ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 มีนาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
หนึ่งเดือนของการรุกรานยูเครนผ่านไปโดยที่รัสเซียยังยึดเมืองหลวงของยูเครนไม่ได้เลย
และถ้ายอมรับว่ารัสเซียบุกยูเครนโดยวิธีปฏิบัติการสายฟ้าแลบ ( Blitzkrie) เพื่อยึดครองยูเครนให้เร็วที่สุด ระยะเวลาหนึ่งเดือนก็นานพอที่จะบอกว่าแผนการของรัสเซียไม่เป็นไปตามเป้าหมายเลย
หลักการของแผนปฏิบัติการสายฟ้าแลบคือการรบแบบผสมที่ยานเกราะเคลื่อนที่เร็วยึดพื้นที่ร่วมกับทหารราบ, ปืนใหญ่ และกำลังสนับสนุนทางอากาศ
แต่รัสเซียต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าที่กองทัพจะประชิดชานเมืองเคียฟที่ห่างจากชายแดนรัสเซียแค่ 12-13 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
รายงานจากสื่อที่ยังอยู่ในยูเครนและคลิปจำนวนมากชี้ว่ารัสเซียสูญเสียไม่น้อยในการรบภาคพื้นดิน
ยิ่งกว่านั้นคือ แม้ในการโจมตีทางอากาศที่รัสเซียอ้างว่ายึดน่านฟ้ายูเครนหมดแล้ว รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐและอังกฤษก็พูดตรงกันว่ารัสเซียยังไม่ได้ครองความเป็นใหญ่เหนือน่านฟ้ายูเครน
ประธานาธิบดียูเครนยืนยันจนปัจจุบันว่ารัสเซียไม่มีวันชนะยูเครน แต่เมื่อรัสเซียถล่มมาริอูปอลทุกวันสามสัปดาห์จนเมืองเป็นขี้เถ้า รัสเซียก็มีโอกาสเคลื่อนทัพใหญ่สู่เมืองหลวงยูเครนง่ายขึ้น เพราะมาริอูปอลคือเมืองหน้าด่านที่สกัดไม่ให้ทหารรัสเซียจากไครเมียและดอนบาสรวมเป็นสายเดียวกัน
เมื่อมาริอูปอลแตกก็เท่ากับรัสเซียยึดชายแดนยูเครนจากภาคใต้ถึงภาคตะวันออกได้หมด เมืองใหญ่ถัดไปคือดนิโปรก็ถูกรัสเซียระเบิดสนามบินไปแล้ว เคียฟซึ่งอยู่ทางเหนือก็ถูกล้อม โอเดสซาและมิโคเลียฟซึ่งเป็นหัวเมืองทางตะวันออกก็ถูกถล่ม
โอกาสที่ยูเครนจะสกัดรัสเซียจากนี้จึงไม่ง่ายเลย
ไม่มีใครรู้ว่าทหารรัสเซียตายในยูเครนกี่ราย ตัวเลขทางการระบุว่าไม่ถึง 500 ขณะที่ตัวเลขในสื่อรัสเซียที่ปูตินโปรดปรานจุดยืนโปรเครมลินอย่าง Komsomolskaya Pravda ระบุในวันที่ 20 มีนาคม ว่าทหารตาย 9,861 ซึ่งเท่ากับยุทธศาสตร์รัสเซียจะเน้นยิงโจมตีระยะไกลก่อนรบระยะประชิดอย่างแน่นอน
รัสเซียอ้างว่ารุกรานยูเครนเพราะไม่พอใจที่จะเป็นสมาชิกนาโต แต่หลังจากผู้นำยูเครนประกาศล้มเลิกการเป็นสมาชิกนาโตเพื่อให้รัสเซียถอนทหารและหยุดยิง รัสเซียกลับไม่มีท่าทีเจรจาหรือแม้แต่รับฟังข้อเสนอของยูเครนแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงการถอนทหารและการหยุดยิงจริงๆ
ธงของรัสเซียคือการบุกเคียฟและเปลี่ยนผู้นำเพื่อแยกประเทศยูเครน
เพราะตราบใดที่ผู้นำยังอยู่ โอกาสที่คนยูเครนจะต่อต้านรัสเซียก็ไม่จบ เพราะคนยูเครนในปี 2557 ก็เคยชุมนุมขับไล่ผู้นำหุ่นเชิดรัสเซีย
และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังมีการต่อต้านตามเมืองต่างๆ จนทหารรัสเซียต้องยิงขู่ให้ยุติชุมนุม
