ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 มีนาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ท่าอากาศยานต่างความคิด |
เผยแพร่ |
ท่าอากาศยานต่างความคิด
อนุสรณ์ ติปยานนท์
บางอย่างในความรักของเรา (2)
บทสนทนาที่ร้านกาแฟแห่งนั้นดูเหมือนจะถูกผมลืมเลือนไปในไม่ช้า
ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการที่จะลืมมัน
จริงแล้วคนเราลืมบางอย่างโดยจงใจไม่ได้
จริงแล้วคนเราลืมบางอย่างโดยตั้งใจไม่ได้ ยิ่งลืมกลับจำ บทเพลงบางบทบอกเราอย่างนั้น
แต่นั่นเองการแกล้งแสร้งลืมก็เป็นสิ่งที่เราในฐานะมนุษย์กระทำได้แบบที่แนบเนียนพอ หากจะตั้งใจ
ผมแกล้งแสร้งลืมบทสนทนานั้นด้วยการทำตัวให้วุ่นเข้าไว้ เมื่อวันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมง ผมก็หาอะไรต่อมิอะไรมาถมให้เกินเวลาที่ว่านั้น
ผมอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่ง ทดลองหากิจกรรมต่างๆ ผมออกวิ่ง เรียนดำน้ำ เรียนทำอาหาร เข้าร่วมงานเสวนา ออกท่องเที่ยวไปตามชนบท สมัครเป็นอาสาสมัครในกิจกรรมต่างๆ
ผมไปจนถึงสุดขอบประเทศเท่าที่การเดินทางจะอนุญาตให้ไปถึง โรคภัยไข้เจ็บที่กำลังระบาดอยู่ในช่วงเวลานั้นทำให้การออกนอกประเทศเป็นไปได้อย่างยากลำบาก แต่ผมพบตนเองอยู่ที่แม่สาย นั่งจิบกาแฟมองดูกลุ่มเด็กชาวพม่าข้ามแม่น้ำมาพร้อมกับสินค้าหนีภาษี
ผมพบตนเองนั่งดูเรือหาปลาที่แหลมงอบ จินตนาการถึงฝูงปลาที่ว่ายข้ามประเทศไปมาอย่างไม่อนาทร ปลาไม่มีสัญชาติ ปลาไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีหนังสือเดินทาง ปลาเป็นสิ่งทีชีวิตที่มีน่านน้ำเป็นบ้านและผมนึกอิจฉาฝูงปลา
ผมพบตนเองนั่งอยู่ข้างวงน้ำชาริมแม่น้ำโกลก ชายผู้นั่งร่วมโต๊ะเพิ่งกลับจากการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในมัสยิด เขามวนยาเส้นเข้ากับใบจากอย่างคล่องแคล่วก่อนจะยื่นให้ผม ผมสูบยาสูบเรียวเล็กมวนนั้นด้วยสำนึกขอบคุณก่อนจะไอออกมาแบบไร้ชั้นเชิง เพื่อนร่วมโต๊ะหัวเราะหัวใคร่ ผมยกถ้วยชาดื่มตาม ไล่ความแสบร้อนในคอ
ผมพบตนเองที่ด่านเจดีย์สามองค์ สาวมอญที่ผมเดินสวนบนสะพานไม้สวยคมขำเสียจนต้องเหลียวมองซ้ำอีกทั้งต้มยำปลาที่แพที่พักก็มีรสชาติดีเสียจนผมต้องขอสูตรจากเจ้าของแพ
ทุกอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นให้ผมจดจำ ให้ผมถมทับ ให้ผมพับซ้อนความทรงจำเกี่ยวกับบทสนทนาในวันนั้นเหล่านี้เพียงเพื่อจะลืมมัน
ก่อนจะพบว่าความพยายามต่างๆ เหล่านั้นล้มเหลว ผมไม่ได้ลืมเลือนบทสนทนาในวันนั้นเลย
เมื่อผมจอดรถจักรยานยนต์กลางเก่ากลางใหม่จนสนิท นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม และเมื่อกาแฟรสเดิมถูกนำมาวางบนโต๊ะ ถ้อยคำที่ว่า “ปิ่นหย่าแล้วนะ” ก็ดังก้องขึ้นในความคิดคำนึงของผมอีกครั้ง
ผมไม่ได้พบเธอนานนับหกปี เธอกลับมาพร้อมกับข่าวที่ไม่แน่ใจว่าควรเป็นข่าวร้ายหรือดี
หากเป็นก่อนหน้านั้นนี่คงเป็นข่าวดี
