เช็กอาการทัวร์ลงศึกซักฟอก/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

เช็กอาการทัวร์ลงศึกซักฟอก

 

หัวใจสำคัญของการปกครองบ้านเมือง ให้ดำรงอยู่บน “ศูนย์อำนาจ” อย่างมั่นคงแข็งแรง ต้องมีองค์ประกอบหลัก 2 ประการ “หนึ่งคือ” ประชาชนอยู่ดีกินอิ่มนอนหลับ มีความสงบสุข “ผู้นำ” ต้องมีมติทางความคิดที่เป็นสากล

“สองคือ” ภาคการเมือง ต้องบริหารอำนาจให้แนวร่วมอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเสมอภาค เอาสิ่งที่เห็นไม่ตรงกันมาถกเถียงกัน เอาความแตกต่างมาเป็นปัจจัยในการแสวงหาจุดรวมเข้าด้วยกัน

“ลึกแต่ไม่ลับ” อาทิตย์ที่แล้ว เช็กอาการ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยกประโยคเด็ด “ถ้ามีโอกาสก็ทำต่อ ไม่มีโอกาสก็กลับบ้านนอน” แล้ว ประเมินสถานการณ์ว่า

“บิ๊กตู่” แกใช้ไม้แข็ง ดื้อหัวชนตอม่อมานาน ทำท่าจะหันมาใช้ “ไม้นวม” อาจจะก้าวลงจาก “หลังเสือ” อำลายุทธภพ ถอนหัวโขน ไปดำรงชีวิตใหม่ อยู่อย่างรู้จักอยู่ ในเร็วๆ นี้

เพราะหลังเทศกาลสงกรานต์ จะมี “ทัวร์ลง” ใหญ่มหึมาระดับโบอิ้ง แอร์บัส 2 ลำเขื่อง มาจอดเทียบหน้าบันไดบ้าน หะแรก “สภาผู้แทนราษฎร” จะเปิดประชุมสมัยวิสามัญประจำปีในวันที่ 22 พฤษภาคม “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151

ที่ชักตะพานแหงน รอเผด็จศึกมาแรมปี ตามไฟต์บังคับ เนื่องจากศึกซักฟอกคราวก่อน ใช้บริการตามช่องทางแห่งมาตรา 152 อภิปรายโดย “ไม่ต้องลงมติ” จึงไม่ค่อยอภิรมย์ใจสักเท่าไหร่ เพราะเยี่ยวไม่สะเด็ด

แต่รอบใหม่ หลังสภาเปิดสมัยประชุม ครบทุกรส สดทุกเมื่อ ใช้อาวุธหนักได้เต็มรูปแบบ สามารถเล่นเกมแมวไล่จับหนู พร้อมจะละเลงกันเลือดนอง เลือดสาด กะให้ “จบข่าว” กันเลยทีเดียว

และดีไม่ดี ศึกซักฟอกคาบนี้ หวยล็อกอาจจะลงเอยดั่งที่ฝ่ายค้านบางพรรคเสนอธง คือเดี่ยวไมโครโฟน ถล่มป้อมค่ายคนชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เพียงคนเดียว เพื่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างอื่นตามมา

“ก๊อกที่สอง” คือปม “วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมกันแล้ว 8 ปีมิได้” ซึ่งคาดว่า พลันที่ “บิ๊กตู่” ครบเทอม 8 ปี หากนับจากจุดเริ่มต้นจากวันโปรดเกล้าฯ หลังวันที่ 24 สิงหาคมนี้

สถานการณ์จะเข้าข่าย “เหตุเกิดสมบูรณ์แล้ว” ฝ่ายค้านจะเปิดปฏิบัติการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแบบทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม แม้ใครต่อใครจะพากันวิตกกังวล เป็นห่วงว่าทั้ง 2 เงื่อนไขข้างต้น “พล.อ.ประยุทธ์” จะเผชิญวิบากกรรมอันตราย บ๊วยมีโอกาสติดคอ ต้องหลุดจากศูนย์อำนาจ

แต่เหล่ากองเชียร์ “ลุงตู่” ก็พากันหายจิตตก เมฆหมอกที่ดำมืดกลับสว่างโร่ เมื่อ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าภูมิใจไทย ออกมาการันตี รับประกันคุณภาพ ในงานครบรอบปีที่ 13 พรรคว่า

“ไม่ว่ารัฐบาลจะมีอุปสรรคใด ไม่ว่าสภาจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่สภาชุดนี้จะอยู่ครบวาระ ถึงวันที่ 22 มีนาคม 2566 ครบ 4 ปี เราทำงานมาเข้าปีที่ 4 แล้ว เราจะไม่พูดว่าสภาหรือรัฐบาลเป็นอย่างไร เรามีหน้าที่ทำงาน”

