ประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ : จันทร์ดวงที่สอง

โดย สมภพ นิลกำแหง

ขณะก้าวเข้ามาในโรงแรมสูงตระหง่าน 125 ชั้นแห่งนี้ ผมเอาบัตรเข้าฟังปาฐกถาสำคัญขึ้นมาดูอีกที เพื่อให้แน่ใจว่า ผมไม่ได้มาวันผิด ผมอ่านทวนในใจ “27 มิถุนายน 2109 / ห้อง 118F-54R” ใช่แล้ว ผมไม่ได้มาวันผิดแน่นอน อันที่จริง ผมหยิบมันมาดูหลายครั้งแล้วนับแต่ที่ได้มันมา ปาฐกถาจัดขึ้นวันนี้ ที่นี่ ธัญญา วอนเดอร์พีค ณ ชั้น 118 ห้องปีกขวาหมายเลข 54 ดังนั้น ผมตรงไปที่ลิฟต์ ก้าวเข้าไปพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ มีบางคนกดปุ่มชั้น 118 แล้ว ผมจึงยืนสงบรอลิฟต์พุ่งทะยานไปยังชั้นที่ผมต้องไป

ผมเกือบจะหาบัตรเข้าฟังปาฐกถาครั้งนี้ไม่ได้ แต่ด้วยการพยายามอย่างหนักจากพรรคพวกที่เชื่อใจผม พวกเขาก็หาบัตรราคาถูกแต่หายากใบนี้มาได้ทันเวลา มันเป็นปาฐกถาที่จัดขึ้นเป็นการเฉพาะกลุ่ม จัดขึ้นในสถานที่ซึ่งถือว่าเป็นส่วนตัว ประชาสัมพันธ์การปาฐกถากันด้วยการบอกปากต่อปาก สำหรับบุคคลที่สนใจใฝ่รู้ในเรื่องนี้ หรือพยายามอยากจะได้เป็นส่วนหนึ่งในสาวกของกลุ่มของผู้ที่จะมาปาฐกถาในครั้งนี้ ส่วนผมนั้นมาด้วยความปรารถนาทั้งสองอย่างนี้เลย ผมยอมรับในตอนนี้

ผมสนใจในลัทธิ “จันทร์ดวงที่สอง” และ “ไซอาห์ แมคเคนซีย์” องค์ปาฐกที่ผมจะได้พบในคืนนี้และจะได้ฟังเขาพูดต่อหน้า ก็เป็นคนสำคัญระดับนำของขบวนการระดับโลกที่ชื่อว่า ลัทธิจันทร์ดวงที่สอง เขาเป็นมือขวาของผู้ที่สร้างความคิดเรื่องจันทร์ดวงที่สองขึ้นมา “บ็อพมอส นิลค์” ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนนั้น ชื่อนี้ฟังดูไม่เป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยเพราะว่าชื่อที่เขาใช้นั้นเป็นเพียงนามแฝง ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขา ไม่มีใครรู้ว่าที่แท้แล้วเขาเป็นคนชาติใด รู้แต่เพียงว่า เขาเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วัยกลางคนผู้กล้าคิดที่จะแก้ปัญหาใหญ่หลวงของมนุษยชาติที่กำลังเผชิญกันอยู่ในเวลานี้

ก็ “ภาวะน้ำท่วมโลก” นี่อย่างไรเล่า

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2100 การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกถึงจุดวิกฤตยิ่งยวด ปริมาณน้ำทะเลขึ้นสูงท่วมท้นลึกเข้าไปในแผ่นดินชายฝั่งทั่วโลก ละดับน้ำทะเลท่วมขึ้นสูงจนเหลือที่เป็นแผ่นดินบนโลกน้อยกว่าสิบเท่าเมื่อเทียบกับสมัยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

