‘ยอมรับ’ / หลังเลนส์ในดงลึก : ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
ช้างป่า - ภายหลังเปลวไฟอันร้อนแรงผ่านพ้น หลังจากนั้นไม่นานทุ่งจะกลายเป็นทุ่งระบัดเขียว และเมื่อระบัดมีความยาวพอที่ช้างจะใช้งวงดึงขึ้นมากินได้ พวกมันจะใช้เวลาในทุ่งระบัดนานตลอดคืนกระทั่งเช้า

หลังเลนส์ในดงลึก

ปริญญากร วรวรรณ

 

‘ยอมรับ’

 

ขณะใช้เวลาอยู่ในป่า ผมคิดบ่อยๆ ว่า ถ้าตัดอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ และใช้เพียงทักษะกับอวัยวะในร่างกาย ผมจะมีชีวิตยากลำบากไม่น้อย

และหากเทียบกับสัตว์ป่า ผมจะอ่อนด้อยกว่าพวกมันอย่างไม่ควรนำมาเทียบเคียงเลย

มีความจริงอันเลี่ยงไม่พ้นว่า เราได้รับการออกแบบร่างกายมาต่างกัน คนมีสมองคิดค้นเครื่องมืออุปกรณ์ และใช้มันแทนอวัยวะที่มีกระทั่งหลงลืมวิธีการ ใช้ทักษะและอวัยวะร่างกายเพื่อดำรงชีพแล้ว

ต่างกับสัตว์ป่า พวกมันใช้อวัยวะในร่างกายอย่างคุ้มค่า

ในค่ำคืนอันมืดมิด เมื่อปรับสายตาให้ชินสักพัก ก็พอมองเห็นสิ่งต่างๆ บ้าง แต่ในบางครั้ง ผมก็อยู่ท่ามกลางความมืดที่เปรียบได้ว่า แม้ยกฝ่ามือขึ้นมาข้างหน้าก็มองไม่เห็น

เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ปัญหาของเหล่าสัตว์ป่า กลางคืนเป็นเวลาของพวกมัน เกือบทั้งหมดใช้เวลากลางคืนทำงานของพวกมัน ทั้งสัตว์กินพืช รวมถึงสัตว์ผู้ทำหน้าที่ล่า

จะว่าไป ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืนอาจไม่แตกต่างกันนัก เพราะได้รับการออกแบบมาอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นประสาทสัมผัสส่วนใด ตา, หู, จมูก รวมถึงทักษะอื่นๆ

ในคืนที่ช่วงเวลาระบัดเขียวๆ เต็มทุ่งซึ่งเพิ่งผ่านพ้นเวลาแห่งไฟ เสียงกระทิงกู่ร้อง สลับเสียงเก้ง, กวาง

ในความมืดมิดอันน่าหวาดหวั่นในความรู้สึกคน สำหรับสัตว์ป่าดูเหมือนนี่เป็นเวลาแห่งความรื่นรมย์

 

เช้ามืด

สายหมอกปกคลุมทั่วป่าเบญจพรรณ ที่อยู่ในระดับความสูง 570 เมตรจากระดับน้ำทะเล พายุฝนกลางฤดูแล้ง ซึ่งตกต่อเนื่องมาร่วมสัปดาห์ เปลี่ยนสภาพต้นไม้ให้มีใบเขียวชอุ่ม

ชะนีส่งเสียง มีเสียง กก! กก! ของนกเงือกแทรกมาจากที่ไกล แม้อยู่ในช่วงเวลาที่เป็นงานหนักของเหล่านกเงือกตัวผู้ เพราะเป็นเวลาที่ตัวเมียขังตัวเองอยู่ในโพรงเพื่อฟักไข่ แต่มีนกกก และนกเงือกกรามช้างจำนวนไม่น้อยบินเป็นคู่ ตัวเมียส่วนใหญ่เจาะปากโพรงออกมา หลายโพรงมีไข่ที่ถูกทิ้ง เป็นปีซึ่งต้นผลไม้ออกลูกน้อย เหล่านกเงือกรู้ถึงสภาพการณ์ดี พวกมันประเมินว่า การเลี้ยงลูกคงไม่ประสบผลสำเร็จ

เมื่อรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะพบกับความล้มเหลว

หยุดเพื่อเริ่มต้นใหม่ในปีหน้า เป็นสิ่งซึ่งเหล่านกเงือกกระทำ

 

ใบไม้สีน้ำตาลทับถมบนพื้นเปียกชุ่ม ทากเริ่มมีชีวิตชีวา ชูตัวสลอนตอนเราเดินผ่าน

ผมเดินลงไปถึงลำห้วย รอยช้างเดินผ่านแคมป์ลงห้วยไปขึ้นอีกฝั่ง

ท่ามกลางความมืด ผมหลับสนิทอยู่บนเปล ชีวิตในป่าดำเนินไปตามปกติ

ผมไม่รู้หรอกว่ามีอะไรเข้ามาใกล้หรือในบริเวณใกล้ๆ นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกมันมองเห็นในความมืดโดยไม่ต้องอาศัยแสงสว่าง

กลางคืนไม่ใช่เวลาของผม

 

สองวันก่อน ขณะเดินกลับจากซุ้มบังไพร อีกราว 2 กิโลเมตรจะถึงแคมป์ ผมพบกับช้างตัวหนึ่งยืนขวางทาง ผมหยุด โดยปกติจะใช้เวลาสักพักช้างจะหลบเลี่ยงไป แต่ดูเหมือนช้างตัวนี้จะอารมณ์ไม่ดีนัก มันโยกตัวกางหู วิ่งเหยาะๆ พร้อมเข้าโจมตี

ผมถอยกลับมาไกล และหาทางเดินเลี่ยงออกจากด่าน

ผมไม่รู้ว่ามันอารมณ์เสียเพราะสาเหตุใด อาจเป็นสัตว์ป่วยอีกตัวหนึ่ง มีความเครียดสะสม

ในระยะหลังมานี้มีหลายๆ เหตุการณ์ที่คนทำงานในป่าพบเจออุบัติเหตุจากช้าง และกระทิง หลายคนบาดเจ็บ บางคนเสียชีวิต

เช่นเดียกับสัตว์ป่า หลายตัวพบเจอกับช่วงเวลาเจ็บปวด มีไม่น้อยโดนยิงบาดเจ็บ หลายตัวตาย มีไม่น้อยถูกขับไล่ให้ตกใจตื่นตระหนกเวลาออกไปชายป่า แล้วทำพืชผลที่คนปลูกเสียหาย

สัตว์ป่าหลายตัวจดจำความเจ็บปวดได้ดี หลายตัวเลือกวิธีหลบไปให้ไกลคนเมื่อได้กลิ่นคน

แต่บางตัวเลือกที่จะ “เอาคืน”

 

คืนข้างแรม ฝนกลางฤดูแล้งทิ้งช่วง ฟ้ามืดไร้ดาวระยิบ บนเปลท่ามกลางความมืด ผมนึกถึงช้างตัวที่พบตอนเย็น

บางทีมันไม่ได้หงุดหงิด ไม่ได้อยู่ในสภาวะอารมณ์เสีย อีกทั้งอาจไม่ได้เคยมีประสบการณ์แย่ๆ ในการเผชิญหน้ากับคน

มันอาจแค่อยากเตือนและบอกให้ผมระลึกไว้ว่า

ระหว่างมันกับผม เราอยู่ร่วมกันได้ หาก “ยอมรับ” ว่า

กลางวันเป็นเวลาของคน

ส่วนกลางคืนคือเวลาของพวกมัน •