เก่าสู่ใหม่ Old to อิ๊งกับการทวงคืน 14 ล้านเสียง | บทวิเคราะห์การเมือง

ขยับใกล้การมีชื่ออยู่ในบัญชี “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” พรรคเพื่อไทย

สำหรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลานสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

กับสถานะใหม่ล่าสุด “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”

ก้าวแรก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เริ่มจากการเข้ารับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

ด้วยการเปิดตัวสุดเซอร์ไพรส์ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย จ.ขอนแก่น ภายใต้แคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564

เปิดตัวครั้งนั้น ทำให้อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ถูกจับจ้องจากบุคคลในแวดวงการเมือง และประชาชนในสังคมทั่วไป

ส่วนหนึ่งอาจเพราะ “อุ๊งอิ๊ง” คือลูกสาว “ทักษิณ” คือหลานสาว “อาปู”

ทำให้การขยับเข้าคลุกวงในการเมืองเต็มตัวถูกมองเป็น “ไพ่เด็ด” พรรคเพื่อไทยสืบสายต่อจากพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน

การเข้ามาของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ยังเสมือนสะพานเชื่อมต่อคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานการเมือง

“ตอนนี้หมดยุคของเราแล้ว เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถเยอะ ส่วนตัวอายุ 50 กว่าแล้ว อย่างไรก็ตาม ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับประชาชน เราจะบอกเองว่าจะเอาใครมาเป็นนายกฯ ไม่ได้ ต้องฟังเสียงประชาชนว่าเขาอยากให้ใครมาบริหารประเทศ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวตอบระหว่างไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊ก ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ต่อคำถามที่ว่าอยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหรือไม่

ภายใต้เป้าหมายใหญ่พรรคเพื่อไทยในการกลับมาเป็นรัฐบาล ทุกอย่างยังต้องรอจังหวะช่วงเวลาอันเหมาะสม

การปรากฏตัวของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ทั้งในวงประชุม ส.ส.พรรค และการนำทีม ส.ส.หญิงจัดกิจกรรม “นิทรรศกีเพื่อผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า” จึงเสมือนเป็นการชิมลาง

ท่ามกลาง “รุ่นเก๋า” ในพรรค ไม่ว่า นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และนายภูมิธรรม เวชยชัย ผู้ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ประคองช่วงเปลี่ยนผ่านจาก “เก่า” สู่ “ใหม่”

ยิ่งสัญญาณเลือกตั้งครั้งใหม่ถูกปล่อยออกมาถี่ยิบเท่าไหร่ การเตรียมพร้อมของพรรคเพื่อไทยกับบทบาทใหม่ของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ยิ่งมีสีสันน่าจับตามากขึ้นเท่านั้น

ไม่เฉพาะความคาดหวังต่อผลการเลือกตั้ง “แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน”

ยังรวมถึงการเปิดตัว “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” และบทบาทของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร อีกด้วย

ก้าวสำคัญต่อมาของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร คือการปรากฏตัวเข้าร่วมกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม”

พร้อมได้รับมอบหมายจากพรรคให้เข้ารับหน้าที่ “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”

อีกโปรเจ็กต์ที่พรรคเพื่อไทยคิดใหม่ทำใหม่ เพื่อทำลายข้อจำกัดของประชาชนในการเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

ที่ปัจจุบันมีขั้นตอนการสมัครค่อนข้างยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายดำเนินการ ทำให้การมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนกับพรรคการเมืองห่างไกลกันออกไป

โปรเจ็กต์ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” เป็นการแก้ข้อจำกัดเหล่านี้ให้หมดไป

ทำให้ทุกอย่างในการมีส่วนร่วมของประชาชนกับพรรคการเมือง ง่ายขึ้นและไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย

การเป็นสมาชิกครอบครัว คล้ายกับการเป็นสมาชิกพรรค ตรงที่เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคได้ สามารถสะท้อนแนวคิดหรือนำเสนอนโยบายมายังพรรคได้

ที่ต่างกันคือ สมาชิกครอบครัวจะไม่ได้รับสิทธิ์ตามระบบพรรคการเมือง อาทิ การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. การเป็นกรรมการบริหารพรรค หรือการโหวตเลือกตำแหน่งสำคัญในพรรค เป็นต้น

นอกจากนี้ การที่พรรคเพื่อไทยเลือกพื้นที่เปิดตัว อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ในจังหวัดภาคอีสาน ทั้ง จ.ขอนแก่น ในการเป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เมื่อเดือนตุลาคม 2564

หรือพื้นที่ จ.อุดรธานี “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” ในการเข้ารับบทบาทหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตามหลักภูมิศาสตร์ทางการเมือง ถือเป็นยุทธวิธีสร้างความฮึกเหิมให้กับมวลชนฐานเสียงในภาคอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดง

ท่ามกลางคนรุ่นเก๋า อย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค

เวทีครอบครัวเพื่อไทย นำมาสู่การประกาศทวงคืน 14 ล้านเสียงในยุคพรรคไทยรักไทย ให้กลับมาเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งกับพรรคเพื่อไทย

เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย “แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน”

บทบาทและความท้าทายใหม่ของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ไม่ว่าในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม

นอกจากการวางรากฐานการเมืองในพรรคให้เข้มแข็งและเข้าถึงประชาชน

ครอบครัวเพื่อไทยยังถูกวางให้เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างให้เพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ดีกว่าเดิมหากต้องการชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์

น.ส.แพทองธารกล่าวบนเวที “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ตอนหนึ่งว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนแปลง ปรับตัวให้ทันความต้องการของประชาชนและสถานการณ์

