หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๒๓)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๒๓)

 

จดหมายถึงพี่นิยม

ผมตั้งใจจะเตือนสติพี่นิยมตั้งนานแล้ว ว่าอย่าคุยมากนักเลย

ที่จริงพี่นิยมไม่ยอมฉีดวัคซีน ก็เป็นเรื่องปกติ หากพี่นิยมหมายถึงตัวเอง ผมมีเพื่อนหลายคนก็ไม่ยอมฉีด และพวกเขาก็สบายดี แต่ไม่เห็นพวกเขาต้องออกมาคุยโวอะไร ว่าต้องการสละชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่าวัคซีนไร้สาระปานไหน ผิดพลาดอย่างไร มันเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อในวัคซีน

แต่หากพี่นิยม หมายความว่า กำลังจะบอกกล่าวไม่ให้ผู้คนภายนอกฉีดวัคซีน ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า พี่นิยมมีญาติสนิท คนที่รัก หรือเพื่อนสนิท หรือคนรู้จัก ที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ไหม

๑ ผู้ป่วยโรคปอด และโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง

๒ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

๓ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

๔ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

๕ โรคมะเร็ง

๖ โรคเบาหวาน

๗ โรคอ้วน

ผมต้องการบอกว่า พี่นิยมหรือตัวผม ไม่ใช่ Subject ของโควิด หากแต่คนป่วยเหล่านี้ต่างหาก ที่ใช่

ความหมายของพี่นิยมคือ คนที่ป่วย ๗ โรคนี้ ก็ไม่ควรฉีดวัคซีนใช่ไหม

แต่ผมมีญาติและคนรู้จัก ที่มีโรคดังกล่าว เวลาติดโควิด พวกเขาหายใจไม่ออก ต้องเข้าห้องไอซียูนานหลายสัปดาห์ อาจมีบางคนเสียชีวิต

 

พี่นิยมเชื่อว่า โควิดเป็นเพียงโรคหวัดชนิดหนึ่ง อันนี้มันเกือบใช่ แต่ยังไม่ใช่ทีเดียว หากใช่ คงไม่มีปรากฏการณ์คนป่วย ๗ โรคนี้ ที่แทบเอาชีวิตไม่รอด หรือบางคนก็ไม่รอดจริงๆ ผมว่า มันเป็นโรคฉวยโอกาส ไวรัสนี้ชอบซ้ำเติมรอยแผลเดิม หากเป็นโรคหวัดธรรมดา คงไม่มีปรากฏการณ์ซ้ำเติมรอยแผล

ประชาธิปไตย in a nutshell (ซึ่งแปลตรงๆ ว่า ในเปลือกถั่ว ความหมายคือ โดยสรุป โดยรวบยอด) คือมนุษย์เรามีเงื่อนไขที่แตกต่าง แต่ละคนควรฉีดวัคซีนหรือไม่ ก็เป็นไปตามความเหมาะสม แต่พี่นิยมเป็นเผด็จการ ร้ายกาจเหลือแสน เชื่ออะไรก็คุยโว โอ้อวด และยังจะไปบังคับคนอื่นให้เชื่อตาม ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วย แต่ละคนก็มีสิทธิเชื่อตัวเองมิใช่หรือ ผิดตรงไหนที่คนเชื่อในวัคซีน ต้องการฉีดวัคซีนให้กับตัวเอง

วิธีคิด คือมองคนตรงข้ามกับคุณ เช่น เพื่อนของผมคนหนึ่ง เขาฉีดวัคซีน ๑๐ เข็ม เพราะเชื่อในวัคซีนมาก ก็ไม่แปลก หากเขาทำกับตัวเอง

แต่หากเขามาโวยวาย เรียกให้คนอื่นทำบ้าง มันก็คือเผด็จการอยู่ดี แต่มาจากอีกฝากฝั่งหนึ่ง

 

ผมจำได้ว่า พี่นิยมอายุมากกว่าผม ๓ ปี ถ้าเช่นนั้น ผมขอถาม คุณพ่อคุณแม่ของพี่นิยมยังมีชีวิตอยู่ไหม หากอยู่ น่าจะอายุเกิน ๙๐ ปีแล้ว หรืออาจถึงร้อยปี คำถามคือ พี่นิยมจะไม่ให้พ่อแม่ฉีดวัคซีนใช่ไหม หากพี่นิยมเป็นลูกคนเดียว ก็ยังพอได้อยู่ เพราะพวกท่านก็อายุมากแล้ว คงไม่มาตัดสินใจเรื่องนี้ คงแล้วแต่ลูกหลาน แต่หากพี่นิยมมีพี่น้อง พวกเขาจะว่ายังไง จะมีดวงจิตเหมือนพี่นิยมไหม

