อาคันตุกะ ชุดเขียว ปรากฏ เงาร่าง อย่างลึกเร้น พร้อม ‘หัตถ์อสูรเขียว’/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

อาคันตุกะ ชุดเขียว

ปรากฏ เงาร่าง อย่างลึกเร้น

พร้อม ‘หัตถ์อสูรเขียว’

 

การมาของ “คนอาภรณ์เขียว” เป็นการมาในสถานการณ์ที่ลี้คิมฮวงกำลังเผชิญหน้ากับยี่นึ้งหน้าม่วง ซุนคุ้ย

นี่ย่อมเป็นฉากหนึ่งอันมากด้วย “อลังการ” งานสร้าง

แม้กระทั่งจอมยุทธ์ซึ่งเคี่ยวกรำอย่างยิ่งอยู่ในยุทธจักรถึงกับใจหายวาบ หันขวับกลับไปพลันพบว่าหน้าประตูห้องครัวไม่ทราบยืนไว้ด้วย “คนชุดเขียว” ผู้หนึ่งตั้งแต่เมื่อใด

สองมือมันไพล่หลังเดินเข้ามาอย่างปลอดโปร่งทอดถอนใจพึมพำ

“คนผู้หนึ่งคิดแพร่พิษในสุราของปีศาจสุรา อย่างนั้นไม่ว่าเรื่องราวที่โง่เขลาปานใดเกรงว่ามันล้วนกระทำได้ ท่านว่าใช่หรือไม่”

คำพูดสุดท้ายหันไปถามลี้คิมฮวง

ลี้คิมฮวงพลันพบว่า คนผู้นี้กลับมีดวงตาที่สวยซึ้งคู่หนึ่ง ไม่รับกับใบหน้าของมันจริงๆ นั่นคล้ายกับเป็นไข่มุก 2 ลูก ฝังอยู่บนสุกรที่ตายแล้ว

นั่นเพราะว่าที่อยู่บนใบหน้าของ “คนชุดเขียว” เป็น “หน้ากาก”

 

การเปิดตัว “คนชุดเขียว” ภายใต้กระบวนการอันแยบยลของ “โกวเล้ง” มากด้วย “ท่วงท่า” ค่อยๆ แย้ม ค่อยๆ ตั้งข้อสังเกต

แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างสูงกลับเป็น “วิชายุทธ์”

โดยเฉพาะเมื่อยี่นึ้งหน้าม่วง ซุนคุ้ย คำรามด้วยโทสะ ในเสียงคำรามพลันจู่โจมใส่คนชุดเขียว 3 หมัด เป็น 3 หมัดอันหนักหน่วงดุดัน

กระแสลมหมัดดังครืนครั่น

ไม่ว่าผู้ใดประเมินจากพลังฝึกปรือไม่ต่ำกว่า 20 ปี 3 หมัดนี้แม้ไม่แน่ว่าจะป่นศิลาเป็นผุยผงได้ แต่หากคิดต่อยศีรษะผู้คนให้แหลกเละ

ยังเหลือเฟือ เกินพอ

คนชุดเขียวทั้งไม่ปิดป้อง ทั้งไม่หลบหลีก เพียงสะบัดมือวูบหนึ่ง เป็นการลงมือไล่หลังชัดๆ แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด หมัดของยี่นึ้งหน้าม่วง ซุนคุ้ย ไม่ทันกระทบอาภรณ์ของคนชุดเขียว

ฝ่ามือของคนชุดเขียวก็ตบใส่ใบหน้า

 

ตามสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง บรรยายว่า มันเพียงตบเบาๆ ไปฉาดเดียวเท่านั้น แต่ซุนคุ้ยกลับคำรามราวสุนัขถูกเชือด

กระเด็นไป ร่วงหล่นอยู่กับพื้น

รอจนมันตะเกียกตะกายหมายลุกขึ้น แก้มข้างซ้ายก็บวมสูงร่วมครึ่งเชียะ แดงจนแทบกลายเป็นม่วง ในสีม่วงยังมีประกายสุกใส

กระทั่งนัยน์ตายังถูกเบียดจนเลื่อนอยู่ด้านข้างแล้ว

ใบหน้าซีกที่ไม่บวมของซุนคุ้ยเผือดขาว ไม่มีสีเลือดสักน้อยนิด กล้ามเนื้อกระตุกถี่เร็ว เน้นกับอีกข้างหนึ่งซึ่งบวมสูงชาด้าน

สารรูปนั้นนับว่าบิดเบี้ยว อำมหิต จนน่ากลัว

นัยน์ตาที่เหลือเพียงข้างเดียวของมัน ยิ่งเหลือกลานด้วยประกายแตกตื่น ขวัญเสีย เหม่อมองดูมือข้างนั้นของคนชุดเขียว แผดร้องขึ้นสุดเสียง

“มือของท่าน มือของท่าน”

 

แม้ น.นพรัตน์ จะถอดความออกมาว่า คนชุดเขียวเพียงสะบัดฝ่ามือตบเบาๆ ราวกับตบแมลงวัน ยี่นึ้งหน้าม่วงกลับส่งเสียงคำรามราวสุกรถูกเชือด

