‘แตงโม’ คดีมหากาพย์ยังไม่จบ ลุ้น! บทสรุปเหมือนคดีเกาะเต่า?/บทความโล่เงิน

บทความโล่เงิน

 

‘แตงโม’ คดีมหากาพย์ยังไม่จบ

ลุ้น! บทสรุปเหมือนคดีเกาะเต่า?

 

แม้ผ่านพิธีฌาปนกิจร่างแตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ส่งดาราสาวสู่อ้อมกอดพระผู้เป็นเจ้าไปแล้ว

แต่ยังมีอีกหลาย “ปม” ที่ต้องหาคำตอบ ทั้งช่องทางโซเชียลนางเอกสาวผู้ล่วงลับออกมาเคลื่อนไหว จนกระแสตีกลับคนสวมรอย แล้วต่อมาพบว่าเป็นบุคคลที่ใกล้ชิด ที่ “แตงโม” รักเคารพอยู่เบื้องหลัง

และกลายเป็นเรื่องบานปลายกับการเคลื่อนไหวทวงความเป็นธรรมจากหน่วยงานต่างๆ ของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยเชื่อว่าเป็นการ “ฆาตกรรม” ไม่ใช่ “อุบัติเหตุ”

ติดตามกันยาวๆ ว่า วาทะ “อบอุ่นในโลกออนไลน์แต่อาจเดียวดายหน้าบัลลังก์” นั้นจะเกิดขึ้นกับใครบ้างหลังจากนี้

 

มีข้อสังเกตว่า ด้วยเหตุ 27 พฤษภาคมนี้ อัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องแล้ว ทำให้คนเห็นต่างพนักงานสอบสวนรีบขยับก่อนคดีเข้าสู่ศาล

ในส่วนพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามอัยการสั่งให้สอบเพิ่ม 6 ผู้ต้องหา และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม น.ส.อิจศรินทร์ “กระติก” จุฑาสุขสวัสดิ์ และนายนิทัศน์ “จ๊อบ” กีรติสุทธิสาธร ในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

เท่ากับว่า 5 คนบนเรือโดนแจ้งข้อหานี้ทั้งหมด

ส่วนนายตนุภัทร หรือปอ เลิศทวีวิทย์ ให้แจ้งข้อหาเพิ่ม เสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2

ผลพวงตามมาอีกคือ “ตำรวจสั่งสอบตำรวจ” จากกรณีนายอัจฉริยะยื่นหนังสือถึง “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ขอให้สอบวินัยร้ายแรงทั้ง 4 นายตำรวจประกอบด้วย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี

เพราะคนร้องเชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่กระทำการรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ ในการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงหรือรู้ตัวผู้กระทำผิด และนำข้อมูลเท็จหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเข้าสู่สำนวนการสืบสวนสอบสวน รวมถึงไม่ทำคดีชันสูตรการตายและไม่มีการตรวจสารเสพติดบุคคลต้องสงสัยบนเรือ

พล.ต.อ.สุวัฒน์มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 4 นายตำรวจดังกล่าว โดยมี พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ดำเนินการสอบให้เสร็จภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมที่ ผบ.ตร.ลงนาม

 

พล.ต.อ.มนตรีเปิดเผยว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อลดกระแสสังคม แต่เมื่อมีข้อสงสัย มีการร้องเรียน ต้องทำความจริงให้ปรากฏ หลังจากสอบสวน 30 วัน จะสรุปผลการตรวจสอบว่ามีความผิดตามข้อร้องเรียนหรือไม่ จากนั้นจะนำเสนอให้ ผบ.ตร.พิจารณาสั่งการ ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบพยานหลักฐานใหม่จะเสนออัยการนำเข้าประกอบสำนวนได้ ไม่ถือเป็นความบกพร่องพนักงานสอบสวนที่ตรวจไม่พบตั้งแต่ต้น ยืนยันว่าการตรวจสอบทำด้วยความโปร่งใส

