ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 เมษายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุจิตต์ วงษ์เทศ
ไฟไหม้ ‘โรงละครศิลปากร’
และพระที่นั่งศิวโมกข์
ไฟไหม้ “โรงละครศิลปากร” ราว 62 ปีมาแล้ว (นับถึง พ.ศ.2565) ตอนกลางคืน 23.45 น. ของวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2503 ผมไปช่วยขนของหนีไฟไหม้ครั้งนั้นโดยไม่เคยรู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นอะไร? สำคัญอย่างไร?
“โรงละครศิลปากร” (สมัยนั้นไม่เรียกโรงละครแห่งชาติ) เป็นอาคารไม้ หลังคามุงสังกะสี ใกล้ชิดติดกับพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร [ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอาคารดำรงราชานุภาพ ด้านติดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]
ลูกเสือดับเพลิง
พ.ศ. 2503 ผมอายุราว 15-16 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.6 (เทียบกับปัจจุบัน ม.4) โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ (ใกล้สะพานมัฆวาน และใกล้กระทรวงศึกษาธิการ) เป็น “ลูกเสือดับเพลิง” เพราะเป็นคนหนึ่งในหลายคนได้รับคัดเลือกจากโรงเรียนไปฝึกการดับเพลิงเบื้องต้น (ฝึกกับนายตำรวจชื่อศักดิ์ระพี ปรักกะมกุล) ที่สถานีตำรวจดับเพลิง พญาไท (ใกล้โรงพยาบาลสงฆ์)
9 พฤศจิกายน พ.ศ.2503 ผมเป็น “เด็กวัด” (อนาถา) อยู่วัดเทพธิดาราม (ประตูผี) ขณะนั้นราว 5 ทุ่มกว่าๆ เตรียมตัวเข้านอน (กางมุ้งนอนริมระเบียงโบสถ์ ทำหน้าที่เฝ้ายามร่วมกับ “เด็กวัด” คนอื่นๆ คอยไล่ผู้ร้ายลอกทองเปลวจากประตูหน้าต่างโบสถ์ไปขายเอาเงินซื้อเฮโรอีนที่เพิ่งเริ่มแพร่หลาย) แต่ได้ยิน “เสียงหวอ” รถดับเพลิงแล่นไปทางสนามหลวง
เลยวิ่งออกจากวัดตามเสียง “รถหวอ” และตามแสงไฟสีแดงทาบท้องฟ้า (ตามสัญชาตญาณที่เคยฝึกมาและเคยทำจริงแล้วหลายครั้งที่มีไฟไหม้บ่อยๆ ในกรุงเทพฯ) เมื่อถึงสนามหลวงจึงวิ่งลัดสนามตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในอาคารใหญ่อยู่ใกล้กับบริเวณไฟไหม้ เสียงดังและแรงร้อนระอุของไฟไหม้ แต่มีน้ำโกรกไหลจากเพดานเหมือนห่าฝนอันมาจากรถน้ำฉีดดับไฟ
คนกลุ่มหนึ่งกำลังแบกขนสิ่งของขนาดใหญ่ ไฟมืดมองไม่เห็น ผมเข้าไปช่วยขนด้วยการลอดแขนกลุ่มผู้ใหญ่แล้วยกแขนของตัวเองทั้งคู่พ้นหัวเอาสองมือค้ำยันของใหญ่นั้น เมื่อสัมผัสของจริงจึงรู้ว่าเป็นแท่งหิน แล้วค่อยๆ เดินตามแห่ออกไปข้างนอกอาคาร พอพ้นตัวอาคารผมก็กลับเข้าไปในอาคารอีกครั้ง ช่วยเขาขนของอย่างอื่นจนไฟราผมก็เดินกลับวัดไปซุกหัวนอนในมุ้งที่กางไว้ริมระเบียงโบสถ์
วันต่อมานั่งรถเมล์ผ่านสถานที่ไฟไหม้ เห็นเจ้าหน้าที่เอาสิ่งของเปียกน้ำที่ฉีดดับไฟออกไปวางผึ่งแดดให้แห้งเต็มสนาม เมื่อมองเห็นป้ายราชการจึงรู้ว่าเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร” แต่ที่แล้วมาไม่เคยรู้จัก จึงไม่เคยเข้าไปดูสิ่งของในพิพิธภัณฑ์
อีก 4 ปีต่อมา สอบเอ็นทรานซ์ผ่านเข้าเป็นนักเรียนคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร (โดยไม่เคยรู้จักคณะนี้และมหาวิทยาลัยนี้ จึงไม่รู้มาก่อนว่าเรียนอะไร?) มีวิชาวาดเส้น เรียนกับ อ.จำรัส เกียรติก้อง ต้องไปเรียนวาดของจริงจากโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ถึงเริ่มรู้จักพิพิธภัณฑ์จริงๆ ครั้นหลังจากนั้นเริ่มรู้เกี่ยวกับโรงละครศิลปากรและตำนานครูเหนี่ยว ดุริยพันธุ์ ร้องเพลงสมิงพระรามลาเมีย ประกอบละครราชาธิราช ในโรงละครศิลปากรที่ถูกไฟไหม้
นอกจากนั้น ครูเสรี หวังในธรรม ยังบอกในวงเหล้าเกี่ยวกับวีรกรรมโคนต้นมะขามสนามหลวงของครูเหนี่ยว ดุริยพันธุ์ ซึ่งบันเทิงเป็นอันมาก
เพิ่งรู้จากแหล่งข้อมูลของพิพิธภัณฑ์ว่ามีภาพเก่า “โรงละครศิลปากร” และเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อ 2503 เลยรวบรวมมาพิมพ์แบ่งปันไว้ตรงนี้ •