บันทึกลับโฮจิมินห์เทร็ล (3) หน่วยลับและศัตรู/อัญเจียแขฺมร์ อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์

อภิญญา ตะวันออก

 

บันทึกลับโฮจิมินห์เทร็ล (3)

หน่วยลับและศัตรู

 

สําหรับมิตรภาพอันซาบซึ้งของนักรบรับจ้างซีไอเอที่เกิดและสิ้นสุดภายใน 2 ชั่วโมงนั้น ในที่สุด พวกแบมบูก็ร่ำลานายฝรั่งจีไอและหัวหน้าของฝ่ายไทยบนฐานลับๆ ที่เรียกว่า “PS-165” และโปรดเชื่อเถอะว่า มันยังมีฐานลับๆ แบบนี้อยู่ในโลก เช่น สนามบินล่องหนในยุโรปตะวันออกซึ่งเป็นหน่วยขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังยูเครนของสัมพันธมิตรยุโรป-แปซิฟิกที่เป็นทั้งสมาชิกและไม่สมาชิกนาโต แต่ตราบที่โลกนี้ยังมีสงคราม ทหารรับจ้างในทุกรูปแบบทฤษฎี ยังคงมีต่อไป!

อา…ในที่สุด ภารกิจเหนือ “โฮจิมินห์เทร็ล” ครั้งแรกของเหล่าขุนศึกรับจ้าง ก็สำเร็จลุล่วง เมื่อพวกเขาได้มอบ “ใบหู” ของข้าศึกให้แก่หัวหน้าซีไอเอ!

จากนั้น เจ้าพอร์ตเตอร์-เครื่องบินขนาดเล็กก็ส่ง “แบมบู” กลับสู่ “ลาดเสือ” ฐานพักรอของหน่วย

เพื่อรับคำสั่งต่อไป!

แต่เย็นวันนั้นเอง เฮลิคอปเตอร์อีกลำก็ลงจอดและพบว่า ภารกิจของทีม TEACK ถูกข้าศึกโจมตีจนแตกพ่าย มีกำลังพลสูญหายไป 1! ที่เหลือบาดเจ็บและบางนายก็ไม่เหลืออาวุธติดตัว

หนึ่งในทีมเล่าว่า “ขณะที่ฝนตกหนักและพวกตนกำลังพักอยู่ในฐานชั่วคราว บางคนบาดเจ็บที่เท้าจากการลาดตระเวน จึงนอนพักในเปลอย่างอ่อนล้าด้วยตีนเปล่าที่บวมเป่ง แต่ตอนนั้นเอง จู่ๆ ทหารเวียดมินห์ (ที่ช่วงหนึ่งเรียกว่าเวียดกง) ก็แกะรอยตามมา”

โดยไม่ทันหยิบอาวุธปืน ก็จู่โจมเราทันที แต่ละคนหลบหนีกันฉุกละหุก “ถ้าไม่ตายก็คงถูกจับ”

ในสนามรบจริงก็เป็นอย่างนี้แหละ มีข่าวข่าวดีและข่าวร้ายภายในเวลาไม่กี่นาที

ทำให้เรานึกถึงทหารรับจ้างของเวียดนามใต้ที่ทำงานให้ซีไอเอก่อนหน้าที่ภารกิจล้มเหลว พวกเขาคงเผชิญกับข่าวร้ายเป็นรายวัน นับว่า TEACK ยังโชคดีที่เอาตัวรอดได้เกือบทั้งหมด

เสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2510 เป็นอีกวันหนึ่งที่ผู้คุมจากหน่วยเหนือนั่ง ฮ. มาพบกับทีมแบมบูและ TEACK ซึ่งเป็นนายทหารระดับเสนาธิการและหัวหน้าไทยที่ฝึกร่วมซีไอเอ ด้วยข้อสรุปว่าเห็นใจในภารกิจเสี่ยงอันตราย โดยสัญญาว่า “จะแก้ไขเรื่องการรับทีมออกจากพื้นที่ให้ทันเวลา” และแสดงความเสียใจต่อกำลังพลที่หายไป

