ย้อนตำนาน ย้าย ผบ.ทบ. The Untouchable หลังกระแสเปลี่ยน ‘ทบ.1’ ‘บิ๊กตู่’ ทิ้งทวน จัดทัพ ‘บิ๊กแก้ว-บิ๊กบี้-บิ๊กต่อ-บิ๊กโต’

ตลอดเวลา 3 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งย้อนกลับไป 5 ปี ตั้งแต่เป็นนายกฯ ในรัฐบาล คสช. ที่มีบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหมนั้น มีน้อยครั้งที่มีการล้วงลูกการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร

แน่นอนว่า หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ต้องเด้งบิ๊กแป๊ะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกลาโหม สายตรง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมในเวลานั้น เข้าประจำสำนักนายกฯ แล้วตั้งบิ๊กเต่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เพื่อน ตท.12 มาเป็นปลัดกลาโหมแทน แม้ว่า พล.อ.นิพัทธ์จะเป็นรุ่นน้อง ตท.14 สายทหารเสือราชินี ที่เคยอยู่ ร.21 รอ. แต่ก็ต้องเด้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งนั่งมาได้ 7 เดือน

จากนั้น ตำแหน่งปลัดกลาโหมก็ผลัดกันเป็นเด็กของบิ๊กป้อมและบิ๊กตู่ เพราะตอนนั้นพี่น้อง 3 ป.ยังเหนียวแน่น และส่วนใหญ่ยังคงเป็นเหล่าทหารบก และมาจาก 5 เสือ ทบ. จากพลเอกธรรมดา ไม่ต้องครองอัตราจอมพลมาก่อนเช่นในอดีต

โดย พล.อ.ประวิตร หนุนบิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ตท.13 ผช.ผบ.ทบ. น้องรัก ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหม ต่อด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ดันบิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15) ผช.ผบ.ทบ. น้องชาย มาเป็นปลัดกลาโหม

ก่อนที่บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล (ตท.16) สายตรงบิ๊กป้อม จะมานั่งปลัดกลาโหมจนเมื่อเกษียณกันยายน 2560 ก็ได้มาเป็น รมช.กลาโหม ยาวนานจนปัจจุบัน

ต่อด้วยบิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) น้องรักสายทหารเสือฯ ของบิ๊กตู่ ข้ามจาก ผช.ผบ.ทบ.มาเป็นปลัดกลาโหมอีกคน และต่อด้วยบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ (ตท.20) ที่เป็นน้องรักบิ๊กป้อมแถวหน้า ที่ข้ามจาก ทบ.มาเติบโตในกลาโหมหลายปี จนเป็นรองปลัดกลาโหม แล้วขึ้นปลัดกลาโหม นั่งยาวถึง 3 ปี

และส่งต่อให้บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เพื่อน ตท.20 สายตรงบิ๊กตู่ มาเป็นปลัดกลาโหมคนปัจจุบัน

โดยมีการวางตัวบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ (ตท.24) ลูกรักบิ๊กป้อม รองปลัดกลาโหม ที่จ่อขึ้นปลัดกลาโหมอยู่ และมีอายุราชการถึงกันยายน 2568

ท่ามกลางการจับตามองว่า เก้าอี้ปลัดกลาโหมจะเกิดการพลิกล็อก เพื่อรองรับการแก้ปัญหาโยกย้ายตุลาคม 2565 นี้ ที่ไม่ลงตัว โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้ง พล.อ.ประวิตรด้วย

หากพี่น้อง 2 ป.ยังคงร่วมทางบนถนนการเมือง ไปด้วยกันเช่นเดิม ก็คงไม่ส่งผลต่อการโยกย้ายทหาร

แต่หากในที่สุด เกิดการแตกหักทางการเมือง หลังจากที่เกิดรอยร้าวมาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมเกิดการวัดพลังพี่น้องตามมา เพราะ พล.อ.ประวิตรก็ยังมีน้องๆ ในกองทัพที่ต้องดูแล