๑๐

ตัวผมคิดยังไงเกี่ยวกับวัคซีน หากมองจากตัวเอง ไม่สำคัญเลย (แต่เพื่อความชัดเจน ผมต้องเล่าว่า ผมเองก็ไม่เชื่อในวัคซีน หากเป็นตัวเอง แต่เพราะผมถือดีในสุขภาพของตัวเอง เชื่อในภูมิต้านทานของตัวเอง และการที่ผมมีความเสี่ยงต่ำมาก เพราะปกติไม่ได้ไปมาหาสู่ใคร แต่ผมเองก็ฉีดวัคซีนสองเข็ม เพราะตัวเองก็ไม่เชื่อว่า วัคซีนนี้เป็นยาพิษ เพราะหากมันเป็นยาพิษ ชาวโลกฉีดยาพิษหลายพันล้านโดส วันนี้โลกต้องตีลังกา คว่ำหน้า มันเป็นไปไม่ได้ หากเป็น โลกนี้จะดำรงอยู่ไม่ได้)

ผมยอมฉีดเพื่อคนอื่น เช่น เวลาผมไม่เยี่ยมแม่ของผม ท่านอายุ ๙๓ ปี มันดูดีกว่า ในสายตาของคนภายนอก พี่น้องของผมก็สบายใจกว่า แทนที่ผมจะเป็นคนไม่ยอมฉีดวัคซีน แล้วยังมาเยี่ยมเยียนพ่อแม่ เหมือนคนไม่รับผิดชอบชีวิตอื่น

๑๑

พูดง่ายๆ คือผมเป็นคนเดินสายกลาง การฉีดสองเข็ม ทำให้ผมเข้าสังคมได้ดีกว่า ไปมาหาสู่คนภายนอกได้ดีกว่า มันก็แค่วัคซีน ไม่ใช่ยาพิษอะไรหรอก ข่าวสารที่คุณส่งมา บอกโทษของวัคซีน อันนั้นเป็นข่าวปลอม

(เปล่าหรอก มันเป็นข่าวจริง แต่ทว่า ผิดพลาดในแง่ปริมาณ ข่าวใดที่จริง แต่ผิดพลาดในแง่ปริมาณ ก็เป็นข่าวปลอมชนิดหนึ่ง สามารถสร้างความเข้าใจผิดได้มากหลาย)

 

๑๒

ทุกวันนี้ คนฉีดวัคซีน มีหลายพันล้านโดส การจะมีบางโดสทำให้คนตาย หรือเกิดผลข้างเคียง ร้ายกาจ คาดไม่ถึง ก็ย่อมเป็นไปได้

แต่หากมองในแง่ปริมาณ มันคือน้อยนิด จนไม่นับ หากเรามองแค่ Probability ของข้อมูลมหาศาล หลายพันล้าน ทุกความเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น ขนาดสมัยก่อนยังมีคนแปลกๆ นานาชนิด คนสามตา คนสี่แขน ก็มี และมีคณะละครสัตว์เร่ร่อน ขอซื้อตัวคนพวกนี้ นำไปแสดงโชว์ในที่ต่างๆ เพราะคนทั่วไปไม่เคยเห็น

ในวันนี้ที่ประชากรของโลกมีเกือบแปดพันล้านคน ผู้คนนานาชนิด ในหลากหลายความเป็นไปได้ ก็ย่อมต้องมีอยู่แล้ว คนสามตา คนสี่แขน ก็ย่อมต้องมี มันแปลก แต่ไม่มีผลต่อโลก เราต้องเข้าใจว่าข่าวปลอมเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน มันเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้น คือเกิดจากความเข้าใจผิดในแง่ปริมาณ

๑๓

พี่นิยมส่งคลิป โทษของการฉีดวัคซีนมาให้ผมเป็นร้อย ผมก็สามารถส่งคลิปโทษของคนไม่ยอมฉีดวัคซีนให้คุณดูเป็นร้อยก็ได้เช่นกัน เพราะข้อมูลพวกนี้ ในเว็บมีไม่สิ้นสุด แต่ผมจะทำไปทำไมกัน

๑๔

ผมมองจากคนรอบกายที่ไปฉีดวัคซีน ก็ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร รวมทั้งตัวผมเองด้วย เราก็ปลอดภัยดี ปกติดี อาจมีบ้างบางคนมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย เป็นไข้ ที่หนักสุดคือมีบางคนอาเจียน

๑๕

ตัวผมฉีดสองเข็มก็พอแล้ว ในขณะที่วันนี้ รอบกายของผม มีหลายคนฉีดสี่เข็ม แต่ความแตกต่างนี้กำลังจะหมดความหมาย เพราะโควิดกำลังกลายพันธุ์ และที่จริงแล้ว มันกำลังอ่อนกำลังลง หากผมเดาไม่ผิด ภายในหนึ่งปี มันก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น เราก็จะลืมมันไปได้เลย ถึงตอนนั้น มันก็ใกล้เคียงกับหวัดธรรมดา