ขณะที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์เปิดใจหลังโดนสอบสวนข้อเท็จจริงว่า รับราชการมาเป็นเวลานาน ไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อย ทุจริตคอร์รัปชั่น ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และดูแลรับใช้ประชาชนมาโดยตลอด การสืบสวนสอบสวนทุกคดี ต้องทำตามพยานหลักฐานต่างๆ โดยรอบคอบ โดยการตรวจสอบนั้นเป็นเรื่องดี เพราะทำให้สังคมคลายสงสัย ตำรวจเองก็เป็นองค์กรในกระบวนการยุติธรรมที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้สังคมเกิดความมั่นใจ และเชื่อมั่นในวิชาชีพตำรวจมากขึ้น ขอยืนยันว่าการสืบสวนสอบสวนจะทำตามความเข้าใจไม่ได้ ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐาน โดยเฉพาะคดีนี้ ต้องฟังความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์ศพ

“ไม่กังวลหรือเสียกำลังใจ เพราะตำรวจเป็นองค์กรหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่สามารถตรวจสอบได้ การสืบสวนสอบสวนทุกคดี ไม่สามารถทำตามความคิดได้ ทางคณะทำงานทุกคนก็ทำงานด้วยความมั่นใจในการดำเนินคดีตามกรอบกฎหมาย เพราะการรวบรวมพยานหลักฐานเป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่ถูกร้องเรียนนั้น สามารถชี้แจงได้ทั้งหมด ทุกอย่างอยู่ในสำนวนหมดแล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องครบถ้วน” พล.ต.ท.จิรพัฒน์กล่าว

เจ้าของนามเรียกขาน “เอราวัณ 1” ระบุว่า หากสุดท้ายแล้วผลออกมาว่าคณะทำงานไม่มีความผิด ก็อยากฝากถามผู้ร้องด้วยว่าจะพูดอย่างไรกับสังคม

 

ด้าน พล.ต.ต.วสันต์ยืนยันว่าคดีการเสียชีวิตของแตงโม ตำรวจสืบสวนสอบสวนชุดคลี่คลายทำคดีอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ได้รวบรวมไว้ในสำนวนทั้งหมด นำส่งให้อัยการไปแล้ว ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้

พ.ต.อ.จาตุรงค์กล่าวว่า ตำรวจชุดทำคดีแตงโมทำตามกฎหมายและพยานหลักฐาน จะเห็นได้ว่ามีการสอบปากคำพยานบุคคลและพยานแวดล้อม รวบรวมวัตถุพยานต่างๆ ไว้จำนวนมาก คดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ประชาชนและสังคมให้ความสนใจ ไม่มีใครสร้างหลักฐานเท็จได้ ตามที่กล่าวหา

ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ยังกล่าวถึงคดีที่ตำรวจแจ้งความดำเนินคดีนายอัจฉริยะว่า ตอนนี้มี 2 คดี คดีแรกที่ สน.ประชาชื่น อีกคดีที่ สน.พหลโยธิน ส่วนวันที่นายอัจฉริยะแถลงข่าวที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่นนทบุรี อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน หากพบว่ามีการกล่าวหาพาดพิงคณะพนักงานสอบสวน และหน่วยงานองค์กรให้เกิดความเสียหาย จะดำเนินการแจ้งความทันที

ถ้าจับน้ำเสียง ผบ.ตร.ก่อนหน้านี้ในฐานะที่ดูสำนวนคดีด้วยตนเอง เชื่อว่าในที่สุดทุกอย่างจะคลี่คลายเป็นไปตามครรลองกฎหมาย พร้อมยกตัวอย่างคดีเกาะเต่า ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2557 คนร้ายข่มขืนฆ่าแหม่มสาวชาวอังกฤษ พร้อมกับฆ่าเพื่อนชายชาวอังกฤษ รวม 2 ศพ แล้วตำรวจจับกุม 2 แรงงานต่างด้าว ถูกกระแสสังคมโจมตีว่าตำรวจจับแพะ

กระแสวิพากวิจารณ์ ไม่เชื่อมั่นในตำรวจตอนนั้น ไม่ต่างกับคดีแตงโมตอนนี้ ในที่สุด ศาลพิพากษาว่า 2 จำเลยชาวเมียนมาที่ตำรวจจับกุมนั้นผิดจริง ตัดสินประหารชีวิตทั้งสามศาล

ขณะที่ปัจจุบันทุกคนต่างล้วนเป็นนักสืบโซเชียล ทำให้กระแสการโจมตีของตำรวจยุคนี้กระหึ่มกว่า

รอดูบทสรุปจากกระบวนการยุติธรรมจากนี้ไป