เป้าหมายแรก สร้างการมีส่วนร่วมของคนแต่ละยุคเจเนอเรชั่นและหาจุดตรงกลาง เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ให้ทุกคนที่มีความคิดต่างกัน

เน้นแก้ไขปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เพิ่มมิติใหม่ คือการรักษาความเสมอภาคทางเพศและลดรายจ่ายของประชาชน

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เรายังมีนโยบายใหม่ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสม

เป้าหมายที่สองถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เราต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ ระบอบเผด็จการต้องหมดไป อาจเป็นเรื่องไกลตัว แต่ไม่ไกลเกินไป

ทุกคนต้องเตรียมความพร้อมไว้ เมื่อถึงเวลาเราต้องพร้อม

พรรคเพื่อไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้และเป็นแกนนำเพื่อสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นโยบายดีแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย

พรรคเพื่อไทยอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น จึงเป็นที่มาของโปรเจ็กต์ครอบครัวเพื่อไทย

พรรคไทยรักไทยเคยมีสมาชิกถึง 14 ล้านคน ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้ เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบและมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้การมีส่วนร่วมของประชาชนและพรรคห่างกันไปอีก

พรรคจึงสร้างกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมให้ประชาชนโดยไม่มีการผูกมัดใดๆ ไม่มีเงื่อนไขทางกฎหมายมาเกี่ยวข้อง เราอยากให้ทุกคนมาสมัครมากๆ

เพื่อให้บรรลุแลนด์สไลด์ตั้งรัฐบาล เพื่อขจัดความสิ้นหวัง

มาร่วมเป็นครอบครัวเพื่อไทยด้วยกัน เมื่อการเลือกตั้งมาถึง เมื่อถึงเวลา 14 ล้านเสียงของไทยรักไทยสมัยก่อน จะเกิดขึ้นอีกครั้งกับเพื่อไทยในวันนี้

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายเกี่ยวโยงกับประเด็นการพา “ทักษิณ” กลับประเทศด้วยหรือไม่

“การพาพ่อกลับบ้าน ไม่ใช่เป้าหมายหลัก วันนี้ปัญหาหลักของประเทศคือปากท้อง เศรษฐกิจและปัญหาของประชาชน ไม่ใช่ปัญหาของครอบครัวอิ๊ง เราควรโฟกัสตรงนั้น” น.ส.แพทองธารกล่าว

ส่วนตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น “ยุบสภาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”

สําหรับปฏิกิริยาพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะซีกฝั่งรัฐบาล

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า

เป็นเรื่องดี อย่าไปดูเพียงว่าเป็นลูกสาวนายทักษิณ ต้องมองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ความรู้ดี ครอบครัวก็ดีและมีความตั้งใจมารับใช้บ้านเมือง จึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะคนได้ประโยชน์คือประชาชน ที่จะมีตัวเลือกในการแข่งขันกันมากขึ้น

นายอนุทินยังมองว่าในอนาคต น.ส.แพทองธารมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะหากใครมีความสามารถ ตั้งใจทำเพื่อบ้านเมืองเป็นได้หมด

ส่วนการร่วมงานพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ให้เป็นเรื่องอนาคต ทุกอย่างจบที่ผลเลือกตั้ง

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธไม่วิจารณ์หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะกลับมาจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสินใจ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร เป็นทายาทอดีตนายกรัฐมนตรี มีความรู้ความสามารถ จึงเป็นเรื่องที่ดี การเมืองจะได้มีมิติใหม่ๆ เข้ามา

ฝั่งพรรคแกนนำอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มองว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกตั้ง และไม่กังวลทั้งเรื่องที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะแลนด์สไลด์ และการทวงคืน 14 ล้านเสียง

ส่วนในมุมของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มองว่า

การเข้ามาของ น.ส.แพทองธาร ชัดเจนว่าเพื่อไทยเป็นพรรคที่นายทักษิณยังสนับสนุน เพราะ น.ส.แพทองธารคือทายาทนายทักษิณ ที่จะมาทำงานการเมืองในนามนายทักษิณ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์นั้น

จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ประชาชน

อีกหนึ่งความเห็นน่าสนใจ แม้จะไม่เกี่ยวกับอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร โดยตรง เนื่องจากเป็นการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 มีนาคม แต่ก็เกี่ยวกับคนรุ่นใหม่

นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูบสภา กรณีคนรุ่นใหม่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย รัฐบาลควรฟังหรือมีทางออกอย่างไรว่า รัฐบาลต้องมองถึงอนาคต

คนแก่อย่างตนต้องรู้ว่าเวลาของเรามันหมดไปแล้ว ความจริงแล้วคนอย่างรุ่นของตนต้องอยู่ข้างนอกเวที เราอาจจะออกความเห็นนอกเวทีได้ แต่คนที่จะบริหารประเทศต้องเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว

ส่วนคนรุ่นใหม่จะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม แต่จะต้องเป็นคนมีความคิดใหม่ๆ จะนำความคิดเก่าๆ มาใช้ไม่ได้แล้ว

สปอตไลต์การเมืองจึงฉายจับไปที่ “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร”

ต่อบทบาทใหม่ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ไม่เพียงรับช่วงภารกิจคนรุ่นเก่า แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมต่อแฟนคลับทุกรุ่น ทุกเพศ ทุกวัย ผนึกฐานเสียงมวลชนคนเสื้อแดง มุ่งสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์

ทวงคืน 14 ล้านเสียง ล้างระบอบเผด็จการ พลิกขั้วตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ความทุกข์ยากของประชาชน

อันเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย

จากเก่าสู่ใหม่ “Old to อิ๊ง”