ภารกิจตามหาโฮจิมินห์เทร็ล กับหน่วยงานลับซีไอเอ (1)/อัญเจียแขฺมร์ อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์

อภิญญา ตะวันออก

 

ภารกิจตามหาโฮจิมินห์เทร็ล

กับหน่วยงานลับซีไอเอ (1)

 

ที่ผ่านมา แม้เส้นทางเหล่านั้น-โฮจิมินห์เทร็ลที่ฉันเคยเปิดมันในบางแง่มุมของมือปืนรับจ้าง และคอลัมน์ “อัญเจียแขฺมร์” ที่ผ่านมา ทั้งเป็นตอนๆ อย่าง “หมูบิน! จ้าวเวหา” ในห้วงปีสั้นๆ ที่ผ่านมา และหลายปีก่อนนั้น คือ “บิน-กัปตันโฮจิมินห์เทร็ลบินห์”

ว่ากันตามตรง นี่คือการตามหาเส้นทาง “โฮจิมินห์เทร็ล” จากเรื่องเล่าปากเปล่าของอดีตทหารรับจ้างซึ่งต่อมากลายเป็นนักบินฟรีแลนซ์ที่ตกระกำลำบาก และฉันเรียกเขาในแบบจินตนาการ 3 บาทของฉันว่า กัปตันโฮจิมินห์เทร็ลบินห์ ซึ่งบัดนี้เขาเองก็สูญหายไปจากเมืองไทยแล้ว

โดยครั้งหลังของการติดต่อนั้น คือก่อนปี 1997 หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งเป็นนายทหารของพรรคฟุนซินเปก หลังจากรับใช้ด้านการบินอย่างลับๆ และเสี่ยงภัยให้ผู้นำของพรรคนี้มาระยะหนึ่ง

แต่ในที่สุดกัปตันบินห์ที่ตกงานและไม่มีรายได้อะไร ก็กลับมาเลียแผลที่กรุงเทพฯ เพื่อดูแลลูกชายคนเดียวที่เกิดจากอดีตภรรยาชาวเขมรของเขา

และความพยายามเพื่อชีวิตที่ดีกว่า นั่นคือการอพยพไปสหรัฐด้วยวิธีต่างๆ แม้แต่สมัครล็อตเตอรี่วีซ่า

กัปตันบินห์รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตในอดีตที่กัมพูชาทั้งการเป็นนักบินและอดีตทหารรับจ้างกับหน่วยซีไอเอในเมืองไทย มันคือกับดักของชีวิตที่ทำให้เขาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อีกต่อไปหากยังอยู่ที่เมืองไทยและเขมร และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาดิ้นรนหาทางไปตั้งรกรากในประเทศที่ดีกว่า

บินสิ บินไป ไม่ต่างจาก “หมูบิน! จ้าวเวหา” ชีวิตที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและไม่อาจกลับมาได้โดยง่ายในความเป็นคนธรรมดา!

ไม่ต่างจากจินตนาการบรรทัดละสามบาท-ค่าเรื่องของนิยายดังแนวนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน!

ในที่สุด ฉันก็พบเกล็ดบันทึกของของน่านฟ้าและเส้นทางโฮจิมินห์เทร็ลอย่างเป็นเรื่องราวของทหารไทยนายหนึ่งซึ่งมีตัวตนจริง ซ้ำยังมีหน้าตาและรูปร่างที่คล้ายกับนายกัปตันโฮจิมินห์-บินห์

กระทั่งเมื่อเขาได้มรณกรรมผ่านไปราว 15 เดือน และหนังสืออนุสรณ์มรณกรรมของเขาได้มาถึงมือฉัน พลัน จิ๊กซอว์ของการตามหาภารกิจลับโฮจิมินห์เทร็ลของฉันก็กลับมาอีกครั้ง

และบันทึกตอนหนึ่งในอนุสรณ์ชีวิตของเขาที่อยู่ในหนังสืองานศพ สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้ว่า เขาคือกัปตันโฮจิมินห์เทร็ลคนสุดท้ายในภารกิจของฉัน เมื่อทราบว่าเขาคือ 1 ในหน่วยรบแบมบูที่ถูกส่งตัวไปในเขตนั้น

