เสียงที่ปริ่มน้ำ/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

เสียงที่ปริ่มน้ำ

 

“การเมืองมันลูกกลมๆ ไม่มีสิ่งแน่นอน ไม่เก่งก็ถูกล้ม เก่งเกินไปก็ถูกล้ม” ขยับขับเคลื่อนใกล้เข้ามามากแล้ว “การประชุมสภาสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2565” ตามโปรแกรมจะลั่นกลองรบกันในวันที่ 22 พฤษภาคม แต่เนื่องจากตรงกันวันอาทิตย์ “นายชวน หลีกภัย” เลยเลื่อนฤกษ์เปิดบริสุทธิ์ไปอีกวัน โดยจะกดปุ่มเปิดประชุม “สภาผู้แทนราษฎร” นัดแรกในวันที่ 25 พฤษภาคม

จิบแค่จิ๊บ-จิ๊บ นำร่องด้วยการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ และกฎหมายต่างๆ ที่กรรมาธิการถกแล้วเสร็จ แล้วค่อยๆ ยกระดับความเข้มข้นขึ้นทีละขีดสองขีด

เริ่มจาก 1-3 มิถุนายน เข็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วาระแรก วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีงบประมาณปี 2565 จำนวน 8.5 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.74 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง “คณะรัฐมนตรี” อนุมัติในรายละเอียดของโครงสร้างเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

ตามไทม์ไลน์ ปรอทการเมือง องศาจะเดือดสุดขีดปลายเดือนมิถุนายน หลังกฎหมายลูก 2 ฉบับว่าด้วย พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองผ่านเรียบร้อย เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ตามสูตรบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

ผ่านปุ๊บ ฝ่ายค้านไม่รอช้า ยื่นญัตติซักฟอก ตามมาตรา 151 ที่ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้ามีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ

เมื่อได้มีการเสนอญัตติแล้ว “จะมีการยุบสภามิได้ “เว้นแต่จะมีการถอนญัตติหรือการลงมตินั้นไม่ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

คาบนี้ “ฝ่ายค้าน” คอนเฟิร์มว่า จะล่อเป้าด้วยอาวุธหนักทุกรูปแบบ ไม่เหมือนกับการอภิปรายครั้งก่อน ที่ทำศึกตามช่องทางแห่งมาตรา 152 “เสนอญัตติซักฟอกเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี แต่ไม่มีการลงมติ”

พรรคเพื่อไทยที่จะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นครั้งสุดท้าย จึงเน้นหนักเป็นกรณีพิเศษ โดยนอกจากมุ่งเน้นในการกระแทกกลางความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ขอจับตาย “บิ๊กตู่” แล้ว ยังมีประเด็นการทุจริตต่อหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการทำลายประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา

สถานะของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ตอนนี้ เปราะบางไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม เมฆหมอกดำมืดปกคลุมไปทั่ว ปมที่อันตรายมากสุดคือ ฐานเสียงสนับสนุน ต้นทุนเดิม 19 พรรคแข็งโป๊ก ที่ 269 เสียง ฝ่ายค้าน 8 พรรค 210 ที่นั่งโดยประมาณ

แต่หลังจากกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ขนไพร่พลไปตั้งพรรคใหม่ชื่อ “เศรษฐกิจไทย” 18 คน แหกด่านมะขามเตี้ยไปซบภูมิใจไทยอีก 2-3 ราย

ทำให้พรรคแกนนำที่ชื่อ “พลังประชารัฐ” ตัวเลข ส.ส.ลดฮวบเหลือ 96 คน เหนือสิ่งอื่นใด คือพรรคขนาดเล็กซึ่งรวมตัวกันเป็น “กลุ่ม 16” เอาใจออกห่าง สร้างอำนาจต่อรอง ไปแท็กทีม สุมหัวตีลูกขู่ร่วมวงไพบูลย์กับฝ่ายค้าน โชว์ภาพ-โชว์พาว ไปจูบปากดื่มไวน์