ในช่วงระยะเวลาอันทุรนของปวงชาวโลกนี้ ได้มีชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนหนึ่งซึ่งจินตนาการที่บ้าบอของเขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เริ่มมาจากที่วันหนึ่งเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและทอดสายตากลับลงมาไปสู่พื้นน้ำอันกว้างใหญ่ เขารำพึงว่าน้ำมากมายที่เห็นอยู่นี้มันเกินพอดีสำหรับการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ และน้ำก็เป็นมวลสารเหมือนกับวัตถุต่างๆ บนโลก ทว่า น้ำมากมายนี้ ทำไมเราไม่นำมันไปไว้ที่อื่น เช่น จับมันขึ้นไปเก็บบนท้องฟ้า นั่นสินะ ทำไมเราไม่จับมันไปอยู่ฟากฟ้า ให้มันสถิตถาวรอยู่ที่นั่นนานเท่านาน เมื่อถึงเวลาจะใช้ประโยชน์จากมัน ก็เพียงดึงน้ำบนฟากฟ้ามารวมกับน้ำที่ยังอยู่บนพื้นโลกดั่งเดิม และนั่นคือจินตนาการแรกเริ่มของโครงการอันยิ่งใหญ่ ในเวลาต่อมาคนทั่วไปเรียกโครงการนี้ว่า “จันทร์ดวงที่สอง”

“บ็อพมอส นิลค์” ปรารภความคิดการสร้างจันทร์ดวงที่สอง รวมถึงวิธีการคร่าวๆ ของเขาเป็นคลิปวิดีโอเผยแพร่ลงในสื่อออนไลน์โซเชียลมีเดีย หลังจากนั้นก็เกิดปฏิกิริยาขึ้นในสังคมโลก คนส่วนมากค่อนโลกคิดว่าเป็นเรื่องตลก เป็นไอเดียโง่เง่าบัดซบ แต่แล้วก็มีนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันคนหนึ่งสนใจ ไซอาห์ แมคเคนซีย์ นั่นเอง เขาแปลความคิดนี้จากถ้อยคำภาษาอังกฤษสำเนียงสุดประหลาดของ บ็อพมอส นิลค์ ให้เป็นภาษาอังกฤษสำเนียงที่เข้าใจง่าย รวมทั้งแปลเป็นภาษาอื่นๆ อีกสามสิบภาษา ลงเป็นคลิปวิดีโอในสื่อออนไลน์ จากนั้นไม่นานก็มีนักวิทยาศาสตร์ชาติต่างๆ สนใจเพิ่มขึ้นถึงร้อยห้าสิบคน และแล้วจากนั้นก็เหมือนคลื่นที่แผ่ขยายระลอกไปทั่ว นักวิทยาศาสตร์หลายคนเริ่มเสริมจินตนาการนี้ให้มีหลักการที่เป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นทีละน้อย

สองเดือนต่อมาหลังจาก ดร.แมคเคนซีย์ เผยแพร่จินตนาการเรื่องจันทร์ดวงที่สองของ บ็อพมอส นิลค์ ก็มีมหาเศรษฐีชาวอินเดียประกาศสนับสนุนโครงการนี้ จากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา มหาเศรษฐีชาวจีนและเกาหลี ร่วมกันประกาศสนับสนุนด้วย สองวันต่อมากลุ่มทุนอเมริกันประกาศว่าโครงการนี้อาจเป็นไปได้ถ้าชาวโลกร่วมมือกัน ดังนั้น พวกเขาขอร่วมด้วย สองสัปดาห์ต่อมากลุ่มทุนรัสเซียและกลุ่มทุนญี่ปุ่นก็ประกาศสนับสนุนโครงการนี้ สี่วันต่อมากลุ่มทุนในสหภาพยุโรปประกาศขอร่วมสนับสนุนโครงการ และอีกสามวันต่อมากลุ่มทุนประเทศอาหรับประกาศสนับสนุนแนวคิดนี้