รัสเซียคือประเทศที่คิดว่าตัวเองเป็นจักรวรรดิ และไม่ว่าระบอบของจักรวรรดิจะเป็นรัฐราชวงศ์หรือคอมมิวนิสต์ หรือระบอบปูติน สิ่งที่จักรวรรดิคิดคือยูเครนก็เหมือนกับยุโรปตะวันออกอื่นๆ ที่เคยเป็นของจักรวรรดิและต้องอยู่ใต้อาณัติของจักรวรรดิไม่รู้จบ ต่อให้เป็นประเทศเอกราชแล้วก็ตาม
ปูตินเป็นนายกฯ และประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 1999 เขาอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว 23 ปี ยิ่งกว่านั้นคือปูตินแก้รัฐธรรมนูญให้ตัวเองเป็นประธานาธิบดีได้ถึงปี 2036 เท่ากับจะมีอำนาจราว 37 ปี ซึ่งนานกว่าพระเจ้าซาร์ที่เป็นกษัตริย์ 23 ปีก่อนคอมมิวนิสต์รัสเซียล้มเจ้า และนานกว่าสตาลินที่อยู่ในตำแหน่ง 30 ปี
รัสเซียคือจักรวรรดิที่มีปูตินเป็นจักรพรรดิซึ่งครองราชย์นานที่สุดในตวรรษ ประชาธิปไตยจึงเป็นสิ่งแปลกปลอมในระบอบนี้
พันธมิตรของรัสเซียในเวทีโลกจึงได้แก่ประเทศเผด็จการอย่างพม่า, ประเทศที่นายกฯ มาจากการรัฐประหารอย่างไทย หรือไม่ก็ประเทศที่มีสงครามกลางเมืองอย่างซีเรีย
ปูตินอ้างว่าบุกยูเครนเพราะไม่พอใจที่จะเป็นสมาชิกนาโต้ แต่ที่จริงปูตินไม่พอใจทุกชาติที่ชายแดนติดกันแต่เป็นอิสระจากรัสเซีย รัสเซียจึงมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับลิทัวเนียและลัตเวียเหมือนยูเครน แต่ดีมากกับเบลารุสและอาเซอร์ไบจาน
เพราะสองประเทศนั้นทำตัวเหมือนเมืองขึ้นรัสเซีย
รัสเซียอ้างว่าไม่ต้องการให้ยูเครนเป็นสมาชิกนาโตเพราะจะมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้คุกคามรัสเซีย แต่ลิทัวเนีย, ลัตเวีย และตุรกีก็เป็นสมาชิกนาโต, มีชายแดนติดรัสเซีย แต่ไม่มีประเทศไหนมีนิวเคลียร์ ประเด็นนิวเคลียร์จึงเป็นข้ออ้างที่รัสเซียใช้บุกยูเครนเพื่อควบคุมให้อยู่ใต้อำนาจรัสเซียเท่านั้นเอง
ยูเครนเป็นประเทศใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป และสิ่งที่ทำให้รัสเซียไม่พอใจยูเครนมากที่สุดคือการเป็นประเทศประชาธิปไตยขนาดใหญ่ใกล้รัสเซียซึ่งประชาชนแสดงออกผ่านการเลือกตั้งว่าไม่ต้องการอยู่ใต้รัสเซียหรือผู้นำที่รัสเซียเชิด ปูตินจึงต้องทำลายยูเครนไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อไป
สงครามยูเครนเป็นสงครามที่ไม่มีทางออก เพราะรัสเซียต้องการมีอำนาจเหนือดินแดนที่คนส่วนใหญ่ต่อต้านรัสเซียขั้นรวมตัวขับไล่ทหารที่ถืออาวุธ
ยิ่งกว่านั้นก็คือการต่อต้านมีมาตั้งแต่คนยูเครนชุมนุมขับไล่ผู้นำที่เป็นหุ่นเชิดรัสเซียปี 2557
ซึ่งเท่ากับคนยูเครนต่อต้านรัสเซียมาแล้วเกือบสิบปี
ในเงื่อนไขที่รัสเซียไม่มีทางให้ผู้นำยูเครนปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งต่อไป สิ่งที่รัสเซียจะทำแน่ๆ ได้แก่การโค่นผู้นำเก่าแล้วตั้งผู้นำใหม่มาแทนผู้นำที่ประชาชนเลือก จากนั้นคือการคงกำลังทหารไว้ในยูเครนเพื่อคุ้มครองผู้นำที่รัสเซียตั้ง ไม่อย่างนั้นผู้นำคนนี้จะถูกคนยูเครนฆ่าทันทีที่รัสเซียออกไป