หงายร่างตีลังกา ร่วงฟาดกับพื้น

มองไปยังบนมือของคนชุดเขียว สวมถุงมือเหล็กสีเขียวหม่นอยู่คู่หนึ่ง เป็นลักษณะที่เทอะทะขัดตา แต่สีสันของมันทำให้ผู้พบเห็นต้องขนลุกเกรียวขึ้นมา

แววแตกตื่นพรั่นพรึงในดวงตาของยี่นึ้งหน้าม่วง แปรเปลี่ยนเป็นท้อแท้หมดอาลัย

สุ้มเสียงยิ่งมา ยิ่งอ่อนล้า “เราที่แท้ก่อกรรมอันใดกลับลิขิตให้เราในวันนี้เผชิญกับแชม้อชิ่ว (มืออสูรเขียว) ลี้ ลี้ท้ำฮวย ท่านเป็นผู้มีใจกุศลวิงวอนท่านฆ่าเราเถอะ รีบฆ่าเราเถอะ”

ลี้ชิมฮัวยังคงนั่งแน่วนิ่งไม่เคลื่อนไหว

สายตาจ้องจับที่มือทั้งสองของคนชุดเขียว เพียงแต่ใช้ปลายเท้าเขี่ยทวนสายโซ่ครึ่งท่อนข้างมือของยี่นึ้งหน้าม่วง ซุนคุ้ย มันกระเสือกกระสนเก็บทวนสายโซ่ขึ้น

“ขอบคุณท่าน ขอบคุณท่าน เราแม้ตายก็ไม่ลืมคุณความดีของท่าน”

 

ยี่นึ้งหน้าม่วง ซุนคุ้ย ตายไปด้วยความคับแค้นเป็นเพราะอาวุธสุดพิสดารที่เรียกขานกันว่า “หัตถ์อสูรเขียว” (แชม้อชิ่ว)

รากฐานความเป็นมาของอาวุธนี้เป็นอย่างไร

“บู๊ลิ้มกอปรด้วย 7 พิษ สุดอำมหิตคือ มืออสูรเขียว คำกล่าวนี้ดูไปหาได้ประโคมเกินความจริงไม่” เป็นคำตอบจากลี้ชิมฮัว

คนชุดเขียวก็มองดูมือทั้ง 2 ของมัน ทอดถอนใจออกมา

“ผู้อื่นบอกว่า คนที่ถูกมืออสูรเขียวทำร้ายมีชีวิตมิสู้ตกตาย เพียงหวังตกตาย ยิ่งเร็วยิ่งดี นับว่าไม่ได้ประโคมเกินความจริง”

“ท่านสมควรทราบ มืออสูรเขียวนี้เป็นอีเข่าขุดหาจากยอดของโลหะที่ดีที่สุด แช่ชุบร้อยพิษ หลอมสร้างเป็นเวลา 7 ปี ค่อยสำเร็จเสร็จสิ้น กล่าวได้ว่าเป็นอาวุธที่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง”

ใน “ตำราอาวุธ” (เปียขี่โพ้ว) ของแป๊ะเฮี่ยวเซ็ง จัดแชม้อชิ่วให้อยู่ในอันดับ 9

แต่ในความรับรู้ของลี้ชิมฮัว ไม่เพียงแต่สามารถยืนยันได้ว่า “คนชุดเขียว” มิใช่ “อีเข่า” ทั้งยังสามารถระบุด้วยความมั่นใจยิ่งว่า

“อีเข่าไม่มีศิษย์”

 

นี่ย่อมเป็นปริศนา ไม่เพียงแต่จะเข้าใจว่า “คนชุดเขียว” เป็นใครเท่านั้น หากยังอยู่ที่ว่ามันได้ “หัตถ์อสูรเขียว” (แชม้อชิ่ว) มาอยู่ในความครอบครองได้อย่างไร

ทั้งยังหาญกล้าที่จะนำเอา “หัตถ์อสูรเขียว” มาแลกกับ “เกราะใยทอง กิมซีกะ”

“อย่างนั้น หากข้าพเจ้ามอบ แชม้อชิ่ว คู่นี้แก่ท่าน ท่านยอมมอบ กิมซีกะ แก่ข้าพเจ้าหรือไม่”

ลี้คิมฮวงเงียบงันชั่วครู่ มองดูมีดสั้นในมือ

“มีดสั้นของข้าพเจ้านี้เป็นช่างเหล็กธรรมดาใช้เวลา 3 ชั่วยามก็ตีสำเร็จ แต่ในตำราอาวุธที่แป๊ะเฮี่ยวเซ็งวิจารณ์ไว้ เซี่ยวลี้ปวยตอกลับอยู่ในอันดับ 3”

คนชุดเขียวพลันล้วงกล่องแบนยาวออกจากอกเสื้อ

วางกล่องลงกับโต๊ะอย่างระมัดระวัง ใช้มือที่สวมถุงเหล็กเปิดฝากล่อง พลันมีประกายกระบี่เย็นยะเยียบพวยพุ่งออกมาเสียดผิวกาย

ในกล่องดำมะเมื่อมถึงกับเป็นกระบี่สั้นที่มีประกายเจิดจ้า บาดตา

การมาของ “คนชุดเขียว” จึงไม่เพียงแต่มาพร้อมกับ “หัตถ์อสูรเขียว” หากยังมี “กระบี่สั้น” อันเปล่งประกายเจิดจ้า

แท้จริงแล้ว “คนชุดเขียว” เป็นใคร มี “เป้าหมาย”อย่างไร