เมื่อเกือบทั้งโลกดูจะคล้อยตามกันไปว่า มนุษย์สามารถทำให้น้ำทะเลที่กำลังท่วมโลกอยู่นี้ แปรสภาพกลายเป็นดวงจันทร์อีกดวงที่จะลอยเด่นในอวกาศ โคจรไปรอบโลกเหมือนกับดวงจันทร์ดั่งเดิมของโลก ดังนั้น ในต้นปี ค.ศ.2101 จึงเริ่มมีการจัดตั้งคณะนานาชาติดำเนินโครงการ เพื่อเริ่มวางแผนปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ทางด้านประชาชนก็มีการตั้งกลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์กในระดับนานาชาติเพื่อสนับสนุนโครงการนี้ ทุกวันเวลาจะมีการตั้งข้ออภิปรายถกเถียงกันข้ามโลกในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสร้างดวงจันทร์ด้วยน้ำจากมหาสมุทร

แต่เมื่อมีทางบวกก็ต้องมีทางลบ มีคนเห็นด้วยก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วย ในที่สุดสังคมเน็ตเวิร์กระดับนานานชาติ ก็เกิดมีกลุ่มที่ตั้งขึ้นเพื่อถกเถียงถึงความเป็นไปได้อย่างแท้จริงของโครงการนี้ กลุ่มนี้มีแนวโน้มความเชื่อเกี่ยวกับโครงการนี้ไปในทางลบ

ดังนั้น ระหว่างที่องค์กรนานาชาติที่จัดตั้งเพื่อ “จันทร์ดวงที่สอง” เริ่มวางแผนโครงการอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกัน เริ่มมีกลุ่มนานาชาติเช่นกันที่จัดตั้งองค์กรเพื่อคัดค้านเรื่องนี้อย่างรุนแรง พวกเขาลงความเห็นว่ามันเป็นไปได้ยาก และจะเสียทุนทรัพย์ของนานาชาติโดยใช่เหตุ และทุนทรัพย์ที่เสียไปนั้น ถ้าจะว่ากันอย่างลึกๆ แล้ว มันก็คือส่วนหนึ่งของทรัพย์สินโดยรวมที่เกิดขึ้นจากผลิตผลโดยรวมของมนุษยชาติ ถ้ามันได้ถูกนำไปใช้อย่างสุ่มเสี่ยงและอาจไม่ได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อมนุษยชาติทั้งผอง ทรัพย์สินทั้งปวงที่ต้องสูญสิ้นไปนั้นก็อาจนำไปใช้ในการลงทุนดูแลคุณภาพชีวิตของมนุษยชาติโดยรวมให้ดีขึ้นกว่านี้ก็ได้ และยังมีอีกบางกลุ่มที่คัดค้านด้วยเหตุผลความเชื่อโบราณเกี่ยวกับดวงจันทร์ ซึ่งในพวกนี้ร่วมถึงกลุ่มที่คัดค้านเพราะเหตุผลด้านศาสนาด้วย

และแล้วระหว่างเวลาที่ดำเนินไปท่ามกลางการขัดแย้งของสองขั้วความคิดในเรื่องจันทร์ดวงที่สอง ด้านหนึ่งพยายามจะดำเนินโครงการให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้ โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของใครๆ ในโลก พวกเขาระดมทรัพย์สินกันจนสามารถสร้างสถานีภาคพื้นเพื่อการปล่อยยานได้ที่ประเทศศรีลังกา และสร้างยานอวกาศเฉพาะกิจขนาดพอประมาณเพื่อการขนส่งระยะสั้นขึ้นได้สำเร็จ ทว่า ก่อนโครงการปล่อยยานอวกาศที่จะขนส่งน้ำทะเลออกไปสู่อวกาศจะเกิดขึ้นให้ชาวโลกได้เห็น ก็มีการประกาศกร้าวจากอีกด้านหนึ่ง องค์กรที่คัดค้านประกาศว่า ถ้ากลุ่มองค์กรจันทร์ดวงที่สองยังดันทุรังที่จะปล่อยยานบรรทุกน้ำทะเลขึ้นสู่อวกาศให้ได้ในวันใดก็ตาม กลุ่มองค์กรของตนก็จะทำลายยานอวกาศนั้นเสียก่อนที่มันจะขึ้นสู่อวกาศ

เมื่อเป็นเช่นนี้กลุ่มองค์กรจันทร์ดวงที่สองจึงประณามกลุ่มองค์กรที่คัดค้านต่อต้านพวกตน