แต่ในห้วง 3 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ควบ รมว.กลาโหมนั้น พล.อ.ประวิตรก็ถูกลดบทบาทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทัพลง และไม่ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย

อีกทั้งประเพณี ผบ.เหล่าทัพกินข้าวเช้าบ้านป่ารอยต่อฯ กับ พล.อ.ประวิตร ทุกๆ เช้าวันศุกร์ก็ถูกยกเลิกไป

แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า หากมีอะไรที่เกี่ยวกับกองทัพ พล.อ.ประวิตร ก็จะฝากมาทาง พล.อ.ชัยชาญ ที่รู้กันดีว่าเป็นสายตรง จนก่อนหน้านี้ เคยมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเปลี่ยนตัว รมช.กลาโหม ให้บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ (ตท.20) ที่เกษียณจากเลขาธิการ สมช. แต่ พล.อ.ณัฐพล ปฏิเสธที่จะแย่งเก้าอี้ พล.อ.ชัยชาญ เพราะเป็นรุ่นพี่ที่เคารพและนับถือในความสามารถ อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังเกรงใจ พล.อ.ประวิตรอยู่ไม่น้อย

แต่ที่ถูกจับตามองที่สุดคือ การโยกย้ายทหารครั้งใหญ่ในเดือนกันยายน 2565 นี้ ที่จะเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะยุบสภา หลังประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายนนี้ หรืออยู่ครบเทอม 23 มีนาคม 2565 ที่ตอนนั้นจะได้จัดโผโยกย้ายทหารกลางปีอีกครั้งก่อนที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการ

หลังมีกระแสข่าวสะพัดในกองทัพว่า พล.อ.ประยุทธ์จะทิ้งทวนในการจัดแถวทหาร ก่อนที่จะสิ้นรัฐบาล และการสู้ศึกเลือกตั้ง เพื่อกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย

โดยจะต้องเลือกนายทหารที่ “ใจถึงพึ่งได้”

จึงเกิดกระแสข่าวว่า อาจเกิดการขยับ ผบ.เหล่าทัพแบบทั้งยวง เพราะโยกย้ายกันยายนนี้ จะต้องเปลี่ยนปลัดกลาโหม ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ที่เกษียณตามวาระอยู่แล้ว แต่จะขยับเก้าอี้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ทหารสูงสุดด้วย

แม้ว่าบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ยังไม่เกษียณ เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2566

แต่มีกระแสข่าวว่า อาจมีการขยับ พล.อ.เฉลิมพลที่นั่งเป็น ผบ.ทหารสูงสุดมา 2 ปีแล้ว ไปเป็นปลัดกลาโหม ที่ถือเป็นข้าราชการทหารเบอร์ 1 ของกลาโหม แล้วดัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่นั่งเป็น ผบ.ทบ.มา 2 ปีแล้ว ขึ้นไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุดแทน

เพราะตามหลักการกองทัพสากลแล้ว ผบ.ทหารสูงสุดต้องมาจาก ผบ.เหล่าทัพที่อาวุโส เช่นกองทัพในหลายประเทศ แต่เพราะที่ผ่านมา นายทหารที่ขึ้นมาเป็น ผบ.เหล่าทัพ มีอายุราชการแค่ 1-2 ปีเท่านั้น จึงไม่มีการเลื่อน ผบ.เหล่าทัพไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ก็มักจะต้องเป็นเหล่าทหารบก อีกทั้งฝ่ายการเมืองมักจะไม่กล้าแตะต้องเก้าอี้ ผบ.ทบ. เพราะเป็นเหล่าทัพใหญ่ และมีอำนาจแฝงทางการเมือง โดยเฉพาะการรัฐประหาร

อีกทั้งในอดีต เมื่อมีความพยายามจากฝ่ายการเมือง ฝ่ายรัฐบาล ในการย้าย ผบ.ทบ. ก็มักจะโดนรัฐประหาร

เช่น การรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ 2534 พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี จะย้ายบิ๊กสุ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผบ.ทบ. จนกลายเป็นเหตุผลหนึ่งในการรัฐประหาร ในข้อหารังแกข้าราชการประจำ

รวมทั้งรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก็มีกระแสข่าวที่นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะย้ายบิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.

พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง

ก่อนหน้านั้น ในปี 2545 นายทักษิณได้โยกย้ายบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่นั่งเป็น ผบ.ทบ.นาน 4 ปี ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ เพราะเห็นว่านั่งนานเกินไป แต่ด้วยเพราะเป็นลูกป๋า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษในเวลานั้น จึงไม่มีใครกล้าแตะ เพราะตอนขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ก็มาจากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. และเหลืออายุราชการถึง 5 ปี

การโยกย้ายครั้งนั้น นายทักษิณถึงขั้นต้องใช้วิธีพิเศษ คือ ทำโผโยกย้ายส่วนหัว คือระดับ ผบ.เหล่าทัพก่อน เพื่อย้าย พล.อ.สุรยุทธ์ ผบ.ทบ.ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด โดยไม่ส่งโผผ่านขั้นตอนปกติ เพื่อไม่ให้ผ่านมือ พล.อ.เปรม แต่นายทักษิณนำขึ้นทูลเกล้าฯ ด้วยตนเอง

จนเกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ของนายทักษิณและบ้านสี่เสาเทเวศร์ จากเดิมที่ความสัมพันธ์ไม่ดีอยู่แล้ว

ครั้งนี้ นายทักษิณตั้งบิ๊กเกาะ พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.แทน เพราะถือเป็นดาวรุ่งในสายวงศ์เทวัญ และเครือญาติบิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

ในยุคนายทักษิณ ที่ตอนนั้นเคยมียศพันตำรวจโท เป็นนายกฯ ตำรวจเก่า และจบเตรียมทหาร จึงไม่ค่อยเกรงใจทหาร อีกทั้งในอดีต ตำรวจโดนทหารกดมาตลอด เพราะทหารใหญ่จากการรัฐประหารหลายครั้ง นายทักษิณจึงย้าย ผบ.ทบ.หลายคน จนทำให้เก้าอี้ ผบ.ทบ.ไม่ได้น่ายำเกรงอีกต่อไป

เช่น เมื่อ พล.อ.สมทัตเป็น ผบ.ทบ. 1 ปี ก็ขยับไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ เพื่อเปิดทางให้บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ เพราะเป็นทหารช่าง ไม่ใช่ทหารราบ ทหารม้า หรือทหารปืนใหญ่ และไม่ผ่านเส้นทางเหล็กตามธรรมเนียม ผบ.ทบ. แม้ในอดีตจะเคยมี พล.อ.ประยุทธ์ จารุมณี เหล่าทหารช่าง เป็น ผบ.ทบ.มาแล้วก็ตาม

แต่แล้ว พล.อ.ชัยสิทธิ์ก็ได้นั่ง ผบ.ทบ.ปีเดียว นายทักษิณก็ขยับให้ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ โดยที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ก็ไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นญาติพี่น้องกัน

เพราะนายทักษิณต้องการดันบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผช.ผบ.ทบ.ในเวลานั้น ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะความใกล้ชิดกับบ้านจันทร์ส่องหล้า ถึงขั้นที่เกือบจะตกลงปลงใจกับสาวใหญ่ทีมใกล้ตัวคุณหญิงอ้อ พจมาน ดามาพงศ์

จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแผงอำนาจ 3 ป. ที่เริ่มแข็งแกร่งในกองทัพ เมื่อ พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และดันน้องๆ ในสายทหารเสือราชินี และบูรพาพยัคฆ์ ขึ้นมานั่งตำแหน่งสำคัญ รวมทั้งบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