รัสเซียโมเดลในยูเครนคือการรัฐประหารที่กองกำลังต่างชาติล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน สงครามในยูเครนไม่ใช่สงครามเพื่อให้ยูเครนยุตินโยบาย รัสเซียจึงไม่เจราจาและไม่หยุดยิง ต่อให้ผู้นำยูเครนจะยื่นข้อเสนอเรื่องไม่เป็นสมาชิกนาโตแล้วก็ตาม
ยูเครนในความเข้าใจคนไทยคือประเทศขนาดเล็กที่กองทัพไม่มีอะไร แต่ยูเครนในความเป็นจริงคือประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป, มีรายได้จากการส่งออกอาวุธปีละหลายหมื่นล้านบาท และทหารซ้อมรบร่วมกับนาโตมาหลายปี
ศึกนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับรัสเซียแบบที่คิดกันไปเอง
รัสเซียตอนนี้เน้นโจมตียูเครนด้วยจรวดแบบไม่นำวิถีอย่าง BM-21 และ TOS-1 เพื่อทำลายอาคารสถานที่โดยยิงปูพรม ซ้ำยังโจมตีพื้นที่พลเรือนอย่างโรงพยาบาลและโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง สงครามขณะนี้จึงไม่ได้มีเป้าหมายแค่เพื่อเอาชนะ แต่ยังมุ่งกวาดล้างคนยูเครนให้หมดไปจากประเทศตัวเอง
หลักฐานมหาศาลชี้ว่ารัสเซียใช้อาวุธฆ่าคนยูเครนไม่เลือกหน้า ระเบิดลูกปรายที่เป็นอาวุธต้องห้ามจนมีอนุสัญญาระหว่างประเทศห้ามใช้ตั้งแต่ปี 2551 ถูกรัสเซียใช้ไม่ยั้ง
เช่นเดียวกับการโจมตียูเครนด้วยระเบิดสุญญากาศและขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงช่วงที่ผ่านมา
สงครามในยูเครนคือสงครามแห่งการทำลายล้างที่รัสเซียมุ่งกวาดล้างจนคนยูเครนสิ้นชาติ
ทูตกรีซระบุว่ารัสเซียถล่มเมืองมาริอูปอลไม่เหลือซากเหมือนที่เคยทำลายอเล็ปโปในซีเรีย
ผู้นำยูเครนระบุว่าทั้งเมืองเป็นเถ้าถ่านหมด ส่วนสื่อบอกว่าเมืองสภาพเหมือนนรกบนดิน
รัสเซียรุกรานยูเครนเพื่อรัฐประหารล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้วบีบบังคับให้คนยูเครนอยู่ในประเทศไม่ได้ต่อไป เป้าหมายเบื้องต้นจึงได้แก่การยึดประเทศ
หลังจากนั้นก็ควบคุมประเทศให้อยู่ภายใต้รัสเซียซึ่งอาจไปถึงการแบ่งประเทศออกเป็นส่วนๆ อย่างถาวร
ด้วยพื้นที่ยูเครนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรปและจำนวนคนที่ต่อต้านรัสเซียอีกมหาศาล รัสเซียไม่มีกำลังพอจะควบคุมยูเครนด้วยตัวเอง สงครามยูเครนจึงจะนำไปสู่การใช้กำลังต่างชาติร่วมมือกับกับรัสเซียในการรัฐประหารและกวาดล้างประเทศยูเครนอย่างแน่นอน
มีรายงานข่าวมานานแล้วว่ารัสเซียจะให้เบลารุสส่งกำลังทหารร่วมรบในยูเครน ตัวเลขที่ฝ่ายค้านเบลารุสเปิดเผยคือราวๆ 1 แสนคน ซึ่งแปลว่าศึกยูเครนจะยกระดับเป็นศึกข้ามประเทศมากขึ้นไปอีก โอกาสที่สถานการณ์จากนี้จะลุกลามขึ้นจึงมีมากเหลือเกิน
สงครามยูเครนคือภัยคุกคามระเบียบโลกยิ่งกว่ากลุ่มก่อการร้ายโจมตีอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในสหรัฐวันที่ 11 กันยายน 2544 เพราะเหตุการณ์นั้นมีประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือสหรัฐประเทศเดียว ส่วนศึกยูเครนกระทบทุกประเทศในโลกแบบไม่มีข้อยกเว้นเลย
โลกกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่และอภิมหาโกลาหลอย่างไม่เคยเป็น