“นั่นเป็นความคิดอุบาทว์ของกลุ่มก่อการร้ายที่พยายามข่มขู่คุกคามขัดขวางโครงการที่จะช่วยให้มนุษยชาตินั้นอยู่รอดต่อไปได้”

ฝ่ายกลุ่มนานาชาติที่ต่อต้านแผนจันทร์ดวงที่สองก็ประณามกลับคืนไป “พวกบ้าจันทร์ดวงที่สองนั้นแหละที่จะทำลายมนุษยชาติด้วยการทำสิ่งที่สุ่มเสียงที่จะเกิดผลกระทบเลวร้ายอันไม่อาจคาดคิดได้นานัปการที่จะตามมาถ้าหากจันทร์ดวงที่สองเกิดขึ้นจริง”

ด้วยความเห็นที่ขัดแย้งจากทั้งสองฝ่ายที่ต่างก็เป็นกลุ่มนานาชาติที่กระจัดกระจายคละเคล้าแต่ละฝ่ายไปในบรรดาประชาชาติทั้งหลายในโลก มันจึงไม่มีขอบเขตสถานที่เขตแดนที่แน่ชัดของแต่ละฝ่าย นอกจากสถานีปล่อยยานอวกาศของฝ่ายจันทร์ดวงที่สองที่ถูกปกป้องไว้ด้วยกฎหมายของประเทศศรีลังกา เพราะสถานที่นั้นถือเป็นทรัพย์สินของเอกชนซึ่งทางการท้องถิ่นมีหน้าที่ต้องคุ้มครองป้องกันมิให้ใครมาละเมิดบุกรุกทำลายได้

โลกจึงเกิดความขัดแย้งแบบแฝงเร้นอยู่ทั่วไป ความขัดแย้งนี้คล้ายกับการชักคะเย่อทางความคิดกันระหว่างคนสองฝ่ายที่มีอุดมคติที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ต่างหาทางประณามฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา ต่างฝ่ายเฝ้าบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้ามเท่าที่โอกาสอำนวย

การชักคะเย่อทางความคิดนี้ดำเนินไปอีกสามปี จันทร์ดวงที่สองก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ เสียที จนในที่สุด ความคิดในการสร้างจันทร์ดวงที่สอง ก็แปรไปเป็นอุดมคติของคนกลุ่มหนึ่ง เป็นความรู้สึกคล้ายกับลัทธิคอมมิวนิสต์ในอดีตที่อยากจะเห็นมนุษย์บนโลกมีความเท่าเทียมกันทางชนชั้นและฐานะเศรษฐกิจ คนกลุ่มนี้ก็เช่นกัน พวกเขาอยากเห็นโลกมีดวงจันทร์ดวงที่สองเพื่อที่ระดับน้ำทะเลบนโลกจะได้ลดลง โลกจะมีพื้นแผ่นดินเพิ่มขึ้นกลับคืนมา

หลักการต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ของการสร้างจันทร์ดวงที่สองจึงเป็นเหมือนคำประกาศทางลัทธิของคนกลุ่มนี้ เป็นหลักยึดที่ฝ่ายถวิลหาจันทร์ดวงที่สองจะเทิดทูนยกย่องว่าสุดจะฉลาดล้ำเลิศจินตนาการและเป็นหนทางปลดทุกข์อันแสนสาหัสประการเดียวที่มนุษยชาติรอคอย ทว่า ฝ่ายกลุ่มคนที่ต่อต้านจันทร์ดวงที่สองนั้นเล่าก็ยึดอุดมคติว่าโลกนี้มีจันทร์เพียงพอแค่หนึ่งเดียว

พวกเขาถือว่าพวกตนคือฝ่ายที่ปกป้องโลก ปกป้องมนุษยชาติจากความเสี่ยงต่อภัยพิบัติที่จันทร์ดวงที่สองจะบันดาลให้เกิดขึ้น ซึ่งมันอาจเลวร้ายกว่าการที่ต้องทนทรมานกับภาวะน้ำท่วมโลกที่มนุษย์ต้องทนกันมานานเป็นสิบปีแล้วก็เป็นได้