เมื่อ พล.อ.ประวิตรเกษียณ นายทักษิณก็ดัน พล.อ.สนธิเป็น ผบ.ทบ.มุสลิมคนแรก เพื่อหวังผลการแก้ปัญหาชายแดนใต้ และเพราะสายสัมพันธ์หลังบ้าน และตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อน ตท.10 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1

จนที่สุด การจัดทัพของนายทักษิณเอง ที่ต้องการจะคุมทหาร ก็ทำให้เกิดการรัฐประหารพี่-รัฐประหารน้อง 19 กันยายน 2549 ที่ล้มนายทักษิณเอง และรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ล้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวนายทักษิณเองในเวลาต่อมา

ด้วยเพราะนายทักษิณเลือกเอง ทั้ง พล.อ.สนธิ และ พล.อ.อนุพงษ์ มาคุมกำลัง

รวมทั้งการไม่กล้าแตะ ผบ.ทบ. ที่ตอนนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ แม้แกนนำเสื้อแดงจะเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปลด ผบ.ทบ.ที่ขึ้นมาในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม แต่นายกฯหญิงเลือกที่จะญาติดี เอาใจกองทัพ โดยเฉพาะสนิทสนมใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จนคิดว่าจะไม่กล้ารัฐประหาร แต่ทุกอย่างถูกกำหนดวางไว้ตั้งแต่ต้น แค่ทำให้นายทักษิณและนายกฯ หญิงตายใจเท่านั้น

เรียกได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกศักดิ์ศรี และความน่ายำเกรงของ ผบ.ทบ.กลับคืนมา เมื่อนำรัฐประหาร เป็นหัวหน้า คสช. และเป็นนายกฯ เสียเอง ถึง 5 ปี และวางแผนสืบทอดอำนาจด้วยกลไกรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ และองคาพยพทั้งหมด และตั้งพรรคพลังประชารัฐ รองรับการเล่นการเมือง จนชนะเลือกตั้ง และเป็นนายกฯ มาจนตอนนี้

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

ประสบการณ์และบทเรียนทั้งการเมือง และกองทัพ ที่เคยเป็น ผบ.ทบ.มานานถึง 4 ปี ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารจัดการอำนาจในกองทัพใหม่

ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ให้เกียรติ ผบ.เหล่าทัพในการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่แทรกแซงล้วงลูก จนเกิดปัญหาในบางเหล่าทัพ

เช่น การยอมให้ พล.อ.อ.มานัต ทวงษ์วาทย์ ผบ.ทอ.ในขณะนั้น เสนอชื่อบิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ เป็น ผบ.ทอ. ทั้งๆ ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ไม่เอาคนในห้าเสืออากาศ

จนที่สุด เมื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. ก็ขัดแย้งกับ พล.อ.อ.มานัต จนมีการล้างบาง และรื้อโครงการต่างๆ เกิดขึ้น

รวมทั้งการยอมตามที่ พล.อ.ณัฐ ปลัดกลาโหม เสนอในการให้บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย เพื่อน ตท.20 จากรองปลัดกลาโหม ข้ามกลับไปเป็น ผบ.ทร. แล้วก็เกิดความวุ่นวาย ปรับภูมิทัศน์ ตัดต้นไผ่ เปลี่ยนป้าย ปรับเปลี่ยนสิ่งที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร.ทำไว้

สิ่งไหนบิ๊กลือยุบเลิก บิ๊กเฒ่าก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ เช่น ศูนย์ฝึกทหารใหม่ สิ่งไหนที่บิ๊กลือตั้งใหม่ บิ๊กเฒ่าก็สั่งยุบทิ้ง เช่น กรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยซีล และไม่สานต่อโครงการเรือดำน้ำจีน ที่บิ๊กลือผลักดันไว้ตามนโนบาย พล.อ.ประวิตร