“ผู้บันทึก” (แบมบู 2) จึงรายงานชี้แจงการทำงานของ ทีม บก.ที/มิสเตอร์ทิมว่า “เดี๋ยวรับ เดี๋ยวเลื่อน เอาแน่นอนไม่ได้ ทำให้ทีมขาดขวัญกำลังใจ อีกการส่งทีมลงไปกลางวงล้อมข้าศึก ทำให้รู้ว่า บก.ทิมไม่ได้ศึกษาภูมิประเทศ เพราะแม้แต่เครื่องบินยังถูก ปตอ. (ปืนต่อต้านอากาศยาน) ของข้าศึกระดมยิงจากพื้นราบ

ดังนั้น จะอันตรายเพียงใด เมื่อส่งหน่วยลงไปในพื้นที่ที่ข้าศึกยึดครอง? คือเท่ากับส่งไปตาย และจากการปะทะถึง 2 ครั้งนั้น

แม้ว่าทีมแบมบูจะโชคดีที่ไม่พบความสูญเสีย แต่วันนั้นเอง เครื่องบินตรวจการณ์ของหน่วยเหนือก็ถูกยิงตก มีนักบินเสียชีวิต 2 รายเป็นนายทหารไทย!

โฮจิมินห์เทร็ล จึงเป็นสมรภูมิที่โหดร้ายสำหรับใครก็ตามที่ไม่ชำนาญศึกและสภาพภูมิประเทศโดยเฉพาะนักรบท้องถิ่นที่พากันมาตาย? และสังเวยให้กับยุทธศาสตร์ซีไอเอ!

แต่กระนั้น ภารกิจยังคงต้องเดินหน้า เพราะไม่ใช่แต่เทือกเขาเท่านั้น ที่หน่วยฝึกเหล่านี้ต้องปฏิบัติภารกิจ เมื่อแบมบูได้รับคำสั่งให้ “ซุ่มโจมตี” ขบวนเรือลำเลียงข้าศึกบริเวณ “ลำเซกอง” พื้นที่ของลาวระหว่างเทือกเขาและแม่น้ำในวันที่ 28 มิถุนายน

ความจริงแล้ว ปฏิบัติการเซกองเริ่มมาก่อนหน้า 6 วันแล้ว ตั้งแต่ที่ทีมหน่วย 3 ถูกซุ่มโจมตีขณะกำลังส่งลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จนทำให้กำลังพลแตกออกเป็น 2 ส่วน โดยจนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรม!

ส่วนทีม 1, 2 และ 4 นั้น จะส่งสมทบพร้อมกันในวันถัดไป (29 มิถุนายน) แต่ทว่าต่างภารกิจ!

ทีมแบมบูถูกส่งไปลงที่ “โบลเว่น” ที่ราบสูงสุดลึกลับและป่าดงดิบที่น่าตื่นตะลึงอีกแห่งหนึ่งของลาว ซึ่งพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตโฮจิมินห์เทร็ล โดยก่อนหน้านั้น ทหารเวียดนามเหนือเพิ่งยึดครองได้

ที่นี่พวกจรยุทธ์ต้องเดินเท้าเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร ก่อนเข้าสู่พิกัดที่ OP97-710 เพื่อซุ่มตรวจขบวนเรือลำเลียงของข้าศึกก่อนวิทยุไปยัง บก.กลาง เพื่อขอกำลังสนับสนุนทางอากาศในทุกๆ ต้นชั่วโมง เพื่อประเมินการโจมตีข้าศึก โดยจะมีทีม “สแตนด์บาย” เรียก (ว.) หาตลอดคืนถึง “แบมบู” และ “นกยูง” (หน่วย C-47) เพื่อซุ่มดูขบวนเรือลำเลียงของข้าศึกที่มักล่องแม่น้ำยามวิกาล และริมฝั่งของลำน้ำเซกองซึ่งกว้างกว่า 100 เมตร-มีกองทหารเวียดมินห์กระจายกำลังราว 1 กองพัน!