 

ลิฟต์มาถึงชั้น 118 ในเวลาไม่ถึง 3 นาที ทุกคนก้าวออกจากลิฟต์ ผมเดินมุ่งไปที่ปีกขวา มีสี่คนเดินมาทางเดียวกับผม จนมาถึงหน้าห้อง 54 คนสี่คนนี้ก็มายืนอยู่กับผมด้วย พวกเขาคงมาฟังปาฐกถาเหมือนกัน ผมเคาะประตูห้อง ไม่ถึงนาทีประตูห้อง 54 ก็เปิด มีชายร่างสูงออกมา พวกเราโชว์บัตรเข้าฟังปาฐกถาให้เขาดู เขาตรวจค้นตบคลำตามตัวพวกเราเพื่อเช็กหาอาวุธหรือสิ่งอันตรายใดก็ตาม แล้วเชิญให้พวกเราเข้าห้อง

ในห้องกว้างขวาง มีชุดโซฟาใหญ่และถัดเข้าไปมีโต๊ะชุดรับประทานอาหารขนาดใหญ่ มีเก้าอี้เรียงรายระหว่างสองฟากฝั่งรวม 8 ตัวและหัวโต๊ะอีก 1 ในห้องมีคนกลุ่มใหญ่อยู่ก่อนแล้ว บ้างนั่งบ้างยืน สนทนากันเบาๆ พวกเราที่มาใหม่ก็เลือกไปนั่งกันกระจัดกระจาย ผมเลือกหย่อนกายลงที่เก้าอี้นวมตัวเล็กตรงมุมห้อง เฝ้ามองพินิจทุกความเคลื่อนไหวในห้องนี้

ครู่ต่อมา ดร.แมคเคนซีย์ ก็ออกมาจากห้องด้านในซึ่งเป็นห้องพักผ่อนส่วนตัว การปาฐกถาอย่างเรียบง่ายเป็นกันเองกำลังเริ่มขึ้น

“สวัสดีทุกคน ผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้พบคนหน้าใหม่ๆ ที่สนใจหรือศรัทธาในแนวคิดจันทร์ดวงที่สองของเรา…” ดร.แมคเคนซีย์ เริ่มกล่าว ทุกคนในห้องท่าทางตั้งใจฟังเขาอย่างจดจ่อ “…เรื่องจันทร์ดวงที่สองก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ของโลก พวกคุณบางคนอาจจะเคยทราบมาบ้างแล้วก็ได้ โลกเคยมีจันทร์สองดวงจริงๆ เมื่อสี่พันสี่ร้อยล้านปีมาแล้ว จันทร์อีกดวงนั้นมีขนาดเล็กกว่าสามเท่าของจันทร์ดั้งเดิมของเรา แต่ต่อมาจันทร์ดวงนั้นก็ถูกดึงดูดเข้ามารวมกับจันทร์ดวงที่เราเห็นทุกวันนี้ และโลกเรายังมีเทหวัตถุทางธรรมชาติที่โคจรรอบโลกในแบบบริวารเสมือนในลักษณะวงโคจรแปลกๆ และห่างไกลจากโลก จำนวนอย่างน้อยก็ราวสี่หรือห้าดวงด้วย แต่ทั้งหมดนั่นก็เพียงสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์…” ดร.แมคเคนซีย์ หยุดพูด หันไปจิบน้ำ แล้วพูดต่อ