จนเกิดการล้างบางกันเกิดขึ้น เด้งบิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ น้องรักบิ๊กลือ จาก ผช.ผบ.ทร. ข้ามไปเป็นรอง เสธ.ทหาร ที่ บก.ทัพไทย ในโยกย้ายเมษายนที่ผ่านมา และส่อเค้าจะล้างบางแก้แค้นในโยกย้ายกันยายนนี้ ก่อนบิ๊กเฒ่าเกษียณ และวางตัวทายาทคุม ทร.ไว้ยาวหลายคน

จนทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า แม้จะเป็น รมว.กลาโหม แต่กองทัพกลับขัดแย้ง วุ่นวาย และกระทบโครงการเรือดำน้ำ จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร โดนถล่มโจมตีไปด้วย

ดังนั้น จึงมีกระแสข่าวว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลกันยายนนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะลงมาดูแลเองของทุกเหล่าทัพ

รวมทั้งต้องแสดงศักยภาพของการเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้ ผบ.เหล่าทัพยำเกรงด้วย เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์และกองเชียร์รู้สึกว่า กองทัพทิ้งระยะห่างกับ พล.อ.ประยุทธ์มากเกินไป จนถูกมองว่า กองทัพไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ค่อยแคร์ พล.อ.ประยุทธ์เท่าที่ควร

แน่นอนว่า โฟกัสมาอยู่ที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ.คอแดง และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่มีระยะห่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ และมักจะไม่ค่อยมาประชุม หรือร่วมงานที่มีนายกฯ เพราะติดภารกิจอื่น

จนมามีจุดพีกจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่ ททบ.5 หลังขัดนโยบายรัฐบาล ในการเสนอข่าวที่ไม่เป็นกลาง กรณีสงครามรัสเซียกับยูเครน จนถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องคำรามเตือน สั่งงดเสนอข่าว และลงดาบ จนทำให้บิ๊กตี๋ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ ผอ.ททบ.5 ลาออก หลังมีข่าวไปวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ

ทั้งๆ ที่ พล.อ.รังษีเป็นเพื่อนรัก ตท.22 ที่สนิทที่สุด แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จนต้องยอมเซ็นอนุมัติให้ลาออก และเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ตัดตอน ไม่ให้ลุกลามถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ.

มีการตั้งข้อสังเกตกันใน ทบ.ว่า หลังจากเกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่า ททบ.5 และแผ่นดินไหวมาถึงกองทัพบก ถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ.นั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ดูจะเก็บตัวเงียบมากกว่าเดิม แต่ไปร่วมงานและประชุมกับนายกฯ แบบไม่ขาด

ที่สำคัญคือ พล.อ.ณรงค์พันธ์งดเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์มาตั้งแต่ 28 มีนาคม ช่วงที่มีปัญหาใน ททบ.5 จนกลางเดือนเมษายน ก็ยังไม่ขยับ

แม้ว่าที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ มักจะเป็นการรีทวีตข่าวสาร หรือข้อความในการโปรโมตภารกิจของ ทบ. และการเทิดทูนสถาบัน รวมทั้งการต่อต้านฝ่ายผู้ชุมนุม พวกต่อต้านสถาบันก็ตาม แต่ก็สะท้อนจุดยืนการเป็นทหารอาชีพ และทหารพระราชา

 

จนมีการวิเคราะห์กันใน ทบ.ว่า เพราะกระแสข่าวการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.หรือไม่ จึงเกิดปรากฏการณ์ข้างต้น เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุนบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายทหารเสือราชินี เป็น ผบ.ทบ. แต่ทว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ยังไม่เกษียณ และมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 ดังนั้น พล.อ.เจริญชัยที่เป็นรุ่นน้อง ตท.23 และเป็นทหารคอแดงเช่นกัน ก็ต้องรอ และจะได้เป็น ผบ.ทบ.แค่ปีเดียว ก็จะเกษียณกันยายน 2567 แล้ว

แต่ทว่า บทบาทของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บนเก้าอี้ ผบ.ทบ. ไม่เข้าตากองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์เท่าใดนัก

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปต่อ และเป็นนายกฯ สมัยที่ 3 ก็จะต้องมี ผบ.เหล่าทัพที่ไว้ใจ และใจถึงพึ่งได้ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.

โดยเฉพาะตอนเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ ที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลได้คะแนนในหน่วยเลือกตั้งเขตทหารจำนวนมาก แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ระบุว่า เป็นการสะท้อนว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริง โดยคงต้องการสะท้อนว่า ไม่มีใบสั่งให้ทหารเลือกใครก็ตาม แต่ทว่า ถูกมองว่าไม่โดนใจพี่น้อง 3 ป.เท่าใดนัก

จนมาเกิดเรื่องการเสนอข่าวสงครามของ ททบ.5 แถมทั้ง พล.อ.รังษีให้สัมภาษณ์ชื่นชม พล.อ.ณรงค์พันธ์ เพื่อนรักที่เป็น ผบ.ทบ.ที่ทิ้งระยะห่างทางการเมือง เป็นทหารอาชีพ ทหารพระราชา และข่าวการวิจารณ์นายกฯ ของ พล.อ.รังษี เข้าหูนายกฯ อีกด้วย จึงทำให้สะเทือนเก้าอี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์

แม้ว่าเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์จะได้พบปะรับประทานข้าวเย็นกับปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ ที่เป็นดินเนอร์ประเพณีทุกๆ เดือนแล้วก็ตาม ได้เจอหน้า พล.อ.ณรงค์พันธ์แล้วก็ตาม

แต่กระแสข่าวเปลี่ยน ผบ.ทบ.นี้ยังสะพัดใน ทบ.

 

จนเป็นที่มาของกระแสข่าวการจะขยับ พล.อ.เฉลิมพล ที่เป็น ผบ.ทหารสูงสุด 2 ปีแล้ว ไปเป็นปลัดกลาโหม และจะกลายเป็น “ปลัดกลาโหมคอแดง” คนแรก เพราะถือว่าเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ที่อาวุโส แล้วขยับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ที่คอแดงอยู่แล้ว เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.เจริญชัยได้เป็น ผบ.ทบ.เร็วขึ้น และนานขึ้น ทันช่วงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้า

ต้องไม่ลืมว่า ทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์นั้น เมื่อครั้งขึ้นมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ.ได้นั้น ก็ด้วยการสนับสนุนจากบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตอนเป็น ผบ.ทบ.ที่ให้กำเนิดทหารคอแดงใน ทบ. และตอนนี้เป็นรองราชเลขาธิการ และถูกจับตามองว่า จะมาเป็น รมว.กลาโหมในรัฐบาลใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเป็นน้องรักสายตรงนายกฯ ที่ช่วยสายสัมพันธ์ ผบ.เหล่าทัพมาตลอด

หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการจัดทัพใหม่ พล.อ.อภิรัชต์ย่อมต้องเป็นคีย์แมนที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น สำหรับ พล.อ.เฉลิมพลนั้นเป็นเพื่อนรักรุ่นน้อง ตท.21 ของ พล.อ.อภิรัชต์อยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์และผองเพื่อน ตท.22 กองหนุน จะยอมหรือไม่

 

กล่าวสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ตั้ง ผบ.ทบ.มาหลายคน โดยหลังจากเป็นนายกฯ ในยุค คสช. ก็ให้บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ที่เติบโตกันมาใน ร.21 รอ. เป็นรุ่นน้อง ตท.14 สายทหารเสือฯ ที่ร่วมรบกันมา เป็น ผบ.ทบ.ควบ รมช.กลาโหม ต่อด้วยบิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช สายบูรพาพยัคฆ์

