ศาสดาองค์ใหม่?/บทความพิเศษ จักรกฤษณ์ สิริริน

บทความพิเศษ

จักรกฤษณ์ สิริริน

 

ศาสดาองค์ใหม่?

 

“ศาสดา” ให้สัมภาษณ์ไว้ใน Elon Musk : How The Billionaire CEO of SpaceX and Tesla is Shaping our Future ซึ่งเป็นหนังสือระดับ New York Times Bestseller

“ตอนที่ Henry Ford สร้างรถขึ้นมา ผู้คนยุคนั้นพากันเยาะเย้ยว่า เรามีรถม้าอยู่แล้ว จะซื้อรถ Ford ทำไม นั่นเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ของ Henry Ford ที่ทำให้โลกได้ใช้รถยนต์จนถึงทุกวันนี้”

นี่คือแรงบันดาลใจ ที่ทำให้ “ศาสดาองค์ใหม่” Elon Musk มุ่งมั่นกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

แม้ภาพจำปัจจุบันของ “ศาสดา” คือรถยนต์ Tesla และบริษัทอวกาศ SpaceX แต่หากมองย้อนหลังกลับไปในอดีต Elon Musk ทำมาแล้วหลายอย่าง ตั้งแต่ “ธุรกิจดอทคอม” รุ่งเรืองในยุค ’90

เรียงไล่ไปตั้งแต่ ธุรกิจรับ Scan หนังสือเพื่อแปลงเป็น Digital Files (ปัจจุบันคือเทคโนโลยี PDF)

บริษัทจัดทำแผนที่ และทำเนียบธุรกิจบน Internet ที่ชื่อ Zip2 (ปัจจุบันเป็นของ HP)

Platform ชำระเงิน Online ที่ชื่อ x.com ที่ต่อมาพัฒนาเป็น PayPal (ปัจจุบันเป็นของ eBay)

ศูนย์บริหารจัดการข้อมูลที่ชื่อ Ever Dream (ปัจจุบันเป็นของ DELL)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tesla รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ในปี ค.ศ.2013 Elon Musk เริ่มต้นโครงการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายี่ห้อ Tesla อย่างเป็นจริงเป็นจัง แม้ว่าจะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกรุยทางก่อตั้งโรงงานมาตั้งแต่ ค.ศ.2003

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2023 ที่เขาวาดหวังให้เกิดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า “ไร้คนขับ” ทั่วโลก!

ปัจจุบัน Tesla Motors ของ Elon Musk ได้ปักธงทั่วทุกรัฐบนแผนที่อเมริกา รุกคืบขึ้นเหนือมุ่งสู่แคนาดา ก่อนทะลุเข้าไปเขย่าทวีปยุโรป และผ่านมาถึงจีนแผ่นดินใหญ่ สุดท้ายคือการลงใต้ไปทำตลาดที่ออสเตรเลีย

และโดยทั่วไป ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของสหรัฐอเมริกา คนส่วนใหญ่ก็มักนึกถึงคำว่า The Motor City หรือเมืองหลวงแห่งยานยนต์ ว่าคือ Detroit รัฐ Michigan

แต่ “ศาสดา” กลับตั้งโรงงาน Tesla Motors ขึ้นที่ Palo Alto รัฐ California หรือที่รู้จักกันในนาม Silicon Valley เจ้าของฉายา “เมืองหลวงแห่งโลกเทคโนโลยี”

เขาให้เหตุผลว่า Tesla ของเขาเป็นรถยนต์ที่ “ใช้เทคโนโลยี” เป็นตัวขับเคลื่อน จึงต้องตั้งฐานที่ Silicon Valley อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ Elon Musk หวังดูดบุคลากรจาก “เมืองหลวงแห่งโลกเทคโนโลยี” ให้มาอยู่ใต้ชายคา Tesla Motors