“ทีนี้ ผมก็จะขอเล่าถึงการสร้างดวงจันทร์ด้วยฝีมือของมนุษย์เรา วิธีอย่างคร่าวๆ ในการสร้างจันทร์ดวงที่สองของพวกเรานั้น ก็ไม่ใช่วิธีที่น่าเหลือเชื่อแต่อย่างใด มันเป็นเพียงวิธีของคนกล้าเท่านั้นเอง ขั้นแรก เราต้องมียานอวกาศที่เป็นยานขนส่ง โดยยานนี้เป็นยานที่นำกลับมาใช้ได้หลายครั้ง จากนั้นเราสูบน้ำจากทะเลบรรทุกใส่ถังเก็บ นำถังน้ำจากมหาสมุทรบรรทุกขึ้นยานไปที่ละเที่ยว แต่ละเที่ยวต้องขนน้ำไปไม่ต้องมาก เพื่อให้น้ำหนักของยานไม่มากเกินไป ยานจะได้บินขึ้นพ้นจากแรงดึงดูดของโลกไปได้ ยานบรรทุกน้ำไปสู่อวกาศที่ระยะทางห่างจากพื้นโลก 35,786 กิโลเมตร เหนือเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเราทราบกันดีว่านั่นคือตำแหน่งวงโคจรค้างฟ้า จากนั้นก็ปล่อยน้ำออกจากถังบรรทุกสู่อวกาศในตำแหน่งวงโคจรค้างฟ้านี้…” ดร.แมคเคนซีย์ หันไปจิบน้ำอีกครั้ง และอธิบายต่อ

“ก่อนที่จะปล่อยน้ำออกสู่อวกาศในตำแหน่งที่เลือกไว้นี้ เราจะผสมน้ำนั้นด้วยก๊าซมีเทนเพื่อให้ก๊าซมีเทนจับตัวกับโมเลกุลของน้ำ ทำให้เกิดโครงสร้างโมเลกุลที่มีลักษณะเป็นตาข่าย และเมื่อปล่อยน้ำสู่อวกาศที่มีอุณหภูมิเย็นจัดประมาณ -270.4 องศาเซลเซียสโดยเฉลี่ย มวลน้ำนั้นก็ย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง มวลกลุ่มน้ำเมื่ออยู่สภาพสุญญากาศจะมีแรงดึงเข้าสู่ศูนย์กลางเท่ากันทุกจุดบนพื้นผิวของมวล ซึ่งทำให้จัดตัวเองกลายเป็นทรงกลมเพื่อทรงสภาพที่เกาะตัวไว้ทุกด้านเพื่อไม่ให้หลุดออกจากกัน ดังนั้น จึงกลายเป็นน้ำแข็งทรงกลม เมื่ออยู่ในสภาพทรงกลมน้ำแข็ง ที่ประกอบผสมด้วยมีเทนซึ่งทำให้โมเลกุลของน้ำมีโครงสร้างที่ลักษณะเป็นตาข่าย ทำให้มวลก้อนน้ำแข็งทรงกลมนี้มีแรงต้านต่อความร้อนมากขึ้น นั่นเท่ากับทำให้ก้อนน้ำแข็งนี้ละลายหรือระเหิดได้ยากยิ่งเมื่อถูกความร้อนจากแสงดวงอาทิตย์ เราลำเลียงน้ำจากทะเลไปสู่อวกาศตามขั้นตอนนี้หลายๆ เที่ยว ให้น้ำไปเกาะตัวทรงกลมน้ำแข็งนั้น พอกหนาขึ้นไปเรื่อยๆ เพิ่มขนาดของมวลน้ำที่เกาะตัวรอบทรงกลมน้ำแข็งนั้นไปจนได้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อยราว 200 กิโลเมตร แต่ไม่น่าเกิน 400 กิโลเมตร…” ดร.แมคเคนซีย์ หันไปจิบน้ำ ยิ้ม และกล่าวต่อ

“ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เราทำขึ้นในอวกาศ ณ ตำแหน่งวงโคจรค้างฟ้า นี้แหละคือ จันทร์ดวงที่สอง ของเรา วงโคจรนี้จะมีรอบการโคจรเกือบเท่ากับของโลก คือ 23 ชั่วโมง 56 นาที 4 วินาที ทิศทางการโคจรทวนเข็มนาฬิกา ดวงจันทร์ที่สองของเราจะลอยโคจรไปรอบโลกที่ตำแหน่งค้างฟ้าที่เราเลือก ซึ่งผมได้เลือกให้ตำแหน่งที่จันทร์ดวงที่สองของเราจะสถิตบนอวกาศนั้นก็คือเหนือกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อระลึกถึงบุคคลแรกผู้ที่คิดโครงการนี้ขึ้นมา…”

