว่าเด็กชายนี้มิเพียงได้รับการชี้แนะจากยอดฝีมือ

มิหนำซ้ำ เป็นส่วนสัดที่เหมาะกับการฝึกปรือวิชาบู๊มาแต่กำเนิด

น่าเสียดายที่วันนี้ เด็กชายนั้นเผชิญกับคู่มือเช่นลี้คิมฮวง ฝ่ามือของลี้คิมฮวงนี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอันใด เพียงแต่ลงมือรวดเร็วเกินไป

รวดเร็วจนสุดคิด คาดคำนวณได้

ในห้วงยามนี้สมควรให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษ ขอเริ่มจากสำนวนแปล น.นพรัตน์ เมื่อเผชิญกับฝ่ามือของลี้ชิ้มฮัว

ยุทธวิธีของเด็กชายนี้ล้วนไม่อาจใช้ออก

รอจนกระบี่ในมือมันคิดแทงใส่ข้อมือลี้ชิ้มฮัวใหม่ ฝ่ามือของลี้ชิ้มฮัวก็ฟาดใส่ทรวงอกของมันแล้ว แต่เด็กชายนั้นไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด

เพียงรู้สึกว่าพลังอบอุ่นสายหนึ่งถ่ายทอดจากใจกลางฝ่ามือฝ่ายตรงข้าม

แผ่ซ่านไปทั่วร่าง มัน (มีความรู้สึก) คล้ายกับในฤดูอันเหน็บหนาว ได้ดื่มสุราที่อุ่นร้อนลงไปถ้วยหนึ่ง

ขณะที่สำนวน ว. ณ เมืองลุง บรรยายออกมาว่า

ฝ่ามือนั้นของลี้คิมฮวงไม่ได้แปรเปลี่ยนเยี่ยงไร เพียงแต่เป็นการลงมือที่เร็วเกินไป เร็วจนผู้คนไม่มีปัญญาไปขบคิดได้ การตั้งรับที่อั้งไฮ้ยี่ใช้ออกมาจึงไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิง รอจนกระบี่ในมือของมันจะเสือกแทงใส่ข้อมือลี้คิมฮวงนั้น

ฝ่ามือลี้คิมฮวงก็ตบใส่ทรวงอกมันไปแล้ว

แต่อั้งไฮ้ยี่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวด เพียงรู้สึกพลังอบอุ่นขุมหนึ่งทะลักออกจากฝ่ามือฝ่ายตรงข้ามไปทั่วสรรพางค์กายมัน

เฉกเช่นในฤดูหนาวเหน็บได้ดื่มสุราหอมฉุนจอกหนึ่งก็ปาน

 

แท้จริงแล้วเป้าหมายของลี้คิมฮวงดำเนินไปอย่างที่ชายฉกรรจ์หนวดเคราครึ้มอธิบาย “พลังฝีมือของทารกนี้แม้ถูกขจัดทิ้ง แต่ชีวิตน้อยๆ ของมันยังคงเก็บคืนมาได้ เนื่องเพราะเซี่ยวเอี้ยเราพลันเกิดสมเพชเวทนา”

กระนั้น ในความสมเพช เวทนานี้ พวกมัน “ตระหนัก” หรือไม่

อั้งไฮ้ยี่ล้มลงกับพื้น คล้ายเพิ่งได้สติจากความเมามาย ตลอดกายอ่อนระทวย มิอาจเกร็งกำลังได้แม้สักน้อยนิด ทารกน้อยรู้สึกเป็นสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง

ขอบตาของมันแดงระเรื่อร่ำไห้ขึ้น

“เรา เราน่ากลัวเสียท่ากับฝีมืออำมหิตของคนผู้นี้แล้ว ท่านรีบไปเรียกเตียเตียเรามาล้างแค้นแทนเรา”

ไม่ทันจบคำก็เปล่งเสียงร่ำไห้ขึ้นมา

ปาเอ็งขยี้เท้าอยู่ไปมา เหงื่อกาฬแตกโซมดุจฝนสาดซัด พลันคุกเข่ากราบลี้คิมฮวงอย่างมิคาดหมาย

ในความรู้สึกโดยพื้นฐานของลี้คิมฮวง

“หากบิดา มารดามันต้องการล้างแค้น เรียกให้พวกมันมาหาเราก็แล้วกัน ตอนนี้ท่านรีบพาทารกกลับไปเถิด หากรักษาพยาบาลถูกวิธีวันหน้าแม้ไม่อาจใช้วิชาบู๊เข้าต่อสู้กับผู้ใดแต่ความเคลื่อนไหวยังคงเป็นปกติธรรมดาได้”