30 มิถุนายน จาก “บ.ซอก” ทีมแบมบูต้องเดินทางตั้งแต่ตีสี่ เมื่อถึงจุดที่ บก.ที (T) ได้สั่งให้ “วางตัว” เพื่อซุ่มเงียบริมฝั่งน้ำเซกอง

ที่นี่ ยังมีทีมสมทบเป็นทหารลาว 4 นายเพื่อทำหน้าที่นำทาง ทำให้ทราบว่าซีไอเอยังมีนักรบรับจ้างเป็นชาวท้องถิ่น นอกจากเวียดนาม ไทย ลาวซึ่งเคยมาฝึกที่ค่ายสฤษดิ์เสนาของไทยแล้ว เชื่อว่าน่าจะมีทหารเขมรด้วย

ใกล้ค่ำ เครื่องบิน T28 จำนวน 3 ลำ บินมาวนเวียนเหนือพิกัดก่อนวิทยุแจ้งและทิ้งระเบิดทันที

พลัน เสียงปืนต่อต้านอากาศยาน (ปตอ.) ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่ตั้งทหารเวียดนามเหนือหนึ่งหน่วยกองพันก็ดังขึ้นอย่างดุเดือด ปฏิบัติการราว 20 นาที เครื่องบิน T28 ก็บินหายไป

ก่อนจะกลับมาใหม่ในรุ่งสาง แล้วปฏิบัติการทิ้งระเบิดรอบ 2 ก็กึกก้องทั่วทั้งป่า เครื่องบิน T28 บินปักดำดิ่งและทิ้งระเบิด บึม! บึม! บึม! ลงมา ก่อนเชิดหัวบินหนีไป แล้ววนกลับมาใหม่ เวียนไปเช่นนี้ราว 20 นาทีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ทีมทหารไทย-ลาว จึงสิ้นสุดภารกิจ

ทหารลาวนายหนึ่งเล่าว่า ที่บ้านซอกแห่งนี้มีทหารเวียดมินห์ไม่ต่ำกว่า 2 กองพัน และตนเองก็เคยถูกยิงจนแก้มทะลุมาแล้ว แต่เขาแกล้งทำเป็นตาย และว่าส่วนฝ่ายข้าศึกนั้น พอข้างหน้า “ถูกยิงล้มลง พวกข้างหลังก็วิ่งเข้ามาสมทบอย่างบ้าคลั่ง!”

พวกจีไออเมริกันยังคงเอาคืน ในวันเวลาเดิมต่อมา เมื่อ T28 สามลำบินวนมาถล่มซ้ำ และทหารเวียดมินห์ก็ไม่ยิงกลับด้วย ปตอ.อย่างกล้าหาญ ดูเหมือนพวกเขาจะยิงนำก่อนด้วยซ้ำ กระนั้น T28 ก็โฉบมาใกล้และทิ้งระเบิดทันทีตลอด 20 นาทีเต็มของปฏิบัติการ ก่อนที่มันจะเชิดหัวบินหายไป

แต่ตามมาถล่มซ้ำอีกครั้งใน 4 ชั่วโมงถัดไป!

ปฏิบัติการฝูง “นกยูง” กลุ่มนี้ ยังวนเวียนไม่สิ้นสุด จนพวกแบมบูเริ่มชินชา แต่แล้วก่อนค่ำของวันที่ห้านั้นเอง พวกข้าศึกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ยิงปืนกลข้ามฝั่งแม่น้ำมา

พวกข้าศึกคงรู้พิกัดเราแล้วสินะ อย่างไรก็ตาม ผลจากการสำรวจทางอากาศ พบว่าข้าศึกเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 200 นาย โรงเรือนที่พักและอาวุธเสียหายหนัก ส่วนที่เหลือกำลังพล 3 กองร้อยกำลังเคลื่อนย้ายไปยัง “บ้านซอก”

และข้าศึกอีกราว 1 กองพลที่กำลังซ่องสุมบริเวณชายแดนลาว-เขมรตรงแขวงอัตตะปือ!

พฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม เวลา 18.00 น. บก.T ที่มีคำสั่งให้พวกแบมบูถอนตัวก็ส่ง ฮ.มารับทีมไปปากเซด้วยเจ้าเครื่องพอร์ตเตอร์ เพื่อเตรียมพักผ่อนและเตรียมการในภารกิจใหม่ที่ Mr.Tim สรุปว่า “เฝ้าตรวจ-ซุ่มโจมตี” ที่พิกัด “XC775330” ซึ่งต้องใช้เวลาปฏิบัติการ 30 วัน!

ในการลาดตระเวนมรณะที่เป็นระยะพื้นที่ 18 กิโลเมตร โดยเพิ่มการนำระเบิดเคลโม CP-OP ไปด้วย ที่ทำให้รู้ว่า

“ภารกิจครั้งนี้ มี ‘ข้าศึก’ หนาแน่น!”