ดร.แมคเคนซีย์ โค้งกาย นั่นหมายความว่า เขาพูดจบแล้ว ทุกคนที่เหลือในห้องปรบมือ เขาหันไปจิบน้ำอีกครา ก่อนจะเอ่ย “เอาล่ะ ผมรู้ว่า พวกคุณมีคำถาม ว่ามาเลย…”

ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือ และรีบถามทันที “ด๊อกเตอร์ครับ ขนาดของดวงจันทร์ที่สองนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าน้ำที่เรานำไปทำดวงจันทร์นั่นจะทำให้ระดับในมหาสมุทรลดลงไปมากแค่ไหน ใช่ไหมครับ”

“ก็ต้องขนาดไม่ใหญ่เกินไป และระดับน้ำทะเลก็ต้องลดลงไปพอให้พวกเราไม่ต้องลำบากเหมือนตอนนี้ ทั้งสองประการนี้มีปริมาณที่ผกผันกัน แต่แนวคิดเราก็ไม่ได้เคร่งครัดในส่วนนี้มากนัก” ดร.แมคเคนซีย์ ว่า

ชายวัยกลางคนยกมือแล้วตั้งคำถาม “แรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่สองที่มีต่อโลก และโลกมีต่อดวงจันทร์ที่สองจะเป็นอย่างไร รวมถึงน้ำขึ้นน้ำลงบนโลกจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่เมื่อมีจันทร์ดวงที่สอง”

“จันทร์ดวงที่สองจะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของโลก ดังนั้น มันจะไม่มีผลต่อโลกเราในเรื่องพวกนี้เลย” ดร.แมคเคนซีย์ ตอบด้วยท่าทีผ่อนคลาย

คราวนี้ได้จังหวะที่ผมขอถามบ้าง ผมยกมือและยิงคำถามออกไป “ในอนาคต เมื่อโลกเย็นขึ้นอีก จนน้ำแข็งขั้วโลกกลับมามีมากเช่นเดิม แล้วเราต้องการให้ดวงจันทร์ที่สองกลับคืนมาเป็นน้ำในมหาสมุทรเช่นเดิม เราจะทำวิธีไหน และเมื่อนำน้ำกลับคืนมาสู่โลกแล้ว เราแน่ใจได้ไหมว่า ปริมาณน้ำที่กลับคืนมายังคงเท่าเดิมกับตอนที่เอาขึ้นไปสู่อวกาศ เพราะระหว่างที่ดวงจันทร์น้ำแข็งนี้โคจรรอบโลกไปนานหลายสิบปี น้ำแข็งต้องถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์แผดเผาระเหิดไปแน่นอน แม้ว่าโครงสร้างโมเลกุลของมันจะเป็นโครงตาข่ายที่ทนทานต่อความร้อนก็ตาม แต่ความร้อนจากแสงอาทิตย์ในอวกาศนั้น ผมไม่เชื่อว่าจะมีวิธีไหนที่ต้านทานมันได้ และนั่นเท่ากับว่าเราสูญเสียน้ำของโลกไปในอวกาศมากมายตามระยะเวลาที่น้ำแข็งก้อนนี้ไปลอยอยู่บนอวกาศ”

แมคเคนซีย์ มีสีหน้าครุ่นคิด “ปัญหาข้อสองของคุณนั่นคือสิ่งเรากำลังพิจารณากันอย่างหนัก เรากำลังหาทางสู้กับเรื่องนี้อยู่ ส่วนวิธีการนำน้ำกลับมานั้น เราจะสกัดแบ่งน้ำแข็งทีละน้อย บรรทุกใส่ยานกลับมา”

การอภิปรายสิ้นสุดลง ดร.แมคเคนซีย์ กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสนับสนุน เขาบอกว่าจะจัดปาฐกถาแบบนี้อีกบ่อยๆ เพื่อเป็นการสร้างกลุ่มสาขาย่อยของผู้ฝักใฝ่จันทร์ดวงที่สองให้มากขึ้น เพื่อเครือข่ายแห่งลัทธิจันทร์ดวงที่สองจะได้แพร่ขยายไป