ครั้งสำคัญคือ การเบรกกระแสวิจารณ์ว่าเอาแต่สายบูรพาพยัคฆ์ จึงให้บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จากสายรบพิเศษ มาเป็น ผบ.ทบ. 2 ปี และเป็นการถ่วงดุลกับสายวงศ์เทวัญ รวมทั้งเป็นการแชร์อำนาจให้สายบ้านสี่เสาฯ ด้วย เพราะ พล.อ.เฉลิมชัยเป็นน้องรัก พล.อ.สุรยุทธ์

ก่อนที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ สายวงศ์เทวัญคอแดง สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ จะมาเป็น ผบ.ทบ.ต่อ 2 ปี เข้าสู่ยุคที่ ผบ.ทบ.แสดงออกว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อย่างชัดเจน ทั้งการให้สัมภาษณ์ คำสั่งการ และการแสดงออก

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเคยเป็น ผบ.ทบ.มาถึง 4 ปี จึงต้องบริหารจัดการอำนาจในกองทัพให้ได้ และยิ่งในปลายรัฐบาลเช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องจับตามอง

 

แน่นอนว่า กระแสข่าวย้าย ผบ.ทบ. ย่อมทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ พล.อ.เจริญชัย ถูกวิเคราะห์ว่าน่าจะมองหน้ากันไม่สนิทใจนัก

แถมมีกระแสข่าวบลั๊ฟฟ์กลับมา ที่หวังจะย้าย พล.อ.ณรงค์พันธ์ พ้น ผบ.ทบ. อาจต้องระวัง พล.อ.เจริญชัย จะถูกเด้งไปเป็นปลัดกลาโหม เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็เป็นทหารคอแดง ที่คอนเน็กชั่นก็ย่อมไม่ธรรมดา จนเป็นที่จับตามองว่าจะเกิดการวัดพลังกันขึ้น

เพราะต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวใน ทบ.ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์มี ผบ.ทบ.ในใจ คือ บิ๊กอ๊อฟ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี แต่ติดม่านประเพณีที่ไม่จบ รร.นายร้อย จปร. แต่จบนายร้อย VMI สหรัฐ เลยขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ไม่ได้ แม้จะเป็นทหารคอแดงก็ตาม

จนมีการให้จับตาไปที่แม่ทัพโตโต้ พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ในโยกย้ายกันยายนนี้ จะขึ้น 5 เสือ ทบ. คาดว่าจะเป็น ผช. ผบ.ทบ. จะมาเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.อีกคน หาก พล.อ.ณรงค์พันธ์นั่งเป็น ผบ.ทบ.ได้ยาว 3 ปี จนเกษียณกันยายน 2566

พล.ท.สุขสรรค์เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 ของ พล.อ.เจริญชัยเองด้วยซ้ำ แต่อาจต้องมาชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.กันเอง โดยที่ พล.อ.เจริญชัยเป็นสายทหารเสือราชินี น้องรัก พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ พล.ท.สุขสรรค์เป็นบูรพาพยัคฆ์คอแดง ที่ถูกมองว่าสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตรมากกว่า แต่ทว่า ก็เป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์เช่นกัน

ดังนั้น พล.อ.เจริญชัยอาจต้องรีบเดินเกมเผด็จศึกเก้าอี้ ผบ.ทบ. ก่อนที่ตัวเองอาจเจอย้อนศร หรือรอจนมีแคนดิเดต ผบ.ทบ.มาเพิ่มอีก

แต่กระแสข่าวเหล่านี้ ย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์ของแคนดิเดต และความเป็นเพื่อนพี่น้องไม่น้อย

ซึ่งก็ไม่มีใครหยั่งรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจอย่างไร ทิ้งทวนก่อนสิ้นรัฐบาล

เพราะในสถานการณ์แบบนี้ บรรดาบิ๊กๆ ทหารในกองทัพก็ยังพูดคล้ายๆ กันว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้