การเข้าสู่พิธีแต่งงานของปิ่นกับใครบางคนที่ไม่ใช่ผมสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่รู้จักทั้งผมและปิ่น
เราทั้งคู่เป็นคู่รักที่ยาวนานมากที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์สัมพันธภาพของคนใกล้ชิด จากชั้นเรียนมัธยมปลายสู่ชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย จากชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยสู่ชีวิตการทำงาน
สิบห้าปีแห่งฐานะคนรักยาวนานพอที่ทารกคนหนึ่งจะกลายเป็นเด็กวัยรุ่น ยาวนานพอที่เด็กที่คลานและหัดเดินจะมีความรัก
กาลเวลายาวนานเช่นนั้นย่อมไม่ต่างจากศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนหลงลืมไปแล้วว่ามันอาจพังทลายได้
กาลเวลายาวนานเช่นนั้นย่อมไม่ต่างจากหมู่บ้านตั้งมันที่ทุกคนหลงลืมไปแล้วมันอาจสูญสลายได้
ดังนั้นเองเมื่อความรักของผมกับปิ่นจบลงจึงไม่ต่างจากข่าวการพังทลายของอะไรบางสิ่งที่หลายคนยึดมั่นว่ามันจะคงทนตลอดกาล
อาจกล่าวได้ว่าความเจ็บปวดจากความล้มเหลวในความรักของผมครั้งนั้นผสมปนเปไปกับความผิดหวังอันเนื่องจากความคาดหวังของผู้คนรอบตัว
ความล้มเหลวในสิ่งต่างๆ ไม่ได้เกิดแบบชั่วฉับพลันทันด่วน แก้วที่แตกพังย่อมมีร่องรอยร้าวมาแต่เดิมไม่ได้แตกกระจายในทันที
ฉันใดก็ฉันนั้น สภาวะพังทลายทางความรักระหว่างผมกับปิ่นก็มีที่มาเช่นกัน
รอยร้าวดังกล่าวนั้นถูกผมรับรู้มาเนิ่นนาน
แต่ในตอนแรกนั้นผมเชื่อว่าผมมีกำลังแรงมากพอที่จะสมานรอยร้าวดังกล่าว
ในช่วงแรกที่ผมผูกสมัครรักใคร่กับปิ่นในชั้นมัธยมปลายผมเพียงแต่รู้สึกถึงมัน แต่ทุกปีที่ผ่านไปความรู้สึกดังกล่าวก็รุนแรงขึ้นทุกขณะ
แรงต้านในความสัมพันธ์มีมาแต่เริ่มเพียงแต่แรงเสียดทานต่างหากที่ทำให้แรงต้านนั้นทรงพลังขึ้นทุกขณะ
ผมพบแรงต้านนั้นเป็นครั้งแรกในวันสอบครั้งสุดท้ายของชั้นเรียนมัธยมปลาย
ผมเดินคู่เคียงมากับปิ่นจนถึงหน้าประตูโรงเรียน โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนสหศึกษาที่มีชื่อเสียงพอสมควร มีนักเรียนจากชั้นมัธยมต้นหลายต่อหลายโรงเรียนมารวมตัวกันที่นี่ พวกเราได้รู้จักกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไปจนถึงผูกสมัครรักใคร่กัน
การได้เห็นนักเรียนชายและนักเรียนหญิงเดินเคียงคู่กันในโรงเรียนจึงแทบเป็นเรื่องปกติ
ผมเองก็เดินมาส่งปิ่นเช่นทุกวัน บ้านของปิ่นนั้นย้อนกลับเข้าไปในเมือง ในขณะที่บ้านของผมอยู่ออกไปนอกเมือง ดังนั้น เส้นทางการกลับบ้านของปิ่นและผมจึงเป็นคนละทาง
ผมเองไม่เคยได้ไปส่งปิ่นที่บ้าน เธอให้เหตุผลว่าบ้านของเธอต้องเดินเข้าตรอก ทะลุออกจากซอย ต้องผ่านชุมชนสองสามชุมชน ดังนั้น การที่นักเรียนหญิงจะมีนักเรียนชายเดินเคียงคู่ในพื้นที่เหล่านั้นจึงไม่เหมาะสม
“รอให้เราเข้ามหาวิทยาลัยก่อน” ปิ่นพูดกับผมเช่นนั้นและผมยอมรับมัน
