เชียร์รัสเซีย-ต้านสหรัฐ/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

เชียร์รัสเซีย-ต้านสหรัฐ

 

โดยภาพรวมแล้ว ปฏิกิริยาของคนทั่วโลกต่อสงครามที่รัสเซียบุกถล่มยูเครนนั้น มีหลักการชัดเจนคือคัดค้านการใช้อำนาจใช้ความรุนแรงเข้าตัดสินปัญหาความขัดแย้ง สนับสนุนการพูดคุยเจรจาเพื่อแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี เพราะสงครามนำมาซึ่งความสูญเสียต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ บ้านเรือนพังพินาศ ต้องอพยพหลบหนีอย่างน่าเศร้าสลด

ทั่วโลกจึงพากันคว่ำบาตรรัสเซีย ในทุกแวดวง เศรษฐกิจการค้า กีฬา บันเทิง

ส่วนในไทยเรา มีทั้งเชียร์และต้านรัสเซีย โดยชัดเจนว่ากลุ่มขวาจัด หรือพวกอนุรักษนิยมการเมือง แห่กันออกมาสนับสนุรัสเซียกันยกใหญ่ อ้างว่ายูเครนเป็นเครื่องมือของสหรัฐและชาติตะวันตก เพื่อคุกคามรัสเซีย จึงเป็นเหตุให้ปูตินต้องใช้กำลังทหารเข้าจัดการ เพื่อปกป้องรัสเซีย

ส่วนฝ่ายที่ต่อต้านการใช้สงครามของรัสเซีย ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า ปัญหาระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียนั้นซับซ้อน เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่นำมาสู่สงครามบุกยูเครน เพียงแต่ไม่ว่าจะมีที่มาเช่นไรก็ตาม ต้องแก้ปัญหาโดยไม่ใช้สงคราม ซึ่งจะนำความสูญเสียต่อชีวิตมนุษย์อย่างมากมาย

พูดง่ายๆ ว่า คนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับรัสเซีย มีหลักสันติวิธี หลักมนุษยธรรม เป็นฐานความคิด

ส่วนคนไทยที่เชียร์รัสเซีย เชื่อมโยงกับแนวคิดทางการเมือง โดยพวกขวาจัดนั้น สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีพื้นฐานมาจากทหารจากกองทัพ ร่วมกวักมือเรียกให้ พล.อ.ประยุทธ์ก่อรัฐประหารเมื่อปี 2557 ด้วย ชอบการใช้อำนาจจัดการการเมือง

ฝ่ายขวาในไทย ไม่สนับสนุนประชาธิปไตย ต้องการการเมืองที่กองทัพเป็นผู้กุมอำนาจ เพื่อจัดการกับพวกคิดต่างให้เด็ดขาด ไม่ชอบการเมืองในยุคที่พรรคการเมืองเรืองอำนาจ เพราะกลัวทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาใหญ่ กลัวทักษิณจนขึ้นสมอง

อีกทั้งการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในช่วงสองสามปีมานี้ เป็นกระแสที่รุนแรง กระทบต่อโครงสร้างสังคม และทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์สั่นคลอนอย่างหนัก

กระแสความคิดของคนรุ่นใหม่ ต้องการรัฐเสรีประชาธิปไตย รัฐสวัสดิการ ท้าทายสังคมแนวอนุรักษนิยมล้าหลังอย่างมาก

ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองไทย ตีความว่าเป็นแนวคิดของชาติตะวันตก จนคิดไปไกลว่าชาติตะวันตก สหรัฐ หนุนหลังม็อบ 3 นิ้ว จึงเริ่มแอนตี้ตะวันตกกันหนักในหมู่ฝ่ายขวาไทย

ระยะหลังเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลประยุทธ์ กลุ่มขวาในไทย เริ่มแสดงท่าทีชื่นชอบรัฐแบบจีน ด้านหนึ่งเพราะเป็นรัฐเผด็จการ รัฐมีอำนาจเด็ดขาด มีเด็กรุ่นใหม่ในฮ่องกงท้าทาย ก็จัดการแบบไม่มีประนีประนอม