ขู่ขวัญ-เรียกราคา-เคาะกะลาหรืออะไรก็แล้วแต่ …แต่ประมาทไม่ได้ คนการเมืองกลุ่มเหล่านี้ พายเรือให้ “ลุงตู่” นั่งได้ ก็พร้อมที่จะคว่ำเรือได้เช่นเดียวกัน

เอาตัวเลข 19 พรรค รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” เมื่อปีมะโว้มาตรวจแถว จำนวน 269 เสียง แล้วหักลบด้วย 21 คนของ พปชร.ที่โดนจับออก เหลือ 248 เสียง ลบด้วยกลุ่ม 16 อีก 13 เสียงเป็นอย่างต่ำ เหลือ 23

ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้าน 8 พรรค จำนวน 210 บวก-ลบ 5 ที่นั่ง

หากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ เกิดมีเสียงจาก “กลุ่มผู้กองธรรมนัส” 18 คน และได้แนวร่วมจากพรรคเล็ก 13 เสียง เท่ากับ 241 เสียง โอกาสที่จะโดนน็อกกลางสภา จึงง่ายเป็นขนมกรุบ

 

การที่เสียงสนับสนุนรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ปริ่มน้ำระดับใจจะขาดแล้วเอ๋ยอยู่ขนาดนี้ พร้อมที่จะเปิดปฏิบัติการให้ไปเร็วหรือตายช้า สามารถกดปุ่มชิงลงมือเมื่อใดก็ได้

ไม่ต้องข้ามห้วยไปเดือนสิงหาคม เช็กบิลตอนทำศึกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ปิดเกม” ในเดือนมิถุนายน ช่วงพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณเลยก็ได้

สามารถน็อกมืด เปิดหน้าชก ถูกต้องตามกติกา ไม่ต้องชกใต้เข็มขัด หรือเล่นไพ่โกง แต่เดินตามช่องทางแห่งมาตรา 156 ว่าด้วย “การประชุมร่วมของรัฐสภา”

ซึ่งกรอบกำหนดให้ “วุฒิสมาชิก” มีอำนาจชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ สามารถประชุมร่วมกับ “สภาผู้แทนราษฎร” มีอยู่ 16 กรณี

ครอบคลุมอาณาจักร บทบาทกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งการรับทราบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์-การรับทราบหรือให้ความเห็นชอบการปิดสมัยประชุม-การเปิดประชุมรัฐสภา-การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ-การปรึกษาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ-การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามาตรา 147-การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 155 และมาตรา 165-การแถลงนโยบาย-การให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม-การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญ 2560 เขียนกรอบให้อำนาจ “ส.ว.” เอาไว้มากมายก่ายกอง เรียกได้ว่าตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ

แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น นั่นก็คือ “วุฒิสมาชิก” ไม่มีอำนาจตามกรอบของรัฐธรรมนูญ มาตรา 156 “การประชุมร่วมของรัฐสภา” ในการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ

“สภาผู้แทนราษฎร” หรือ “สภาล่าง” ล่อกันเพียงลำพังสภาเดียว

เมื่อ “ส.ว.” ลงมาทำหน้าที่ “ตัวช่วย” ไม่ได้ หาก “กลุ่มผู้กองธรรมนัส-กลุ่ม 16” จับมือกับฝ่ายค้านคว่ำรัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็ง่ายพอๆ กับเปลี่ยนสบู่โกนหนวด

แต่ พ.ร.บ.งบประมาณถูกคว่ำกระดาน มันบูมเมอแรง โครงการต่างๆ ที่ตัวเองจะได้รับ ต้องพังพาบตามไปด้วย

ม้าเวลาพยศใครก็คุมยาก “นักการเมืองไทย” ปรับตัวได้ดี ปรับสีได้เยี่ยม เปลี่ยนกฎเกณฑ์ได้ทุกเวลา

ทุกอย่างจบลงด้วยเรื่อง “กล้วย-กล้วย”