แต่แม้กระนั้น หากคุณเป็นผู้ป่วย ๗ โรคประจำตัวดังกล่าว หรืออายุเกือบร้อยปี ก็ยังควรระวังตัวเป็นพิเศษ ยังมีอะไรบางอย่าง ส่ายหัวอยู่หน่อยๆ

 

๑๖

ความหมายที่แท้จริงของโควิด มันคือการ culling (ซึ่งคือการลดจำนวนประชากรของสัตว์หรือการฆ่า สัตว์ที่ป่วยไข้หรืออ่อนแอ ออกไปจากชุมชน เพื่อให้ชีวิตของสัตว์ที่เหลืออยู่ สุขภาพดี)

นี้คือการ culling มนุษย์ ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา สังเกตว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็คือคนสูงอายุ หรือป่วยไข้ คนที่ใกล้ตาย หรือสมควรตาย

ไม่มีอะไรน่าตกใจเกี่ยวกับโควิดเลย มันทั้งเป็นปรากฏการณ์ธรรมดา และเป็นธรรม

๑๗

แต่ที่เราดิ้นรน และต้องต่อสู้ ก็เพราะคนที่เสียชีวิต คือพ่อแม่ปู่ย่าของเรา คือคนสนิท ใกล้ชิด ซึ่งเราต้องการปกป้อง นี้คือมนุษยธรรม เราเป็นชีวิตที่มีความกตัญญู มีอารมณ์ ความรู้สึก ความรัก ความสงสาร ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ เป็นจุดเด่นสุดของมนุษย์

ซึ่งเราก็ควรรักษามันไว้

 

๑๘

อาทิตย์ก่อน แม่ของผมติดโควิด ผมก็ต้องดูแลท่านให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ก็ท่านเป็นแม่ของผม ผมต้องวางเหตุผลลง และเอาความรักเป็นใหญ่ ชีวิตของแม่ผมอาจไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อโลก แต่สำหรับลูกๆ เราก็ต้องดูแลท่านให้ดีที่สุด

๑๙

โรคมะเร็ง เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ มันเกิดขึ้นจากการผิดโค้ดสามครั้ง หมายถึง สมมุติวันหนึ่ง คุณสูดเอาสารชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็งเข้าไปในร่างกาย ก็ยังไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็ง แต่ร่างกายของคุณได้ผิดโค้ดไปแล้วหนึ่งครั้ง ต่อมาคุณต้องผิดโค้ดอีกสองครั้ง บางครั้งอาจเป็นอะไรที่ง่ายๆ แต่เมื่อครบสามครั้ง ชีวภาพในตัวคุณ บางส่วนนั้นก็เกิดมะเร็ง

๒๐

การเกิดขึ้นของมะเร็ง จึงไม่เหมือนโรคทั่วไป เพราะมันไม่ได้เกิดจากไวรัส หรือแบคทีเรีย หากแต่เกิดจากการทำงานผิดพลาดของโค้ด ซึ่งเป็นระบบการทำงานภายในของตัวเราเอง มะเร็งจึงล้ำลึก ไม่ธรรมดา

มะเร็งก็คือการ Culling อย่างหนึ่ง แต่ทว่า ไวรัสที่ซ้ำรอยแผล ก็ล้ำลึกไม่ธรรมดาด้วยเหตุผลเดียวกัน มันอาจเป็นหวัดธรรมดา แต่มันก็ไม่ธรรมดา พี่นิยมคล้ายจะบอกว่า โควิดนี้มันกระจอก แต่ผมกำลังบอกว่า มันมีส่วนที่กระจอก แต่ก็มีส่วนที่ไม่กระจอก มันล้ำลึกดั่งมะเร็ง

๒๑

การ Culling โดยตัวมันเอง ก็เรียบง่าย หากแต่เวลามาปะทะกับอารมณ์ ความรู้สึก ความรัก ก็เกิดเป็นความลึกซึ้งขึ้น เกิดความเจ็บปวด โหยหวน

๒๒

คนอายุร่วมร้อย หรือคนที่ป่วย ๗ โรคประจำตัวนั้น ก็คือคนสมควรตาย ในร่างกายของพวกเขา มีความเสียหายร้ายกาจเกิดขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังไม่ตายทันที มันต้องการอีกหนึ่งหรือสองเงื่อนไข มันจึงค่อยตาย

และโควิดบังเอิญเป็นหนึ่งในเงื่อนไขนั้น มันช่วยเร่งให้คนที่ใกล้ตายเหล่านั้น ตายเร็วขึ้น