ดังนั้น ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ผมจะยืนเคียงข้างปิ่นที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนจนกว่ารถประจำทางสายที่เธอโดยสารมาถึง ในช่วงเวลาดังกล่าว ปิ่นจะเล่าเรื่องสารพัดเรื่องให้ผมได้ฟัง หนังสือที่เธอกำลังอ่านอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ปิ่นเป็นนักอ่านตัวยง เธออ่านทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ วรรณกรรม หนังสือประวัติศาสตร์ หนังสือด้านสารคดี ความรู้ทั่วไป ไล่เรียงไปจนถึงหนังสือการ์ตูน ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในเรื่องเล่าที่ปิ่นเล่าให้ฟังระหว่างการรอรถโดยสาร
“ฉันอยากเป็นนักเขียน” ปิ่นเคยบอกแบบนั้นกับผมในครั้งหนึ่ง
คำบอกเล่าดังกล่าวของเธอถูกผมตัดบท “อาชีพที่ไม่ทำรายได้ใดเลย” ผมเอ่ย “ล้มเลิกความตั้งใจเถิด”
ทว่า ในเย็นวันนั้น ปิ่นกลับปราศจากบทสนทนา เธอมีทีท่ากระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เธอเหลียวซ้ายมองขวา เธอเม้มริมฝีปาก ถอนหายใจ ท่าทีดังกล่าวนั้นเองทำให้ผมรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป
จนในที่สุดเธอบอกกับผมว่า “เธอกลับก่อนเถิด ฉันรอรถคนเดียวได้”
ผมปฏิเสธ ยืนกรานที่จะยืนรอเป็นเพื่อนเธอ นี่เป็นวันสุดท้ายก่อนที่เราจะต้องห่างกันเป็นเวลานานและก่อนที่เธอจะแสดงอาการผิดปกติออกมามากกว่านั้น รถเก๋งคันหนึ่งก็จอดเทียบเบื้องหน้าเธอ คนขับรถเป็นชายสูงวัยคนหนึ่ง เขาเอื้อมมือมาเปิดประตูให้ปิ่นและเมื่อมองเห็นผม ชายผู้นั้นก็ทำสีหน้าแปลกใจ ปิ่นก้าวขึ้นไปนั่งบนรถและก่อนที่ผมจะกล่าวอะไรกับเธอ ปิ่นก็ปิดประตูและรถคันนั้นก็แล่นจากไป
เมฆหมอกแห่งความจบสิ้นของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปิ่นเริ่มต้นในเย็นวันนั้นเองก่อนที่มันจะส่งผลเป็นพายุขนาดมหาศาลในหลายปีต่อมา
ผมล่วงรู้จากปิ่นในภายหลังว่าชายผู้นั้นคือพ่อของปิ่น
หลังการปรากฏตัวของผมในวันนั้น ปิ่นต้องเผชิญคำถามมากมายและยิ่งปิ่นแสดงความอาจหาญของเธอด้วยการพูดความจริงว่าผมคือคนรักของเธอ คำถามยิ่งมีมากมายขึ้น
พ่อของปิ่นแสดงทีท่าต่อต้านผมอย่างชัดแจ้ง หลังการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผมมีโอกาสได้พบปิ่นในแทบทุกวัน ปิ่นก็หายไปจากชีวิตผม
เธอถูกส่งไปเรียนต่อภาคฤดูร้อนที่ประเทศอังกฤษ ผมไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาเหล่านั้นจนมีไปรษณียบัตรจากเธอ
วันที่ผมได้รับไปรษณียบัตรนั้นผมถอนหายใจหนักหน่วง เส้นทางความรักระหว่างผมกับปิ่นไม่ราบรื่นอีกต่อไปแล้ว
กระนั้น ผมก็พร้อมจะเผชิญหน้ามันและดูเหมือนโชคของผมยังดีอยู่ ผมกับปิ่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เราได้อยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เรามีเวลาอีกสี่ปีที่จะใช้ร่วมกัน
และผมตั้งใจแล้วว่าจะใช้เวลาสี่ปีนับจากนี้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปิ่นให้แนบแน่นขึ้น
แม้ว่าแรงเสียดทานจะเริ่มแสดงตัวแล้วก็ตามที •