ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 เมษายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | วิรัตน์ แสงทองคำ |
ผู้เขียน | วิรัตน์ แสงทองคำ |
เผยแพร่ |
วิรัตน์ แสงทองคำ
https://viratts.com/
กว่าจะถึง SCBX
ตอนที่ 2 พลิกแผนเชิงรุก
ในช่วงทศวรรษแห่งการพลิกแผนเชิงรุก ไม่มีธนาคารใดมีสีสัน เช่น ไทยพาณิชย์
หนังสือ “Century of Growth” ตอนเกี่ยวข้อง “Chidlom : An Age of Competition” ให้ความสำคัญอ้างอิงอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารยุคสำนักงานชิดลม ณ ถนนเพชรบุรี (2514-2535) ว่า “การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อให้บริการทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น การมาของนายธนาคารรุ่นใหม่ เข้ากับภาวะการแข่งขันทางธุรกิจ ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีธนาคารสมัยใหม่ เป็นไปท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งย่อยๆ อันเป็นลางบอกเหตุวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในทศวรรษถัดมา...”
อย่างที่ว่าไว้ ในจังหวะการเปลี่ยนนายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ มาเป็นพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ ช่วงต้นปี 2515 (มีนาคม) จากนั้นไม่กี่เดือน อาภรณ์ กฤษณามระ ผู้จัดการธนาคารผู้อยู่ในตำแหน่งยาวนาน (2487-2515) ได้ถึงแก่กรรม (ตุลาคม) สมหมาย ฮุนตระกูล เข้ารับตำแหน่งแทนในช่วงสั้นๆ (พฤศจิกายน-ธันวาคม2515) ก่อนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
จะด้วยเตรียมการอย่างดีหรือไม่ก็ตาม การมาของผู้จัดการใหญ่คนต่อมา-ประจิตร ยศสุนทร (มกราคม 2516) ถือเป็นจุดตั้งต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
พูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ ขณะนั้นอายุเพียง 50 ปี มีภารกิจสำคัญรับใช้ราชสำนัก โดยเฉพาะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (2513-2530) และเลขาธิการพระราชวัง (2521-2530) ในช่วงเวลาดังกล่าวเครือข่ายสำนักงานทรัพย์สินฯ ขยายการลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมและการเงิน ด้วยในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเขาเป็นประธานกรรมการบริษัท ปูนซิเมนต์ไทยด้วย
ส่วนสมหมาย ฮุนตระกูล แม้อยู่ในตำแหน่งช่วงสั้นๆ แต่มีบทบาทเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเป็นผู้จัดการใหญ่ปูนซิเมนต์ไทย (2519-2523) และเป็นรัฐมนตรีคลังหลายสมัยในช่วงปี 2517-2530 กลายเป็นผู้มีส่วนสร้างสายสัมพันธ์กับธุรกิจญี่ปุ่นทั้งไทยพาณิชย์ และปูนซิเมนต์ไทย
ขณะที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยพยายามข้ามผ่านยุคเดนมาร์ก (2456-2517) ไปสู่ยุคคนไทย พร้อมกับโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ พยายามก้าวข้ามจากยุคอนุรักษ์นิยม ภายใต้การบริหารผู้จัดการวัย 70 ผู้อยู่ในตำแหน่งยาวนาน เข้าสู่ยุคใหม่ด้วยแผนการเชิงรุก
ภาพกว้างๆ เป็นแผนการคล้ายๆ กัน การนำ “คนนอก” เข้ามาสู่องค์กรธุรกิจเก่าแก่ของไทย
ตั้งแต่ปี 2509 ปูนซิเมนต์ไทย (เครือซิเมนต์ไทยหรือเอสซีจี) เริ่มนำ “คนนอก” ส่วนใหญ่เป็นระดับกลางๆ (Mid-career) เข้ามาบุกเบิกธุรกิจใหม่ๆ ก่อนจะถึงขั้นตอนสำคัญ “คนนอก” ระดับสูงเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จากกระทรวงการคลังเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่แทนฝรั่ง (2517)
ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ มีแรงเหวี่ยงกว่าปกติ ด้วยการปรับตัวช้า จึงพยายามก้าวผ่านสู่ยุคใหม่อย่างเร่งรีบ “คนนอก” เข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูงในทันที เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงบุคลากรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ ตามด้วย “คนนอก” เข้ามาอย่างเป็นขบวน ในระดับค่อนข้างสูง ตามแผนรับช่วงบริหารธนาคารอย่างต่อเนื่อง
ปี 2516 ธนาคารไทยพาณิชย์ แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่-ประจิตร ยศสุนทร เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตามมาด้วยมืออาชีพคนสำคัญที่เข้ามีบทบาทอย่างมาก ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ (2517) ชฎา วัฒนศิริธรรม (2518) และโอฬาร ไชยประวัติ (2525)
ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ผู้มีภูมิหลังที่ดี ทั้งครอบครัว การศึกษาและประสบการณ์ทำงาน ผู้มากับยุคสงครามเวียดนาม ผ่านการศึกษาสถาบันชั้นนำของสหรัฐ และมีประสบการณ์ทำงานธนาคารสหรัฐ (First National City Development Finance Corporation หรือ Citibank ในปัจจุบัน) เข้ามามีบทบาทสำคัญในธนาคารไทยพาณิชย์ เพียง 10 ปีจากนั้นได้ก้าวขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ (2527-2535) แทนประจิตร ยศสุนทร ถือว่าเป็นเส้นทางที่สั้นมากๆ
ในยุคประจิตร ยศสุนทร เป็นช่วงธนาคารไทยพาณิชย์เติบโต เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ระดับ 1 หมื่นล้านบาท ในปี 2513 ทะยานสู่ระดับ 6 หมื่นล้านบาท ในปี 2523 (ข้อมูลจาก หนังสือ 100 ปีของธนาคารไทยพาณิชย์ ฉบับภาษาอังกฤษ–Century of Growth) เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลอีกชุด (Capital Accumulation in Thailand 1855-1985, Suehiro Akira 1996) พิจารณาจากยอดเงินฝาก พบว่าในปี 2524 ธนาคารไทยพาณิชย์ขยับขึ้นมาหนึ่งอันดับ (เป็นอันดับ 4) มีอัตราการเติบโตในช่วง 10 ปี (2515-2524) เพิ่มขึ้นถึง 21% แต่ถือว่ายังน้อยกว่าธนาคารใหญ่ 2 แห่ง โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทยซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นถึงราว 29%
ทั้งนี้ เชื่อว่าธนาคารไทยพาณิชย์ได้ศึกษาบทเรียนทางธุรกิจธนาคารกสิกรไทย ในฐานะมีความสัมพันธ์กันพอสมควร
เมื่อประจิตร ยศสุนทร เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เขาได้เป็นกรรมการบริษัท ปูนซิเมนต์ไทยด้วย ว่าไปแล้ว เป็นไปตามธรรมเนียมสืบต่อมาตั้งแต่ยุคอาภรณ์ กฤษณามระ และสมหมาย ฮุนตระกูล ที่น่าสนใจในคณะกรรมการบริษัท ปูนซิเมนต์ไทยนั้น มีผู้บริหารธนาคารกสิกรไทย เป็นกรรมการอยู่ด้วย
เกษม ล่ำซำ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยคนสำคัญ เข้าเป็นกรรรมการบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ (2499-2505) ต่อด้วย บัญชา ล่ำซำ เป็นกรรมการปูนซิเมนต์ไทยยาวนาน (2510-2535) ในช่วงเวลาต่อเนื่อง ทั้งปูนซิเมนต์ไทยและธนาคารกสิกรไทยมีความสัมพันธ์กับอิทธิพลสหรัฐ ตั้งแต่ยุคต้นสงครามเวียดนาม
โมเดลธนาคารกสิกรไทย เปิดฉากการขยายเครือข่ายสาขาอย่างขนานใหญ่ “เริ่มนโยบายเปิดฉากการรุกทางการตลาด ด้วยการระดมการเปิดสาขาเข้ายึดครองพื้นที่ในวงกว้างก่อน ตั้งแต่ปี 2508 … อัตราการขยายสาขาของธนาคารกสิกรไทยเขยิบสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในบางปีเปิดถึง 26 สาขา ทำให้ธนาคารกสิกรไทยก้าวขึ้นเป็นธนาคารที่มีสาขาสูงที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ ตั้งแต่ปี 2519” (หนังสือ บัญชา ล่ำซำ : ประวัติและผลงาน, 2535)
เป็นไปเช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ ยุคประจิตร ยศสุนทร กับแผนการขยายสาขาซึ่งมาทีหลังพอสมควร “จากปี 2515 ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์มีสาขาอยู่เพียง 25 สาขา ถึงสิ้นปี 2529 ธนาคารมีสาขาทั่วประเทศ 176 สาขา” (หนังสือ “สยามกัมมาจล”)
อีกแนวทาง ธนาคารกสิกรไทยขยายเครือข่ายแวดล้อมธนาคาร มีบริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์หลายแห่ง ทั้งการร่วมทุนกับธนาคารต่างประเทศ เช่น ทิสโก้ (2512) หรือตั้งขึ้นใหม่ เช่น ภัทรธนกิจ (2515) ศรีมิตร ขณะเดียวกัน ล็อกซเล่ย์กิจการในเครือข่ายอีกขาหนึ่ง เดิมนำสินค้าสมัยใหม่จากต่างประเทศเข้ามา เริ่มขยายตัวด้วยการลงทุนในอุตสาหกรรมหลายแห่ง
ธนาคารกสิกรไทยในยุคสงครามเวียดนาม ถือเป็นแกนสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ อันเกิดจากความร่วมมือกับธุรกิจโลกตะวันตก ในกรณี บุกเบิกอุตสาหกรรมยา ร่วมทุนกับ Lepetit แห่ง Luxemburg (2504) อุตสาหกรรมยางรถยนต์ ร่วมทุนกับ Firestoneแห่งสหรัฐ (2505) บุกเบิกอุตสาหกรรมการเกษตร –ผลิตสับปะรดกระป๋อง ร่วมทุนกับDole แห่งสหรัฐ (2509) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ตอบสนองวิถีชีวิตสมัยใหม่ ร่วมทุนกับ Armitage Shank แห่งสหราชอาณาจักร(2512)
คล้ายๆกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ เดินตามแผนทั้งขยายเครือข่ายบริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ รวมทั้งร่วมทุนในกิจการอื่นๆ โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายธุรกิจญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ความสำคัญกรณีหนึ่งเป็นพิเศษ -ปี2526 เปิดบริการเอทีเอ็มเป็นธนาคารแรกในประเทศไทย “..จากเดิมมีภาพลักษณ์เป็นธนาคารอนุรักษ์นิยม เปลี่ยนมาเป็นธนาคารที่มีความทันสมัย และเป็นผู้นำด้านบริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์..” (หนังสือ “100 ปี จากบุคคลัภย์สู่ไทยพาณิชย์”) •