“พูดแล้วต้องทำให้เกิดผลสำเร็จกับประชาชน ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่ ต้องทำให้สำเร็จ อีก 11 เดือนต่อจากนี้ คงไม่ลากไปนานกว่านี้แล้ว ต้องมีเลือกตั้งใหม่ เราก็พร้อมขับเคลื่อนนโยบายคู่ขนานไป”

ภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” ไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว แต่เป็นพรรคร่วมลำดับที่ 2 ตอนเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 ได้รับเลือกมีผู้แทนฯ เข้าสภาทั้ง 2 ระบบ 51 คน แต่เป็นพรรคที่มากไปด้วยความสามารถ จับปลาในอ่างข้างๆ บ้าน มี ส.ส.งอกเพิ่มมาอย่างเป็นทางการขณะนี้ 62 เสียง แถมฝากเลี้ยง “งูเห่า” เอาไว้อีกฝูงใหญ่ ตัวเลขกลมๆ ทั้งที่มองเห็นและไม่เห็น แต่นำมายกมือสนับสนุนได้ มีมากถึง 77 เสียง

ภูมิใจไทยจึงมิต่างกับฐานที่มั่นใหญ่สุดของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ไปแล้วในเวลานี้ เมื่อ “ขาใหญ่” คอนเฟิร์มไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

 

ขณะที่ “ภูมิใจไทย” ดีงามน้ำลายไหล เป็นสุดยอดกัลยาณมิตร ประกาศอุ้ม “บิ๊กตู่” ถึงฝั่ง ในทางกลับกัน “พรรคพลังประชารัฐ” ต้นสังกัดที่เป็นผู้ปั้นดาว มันยังไงกันแน่

ผลการประชุมใหญ่ที่ขนคณะไปจัดไกลถึงโรงแรมเซ็นเตอร์พอยท์ เทอร์มินอล 21 นครราชสีมา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่ในฐานะหัวหน้าพรรค โชว์วิสัยทัศน์ ตรงกันข้ามกับ “ลุงป้อมคนเก่า” อย่างสิ้นเชิง ปกติดอกพิกุลร่วงแค่ “ไม่รู้” จนเป็นประโยคเชิงสัญลักษณ์ประจำตัว แต่งวดนี้ร่ายยาวราว 30 นาที ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค เกือบไม่มีอะไรเกินคาดหมาย “สันติ พร้อมพัฒน์” เป็นเลขาธิการ “นายวิรัช รัตนเศรษฐ-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-ไพบูลย์ นิติตะวัน-ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” เป็นรองหัวหน้าพรรค โดยที่ “นายสุชาติ ชมกลิ่น” เป็นผู้อำนวยการพรรค

ที่ตื่นเต้นเร้าใจอยู่บ้างก็กรรมการบริหารพรรค ที่ “ลุงป้อม” เสริมใยเหล็ก แทนชุด “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่ขนคณะออกไป ดึงนายทหารคนสนิทมาลุยถั่ว เช่น “พล.อ.ธัญญา เกียรติศาร” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 “พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์” อนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ

อีก 2 คน “พรชัย ตระกูลวรานนท์” กับ “วิเชียร ชวลิต” คนหลังถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำดีที่มาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อจากกลุ่มสี่กุมาร ที่ยังเหลืออยู่ การที่ “พล.อ.ประวิตร” หยิบมาใช้งาน ถือว่าถูกต้องแล้ว

ประเด็นก็คือ การจัดแถว พปชร.ล็อตล่าสุด ถือว่า “ลุงป้อม” เขี้ยวลากดิน รอบจัด นี่คือ “การควบคุม”

เพราะเด็กในคาถา หน่วยกล้าตาย “สายแข็ง” ที่ “น้องตู่” ส่งมาประจำการ เป็นต้นว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะไม่มีตำแหน่งแห่งหนในการจัดทัพใหม่ เลยชิงไขก๊อกไปล่วงหน้า

“บิ๊กป้อม-สันติ” ประกาศฝันกลางวันว่า เลือกตั้งรอบใหม่ “พปชร.” จะกวาด 150 ที่นั่ง

จริงหรือฝันไม่สำคัญ เท่ากับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หากรอดสันดอนแล้วลงเลือกตั้งได้รอบใหม่

ต้องบัญชีชื่อ “พปชร.” เจ้าเดียว พรรคสำรองอื่นๆ ปลาซิว ปลาสร้อย

“น้องตู่” ต้องมาเป็นตัวประกันที่ พปชร. “พี่ป้อม” กำหนดเกม