เพราะหัวใจสำคัญของ Tesla ไม่ใช่ “รถยนต์ที่เป็นรถยนต์” ทว่า นิยามของ Tesla คือคำว่า “เทคโนโลยี” เนื่องจาก Tesla คือ “รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี”

“ศาสดา” จึงวางสถานะ Tesla ให้เป็น “ผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี” ไม่ใช่ “สินค้ายานยนต์”

 

ควบคู่ไปกับการให้กำเนิด Tesla “ศาสดา” เดินหน้าต่อด้วยโครงการก่อตั้งปั๊มไฟฟ้า สำหรับชาร์จแบตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในรูปของเครือข่ายแท่นชาร์จไฟฟ้า

ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท SolarCity ของเขา ที่ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินกิจการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์สำหรับบ้านเรือน และธุรกิจต่างๆ โดยมีลูกค้ารวมแล้วกว่า 30,000 ราย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อร่างสร้างบริษัท Space Exploration Technology หรือ SpaceX เจ้าของโครงการนำร่องท่อง Galaxy สำหรับบรรดามหาเศรษฐีโลก

ซึ่งนอกจากเป็นธุรกิจท่องอวกาศ SpaceX ยังผุดโครงการ Global WiFi หรือการยิงดาวเทียมวงโคจรต่ำ StarLink โครงข่ายครอบคลุมทั่วทุกมุมโลก จำนวน 42,000 ดวง เพื่อให้บริการ “Internet ผ่านดาวเทียม”

และต้องไม่ลืมว่า “ศาสดา” เป็นผู้ค้นคิดประดิษฐ์ต้นแบบเครื่อง HyperLoop ที่สามารถขนคนโดยสารจาก San Francisco ไป Los Angeles ได้ภายใน 30 นาที

เขาเรียกมันว่า “พาหนะที่ 5” นอกเหนือไปจาก 1.รถไฟ 2.เรือ 3.รถยนต์ และ 4.อากาศยาน

Elon Musk บอกว่า เขาต้องการพาหนะที่ปลอดภัย ไม่มีการชน มีอัตราเร่งเร็วกว่าเครื่องบินพาณิชย์ 2 เท่า ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และออกเดินทางได้ทันทีที่ผู้โดยสารต้องการ โดยไม่ต้องรอคิวใดๆ ทั้งสิ้น!

 

นอกจากนี้ “ศาสดา” ได้ประกาศสร้าง “เครื่องบินไอพ่นขึ้นลงแนวดิ่ง” ไม่ต้องวิ่งบนรันเวย์อีกต่อไป!

อีกทั้งเขายังบรรลุเป้าหมาย “หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์” หรือ Humandroid โดยใช้ฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้าง Tesla Bot

ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ A.I. (Artificial Intelligence) จุดประสงค์ก็คือ การให้ Tesla Bot ทำในงานที่มนุษย์ไม่อยากทำ หรือเสี่ยงอันตรายเกินกว่าที่จะมอบหมายให้คนทำ

และก่อนหน้าที่จะสร้างความฮือฮา ด้วยการประกาศซื้อกิจการ Twitter สื่อสังคม Online ขวัญใจคน Generation Z ทั่วโลก!

“ศาสดา” ได้สร้าง “เหรียญ” หรือสกุลเงิน Digital ขึ้นมา 2 ตัวพร้อมกัน นั่นคือ Dogecoin และ Bitcoin Musk รับกระแส Cryptocurrency ที่กำลังเขย่าโลก

 

การเป็นเจ้าของ Twitter ของ “ศาสดา” เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “ใครครองสื่อ ก็ครองความคิดโลก”

แม้ Twitter จะมีสมาชิกมากถึง 200 ล้าน Account ทว่า ในภาพรวมแล้วต้องยอมรับว่า Twitter มีผู้ใช้น้อยกว่า Facebook และ YouTube ถึง 10 เท่า และน้อยกว่า TikTok ถึง 5 เท่า