เพื่อแนวคิดเรื่องจันทร์ดวงที่สองจะได้เป็นแนวคิดหลักของชาวโลก

 

หลังการปาฐก ผมเดินตามกลุ่มของแมคเคนซีย์และสาวกผู้ติดตามรวมถึงผู้ฟังคนอื่นๆ ที่เห็นดีเห็นงามกับการสร้างจันทร์ดวงที่สอง เราเดินพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันต่อจนเราทั้งหมดมาถึงหน้าลิฟต์เพื่อรอจะลงไปสู่ชั้นล่างของอาคารนี้

ระหว่างที่รอลิฟต์อยู่ ผมเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะกระทำสิ่งที่เป็นสาระแท้จริงของการมาที่นี่ในวันนี้

“เอ้อ ผมขอบอกบางสิ่งให้พวกคุณทราบ…” ผมเอ่ยขึ้นเสียงเรียบๆ “ผมสนใจเรื่องราวของจันทร์ดวงที่สอง แต่ผมไม่ใช่ผู้ที่สนับสนุนลัทธิจันทร์ดวงที่สอง”

“อย่างไงก็ต้องขอบคุณที่คุณมาฟังผม ขอบคุณที่คุณสนใจและเปิดใจรับฟัง” ดร.แมคเคนซีย์ ยิ้มน้อยๆ

“ครับ ผมสนใจ แต่ผมไม่มีวันเปิดใจกับเรื่องนี้” ผมกล่าวตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย ถ้อยคำนี้ถึงกับทำให้แมคเคนซีย์ผงะ เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี เขาจึงก้าวเข้าไปในลิฟต์ สาวกของเขาตามเข้าไปหมดทุกคน รวมทั้งคนอื่นๆ ที่มาฟังปาฐกถาวันนี้ด้วย เหลือก็แต่ผมที่ยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์

แมคเคนซีย์หันมามองผม ถามเสียงสั่นๆ “แกเป็นพวกต่อต้านใช่ไหม!”

ฉับพลันนั้นสาวกทุกคนของแมคเคนซีย์มีท่าทีระวังตัว บางคนเข้าบังแมคเคนซีย์เพื่อปกป้อง ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือซึ่งไม่ใช่สาวกของแมคเคนซีย์นั้น คนกลุ่มนี้สีหน้างุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่น่าถาม” ผมตอบอย่างไม่ยี่หระ เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟต์เลื่อนปิด แต่เสี้ยววินาทีก่อนที่บานประตูเลื่อนของลิฟต์จะปิดสนิท ผมล้วงเอาหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ติดตัวมาด้วย โยนเข้าไปในลิฟต์ หน้าปกหนังสือนั้นพิมพ์ชื่อเรื่อง “อย่าฝันมากไป” แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่หนังสือ มันคือวัสดุที่ทำเลียนแบบให้มีรูปร่างคล้ายหนังสือ ที่แน่แท้นั้นมันคือระเบิดทำลายล้างสูง ซึ่งจะทำงานด้วยรหัสข้อความเสียง

ประตูลิฟต์ปิดสนิทในวินาทีต่อมา ผมถอยห่างออกมาห้าหกก้าวจากหน้าลิฟต์ ขณะที่ปากก็ตะโกนคำขวัญของพวกเรา “จันทร์เดียวกระจ่างฟ้า จันทร์จากคนบ้าๆ ไม่มีวันเป็นจริง”

ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนของผม

“บึ้ม!!!” เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหวภายในลิฟต์นั้น

ผมมุ่งตรงไปที่ปีกซ้ายของโรงแรมเพื่อไปลงลิฟต์ที่นั่น ปฏิบัติการครั้งนี้เสร็จสิ้น สามารถทำลายสาขาย่อยของพวกจันทร์ดวงที่สองที่เริ่มก่อตัวขึ้นได้อีกครั้ง และครั้งนี้ยังกำจัดตัวการสำคัญของลัทธินี้ได้อีกด้วย