รวมทั้งชื่นชมและสนับสนุนชาติแบบจีนและรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกมหาอำนาจที่ตรงข้ามสหรัฐและตะวันตก

 

อีกปมปัญหา ที่ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองไทยต่อต้านสหรัฐและชาติตะวันตก เนื่องจากนโยบายของกลุ่มประเทศในขั้วนี้ เน้นสนับสนุนประชาธิปไตย ไม่ยอมรับการรัฐประหารและรัฐเผด็จการทหาร ซึ่งมีผลกระทบต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่ก่อรัฐประหารใหม่ๆ เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557

ทำให้ฝ่ายขวาไทย ที่หนุนรัฐประหาร หนุนรัฐบาลทหาร พากันชิงชังสหรัฐและชาติตะวันตกอย่างมาก

โดยเฉพาะสหรัฐนั้น ได้เปลี่ยนนโยบายต่างประเทศ จากอดีตยุคเป็นผู้นำโลกเสรีต่อสู้กับโลกคอมมิวนิสต์ในอดีต มาสู่ยุคหนุนประชาธิปไตย ต้านรัฐทหารเผด็จการในปัจจุบัน

ในยุคที่สหรัฐใช้ยุทธศาสตร์เป็นผู้นำโลกเสรีต้านโลกคอมมิวนิสต์นั้น เป็นยุคที่เคยแนบแน่นกับขุมอำนาจในไทยอย่างมาก พูดง่ายๆ ว่าสมัยก่อนสหรัฐครอบงำรัฐบาลไทยอย่างเต็มตัว ในช่วงที่มองว่าไทยเป็นศูนย์กลางในการต่อต้านอิทธิพลพลคอมมิวนิสต์ในย่านนี้

เดิมทีสหรัฐอยู่เบื้องหลังรัฐบาลฝ่ายขวาในเวียดนาม ลาว กัมพูชา และไทย

จนสงครามคอมมิวนิสต์ปะทุหนักในอินโดจีน และสุดท้ายพรรคคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะ ทั้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ในปี 2518 ในช่วงนั้นสหรัฐยิ่งปกป้องไทยอย่างสุดกำลังเพื่อไม่ให้พรรคคอมมิวนิสต์ไทยได้รับชัยชนะไปอีกประเทศ

ขณะนั้นขบวนการนักศึกษาไทย ที่เติบโตจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เคลื่อนไหวขับไล่อิทธิพลอเมริกาในไทยอย่างหนัก ขับไล่ฐานทัพของสหรัฐ ที่มีอยู่มากมายในไทย ใช้เป็นฐานส่งกำลังไปรบในเวียดนาม ลาว กัมพูชา

ฝ่ายขวาไทยในสมัยนั้น ออกมาปกป้องสหรัฐและฐานทัพอเมริกาอย่างเข้มข้นเช่นกัน

สุดท้ายสหรัฐยอมถอนฐานทัพไปจากไทย แต่ก็เกิดแผนลับในกลุ่มฝ่ายขวาไทย เพื่อกวาดล้างนักศึกษา เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพื่อจะปราบนักศึกษาและซ้ายไทยให้สิ้นซาก

จนกระทั่งหลังปี 2520 เกิดความขัดแย้งในโลกคอมมิวนิสต์ จนทำให้กระแสคอมมิวนิสต์เริ่มล่มสลาย แม้แต่ในไทยเอง ส่งผลให้พรรคคอมมิวนิสต์ไทยและการสู้รบในป่าระส่ำระสาย พอกองทัพในยุคชาญฉลาด งัดนโยบาย 66/2523 ออกมาใช้ ทำให้คอมมิวนิสต์ไทยล่มสลายในที่สุด พร้อมกับกระแสคอมมิวนิสต์ทั่วโลกที่เริ่มหมดสภาพไป