แต่การที่ “ศาสดา” เลือกเป็นเจ้าของ Twitter นั้น เหตุผลง่ายๆ ก็คือ Twitter เต็มไปด้วย Influencer และ Trend-setter ระดับโลก

ไม่ว่าจะเป็นนักคิด นักวิชาการ สื่อมวลชน นักการเมือง ดารา นักกีฬา หรือนักธุรกิจ ต่างก็ใช้ Twitter ในการ Tweet ประชาสัมพันธ์ Propaganda ความคิดเห็นของตนให้กับชาวโลก

เพราะต้องไม่ลืมว่า Concept ของ Twitter นับตั้งแต่ก่อตั้งโดย Jack Dorsey ก็คือการเป็น Public Square หรือการดำรงตนในสถานะของ “จัตุรัสความคิด”

“Twitter คือพื้นที่สำหรับสะท้อนกลับความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของผู้คนบนโลกใบนี้” นี่คือ “ปรัชญา Twitter” ของ Jack Dorsey ที่ Elon Musk หรือ “ศาสดา” กำลังจะเข้ามาสานต่อ

Jack Dorsey บอกไว้ว่า การที่ “ศาสดา” เข้าร่วมธุรกิจกับ Twitter เสมือนการย้อนกลับไปสู่บรรยากาศช่วงก่อตั้ง Twitter ยุคแรก

ที่เต็มไปด้วย “ความดิบ” ซึ่งหมายถึง การเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น ไม่มี Algorithm ใดๆ กำกับ หรือปิดกั้นว่า Twitter ของใครควรอยู่ด้านบน หรือ Tweet ไหนควรไปข้างล่าง

ที่สำคัญก็คือ Twitter ยุคแรกไม่มี Trending Topic และ Hashtag โฆษณา หรืออะไรต่างๆ มากเหมือนทุกวันนี้

เพราะในปัจจุบัน Twitter กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์เต็มไปหมด

โดยหากพิจารณาภาพรวม รายได้จากโฆษณาของ Twitter น้อยกว่า Social Media ตัว TOP อยู่หลายช่วงตัว นี่จึงถือเป็นสิ่งที่ขัดกับความตั้งใจของ Jack Dorsey เป็นอย่างมาก

แต่หลังจาก “ศาสดา” ได้รับไม้ต่อ เป็นเจ้าของ Twitter แล้ว Jack Dorsey คงจะมีความสุข และนอนตายตาหลับเสียที ที่ Elon Musk ประกาศหวนคืน “ปรัชญา Twitter” อย่างเต็มตัว

 

หลังจากข่าวซื้อ Twitter ไม่นาน “ศาสดา” ก็สร้างความฮือฮาติดๆ กัน คือการประกาศซื้อ Coca Cola หรือเครื่องดื่ม Coke

“ศาสดา” แถลงว่า “ผมจะซื้อ Coca Cola เพื่อที่จะใส่ Cocaine กลับเข้าไปอีกครั้ง”

หลายท่านอาจไม่ทราบว่า แต่อ้อนแต่ออก Coca Cola มีส่วนผสม Cocaine และ Alcohol เพราะ Coca Cola ในยุคเริ่มต้นคือ “ยา”

ที่คิดค้นสูตรโดย John Pemberton เภสัชกรชาวอเมริกัน เพราะในช่วงนั้น Cocaine ยังไม่ถูกจัดให้เป็นยาเสพติด

Coca Cola ในยุคแรกจึงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ระงับอาการปวด และนี่ก็คือสถานะของ “ยา” นั่นเอง

ถือได้ว่า Elon Musk เป็น “ศาสดาองค์ใหม่” จากการครอบครองหลายสิ่งหลายอย่างในโลกแห่งศตวรรษที่ 21

ตั้งแต่รถยนต์ สื่อสารมวลชน สกุลเงิน ไปจนถึงอวกาศ และโลกแห่งอาหารการกิน หรือ Coca Cola และ “ศาสดา” ยังมีแผนการซื้อ McDonald ในอนาคตอีกด้วย!