การปรากฏของทารกคนนั้น การปรากฏของปาเอ็งที่คุกเข่า ณ เบื้องหน้า อาจยังมิได้ไขอะไรมากนัก แต่พลันที่ชายชราหน้าม่วงคล้ำเดินช้าๆ เข้ามาพร้อมกับคำกล่าว “มิได้พบสิบปีแล้วลี้ถ้ำฮวยมิรู้จักคนเก่าก่อนหรือไร”

สถานการณ์ก็แปรเปลี่ยน พลิกกลับ

 

ลี้ชิ้มฮัวตาทอประกายวูบ ขมวดคิ้วพลางกล่าว “ที่แท้เป็นขวัญเหล็กสะท้านแปดทิศ ฉิ้งไต้เฮียบ มิน่าเล่าเด็กน้อยนี้กล้าทำร้ายคนตามอำเภอใจ

เมื่อมีฉิ้งไต้เฮียบหนุนหลัง ยังมีผู้ใดที่ฆ่าไม่ได้”

ขวัญเหล็กสะท้านแปดทิศ ฉิ้งเฮ่างี้แค่นหัวร่อ “คนที่เราฆ่า เกรงว่าไม่เท่ากับครึ่งหนึ่งของลี้เฮียกระมัง”

“ฉิ้งไต้เฮียบมิต้องถ่อมตนไป เพียงแต่หากข้าพเจ้าฆ่าคนถือว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ขณะที่ท่านที่นับถือฆ่าคนเรียกว่าผดุงความยุติธรรมแทนฟ้า วันนี้หากเด็กน้อยนี้ฆ่าข้าพเจ้าข่าวคราวพอแพร่สะพัดออกไปคงมิใช่บอกว่ามันฆ่าคนเพราะแย่งชิงหมอรักษา

หากแต่บอกว่ามันกับฉิ้งไต้เฮียบร่วมกันขจัดเภทภัยให้กับบู๊ลิ้มประการหนึ่ง ใช่หรือไม่”

แม้จะถูกประเทียดเสียดสีจากลี้คิมฮวง แม้จะถูกเร่งเร้าอย่างร้อนรุ่มจากอั้งไฮ้ยี่แต่ท่าทีของฉิ้งเฮ่างี้ก็แปลกแผกต่างออกไป

“หากเป็นผู้อื่นทำร้ายเจ้าย่อมมีคนล้างแค้นให้แก่เจ้า

แต่ลี้ถ้ำฮวยทำร้ายเจ้า เกรงว่าเจ้าได้แต่ยอมรับชะตากรรม เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้ที่ทำร้ายเจ้าเป็นใคร มันเป็นมีดที่ 1 แห่งแผ่นดินลี้คิมฮวง

และเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับบิดาเจ้า”

 

น.นพรัตน์ ถอดความออกมาว่า พริบตานั้นลี้ชิ้มฮัวสะท้านขึ้นราวถูกอสนีบาต ฟาดใส่ร่าง แตกตื่นจนขวัญกระเจิดกระเจิง นั่งตะลึงลานกับที่ ดวงตาที่แหลมคมเปลี่ยนแปรเป็นสีเทาซีด

กล้ามเนื้อที่มุมปากสั่นกระตุกไม่หยุดยั้ง เหงื่อเย็นเยียบไหลซึมจากปีกจมูกถึงมุมปาก

ชายฉกรรจ์เคราครึ้มนั้นก็หน้าซีดสลด หลั่งเหงื่อดุจห่าฝน

“นี่นับเป็นเรื่องคาดคิดไม่ถึงจริงๆ” เป็นเสียงรำพึงพร้อมกับอาการทอดถอนใจจากปาเอ็ง “คิดไม่ถึงฮุ้นเซี่ยวเอี้ย (นายน้อยฮุ้น) อายุเยาว์เจ้าอารมณ์ก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้น”

มันพึมพำอยู่คนเดียว

ในเวลาเช่นนี้ความคิดคำนึงของลี้คิมฮวงกลับย้อนไปสู่อดีต เรื่องราวมากมายที่ไม่สมควรนึกถึงยามนี้ล้วนหวนนึกขึ้นมา

นี่คืออีกความผิดพลาดหนึ่ง นี้คืออีกความผิดพลาดที่สำคัญและมีผลสะเทือนใหญ่หลวง