เมื่อโลกคอมมิวนิสต์ล่มสลาย ทำให้รัฐบาลสหรัฐปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และนโยบาย ไม่ใช่ผู้นำโลกเสรีสู้กับโลกคอมมิวนิสต์อีกต่อไป

เปลี่ยนเป็นผู้นำประชาธิปไตยต่อต้านรัฐเผด็จการ

ทำให้ฝ่ายขวาไทยที่เคยปกป้องอิทธิพลอเมริกาในไทย เริ่มเปลี่ยนเป็นต่อต้านสหรัฐ เพราะดันไปหนุนรัฐประชาธิปไตย

แล้วขวาไทยก็เอนเอียงมาทางจีนและรัสเซียอย่างสุดตัว เพราะชอบเผด็จการและอำนาจนิยม!

 

จะเห็นได้ว่า ในยุคสหรัฐต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ได้ผูกสัมพันธ์แนบแน่นและมีอิทธิพลเหนือผู้มีอำนาจในไทยและกองทัพไทยอย่างเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายนักศึกษาประชาชน ฝ่ายซ้ายไทย ต่อต้านสหรัฐอย่างสุดเหวี่ยง ส่วนขวาไทยก็เชียร์สหรัฐสุดจิตสุดใจ

พอโลกเปลี่ยน สหรัฐเปลี่ยนยุทธศาสตร์

กลายเป็นว่าการต่อสู้ของนักศึกษาไทยคนรุ่นใหม่ และฝ่ายเสรีประชาธิปไตย สอดคล้องกับทิศทางนโยบายของสหรัฐและชาติตะวันตก

ทำให้ฝ่ายขวาไทยหันมาแอนตี้สหรัฐและยุโรป แล้วหันไปนิยมชาติคอมมิวนิสต์เช่นจีน และชาติที่มีผู้นำผูกขาดถนัดอำนาจนิยมเช่นรัสเซีย ซึ่งเป็นขั้วมหาอำนาจที่ตรงข้ามกับสหรัฐ

ดังนั้น ในสงครามรัสเซียบุกยูเครน ฝ่ายขวาไทยจึงพากันเชียร์รัสเซีย เพราะมองว่าการบุกยูเครน คือการริดอิทธิพลนาโต

กระแสเชียร์รัสเซียในหมู่ขวาจัดไทย ยังลามเข้าไปยังสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ถึงขั้นไปพูดคุยกับสถานทูตรัสเซีย และเตรียมนำข่าวฝั่งรัสเซียมาเผยแพร่ในช่อง 5

ทำให้รัฐบาลไม่สบายใจ เพราะเกรงจะทำให้ฝ่ายตะวันตกมองไทยอย่างสงสัย ยิ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของกองทัพอีกด้วย

สุดท้ายจึงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงใน ททบ.5 ผู้อำนวยการสถานีต้องลาออก

ปัญหาในสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ก็คือ ภาพสะท้อนอารมณ์และความเคลื่อนไหวของฝ่ายขวาในไทย ที่เอนเอียงรัสเซีย แต่บังเอิญรัฐบาลประยุทธ์ยังไม่อยากมีปัญหากับสหรัฐและตะวันตก ก็เลยต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

สงครามรัสเซียและยูเครน จึงเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงความคิดและความขัดแย้งภายในสังคมไทยเอง

สังคมที่มีกระบวนการ 2 ความคิด ต่อสู้กันมาตลอด

จากยุคขวาพิฆาตซ้าย ในช่วงปี 2516-2519 มาสู่ยุคเสื้อเหลืองก็คือขวาจัดในโฉมใหม่ กับเสื้อแดงฝ่ายประชาธิปไตยและต่อต้านสังคมเหลื่อมล้ำสังคมชนชั้น มาสู่ยุคนกหวีด สลิ่ม กับอีกฝ่ายคือคนรุ่นใหม่ เสรีประชาธิปไตย

ตอนนี้แสดงออกเป็นการเชียร์รัสเซียต้านสหรัฐ กับฝ่ายต่อต้านการใช้สงครามของรัสเซีย!