คงเป็นวาสนาชะตากรรมที่ทำให้เราได้มาพบกัน ในปฏิบัติการขณะเขาอายุได้ 31 ปีเศษ (2510) และชีวิตของฉันซึ่งยังไม่รู้ความนั้น โฮจิมินห์เทร็ลกลับทำให้เราได้รู้จักกัน ในความลับลวงพรางของสงครามคอมมิวนิสต์-ซีไอเอ ที่แม้ว่าผู้บันทึกจากเหตุการณ์นั้นจะล่วงลับไปแล้วก็ตาม

แต่ความจริงจากหลังความตายในด้านหนึ่ง กลับมีตัวตนและไม่เคยตายไปจากโลกนี้

ราวฤดูร้อนเมษายน พ.ศ.2510 ขณะลาวกำลังต่อสู้กับคอมมิวนิสต์อย่างคับขันอยู่นั้น จนถึงกับหน่วยเหนือฝ่ายไทยลงความเห็นว่า ลาวจะถูกรุกรานจากพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่เรียกสั้นๆ ว่าโฮจิมินห์ ที่กำลังลำเลียงกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าตีประเทศลาว

จนหน่วยซีไอเอของสหรัฐต้องร้องขอรัฐบาลไทยตัดไฟต้นลมก่อนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์จะเคลื่อนเข้ามายังไทย

จอมพลถนอม กิตติขจร ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดเวลานั้น อนุมัติภารกิจลับโดยพลัน นั่นคือการก่อตั้งหน่วยกองโจรขนาดเล็กแทรกซึมเข้าไปตามเส้นทางโฮจิมินห์เทร็ล

และกองโจรของไทยที่สู้กับเวียดนามนี้คือหน่วยพลร่มป่าหวายและค่ายเอราวัณ 45 นายในปฏิบัติการพิเศษที่แยกเป็น 5 ทีม ทีมละ 9 นาย

มีภารกิจคือ ตรวจจับความเคลื่อนไหวฝ่ายศัตรู รายงานกอง บก.กลางเพื่อขอความสนับสนุนและการระบุพิกัดในการโจมตีเพื่อทิ้งระเบิดทางอากาศ

รวมเส้นทางข้าศึกทางขบวนยานยนต์ของพวกเวียดมินห์ บนเส้บนหลวงถนนสีหนุวิลล์ของกัมพูชา

แต่ก่อนปฏิบัติการจะเกิดนั้น คณะกองโจรน้อยไทยกลุ่มนี้ ต้องรับการฝึกพิเศษเป็นระยะเวลา 30 วัน โดยมีหน่วยรบพิเศษของสหรัฐยศพันตรีคือ Mr. Tim กำกับดูแลการฝึกอย่างใกล้ชิด

เป็นการฝึกที่หนักมากทั้งกลางวันและกลางคืน อาทิ กระโดดร่มใต้ทางดิ่ง ระเบิดทำลาย ลาดตระเวน ซุ่มโจมตี ยิงปืน ทั้งหมดนี้เป็นที่ถูกใจและชื่นชมจากซีไอเอมิสเตอร์ทิม

พวกจีไอเมกันน่ะ รู้พิษสงกองโจรโฮจิมินห์เทร็ลดี ทั้งเส้นทางจากลาวที่เต็มไปด้วยหุบเขา ที่เคยคร่าชีวิตนักข่าวทหาร จากกรณี ฮ./เฮลิคอปเตอร์ตก และในเขตกัมพูชา กรณีการล่อลวงช่างภาพนักข่าวในพนมเปญสูญหายไป

โฮจิมินห์เทร็ลคือหายนะของหน่วยลาดตระเวนจีไอ ที่ไม่เหลือรอดบนเส้นทางนี้ เว้นเสียแต่พวกเขาจะใช้วิธีโจมตีทางอากาศ และไม่มีใครจะรู้เส้นทางดีไปกว่าทหารรับจ้างหรือคนท้องถิ่น

หนึ่งในทีมที่ฝึกฝนคือ Bamboo จึงอยู่ในข่ายนี้ สำหรับภารกิจแทรกซึมแนวหลังคาศึกเพื่อ “ลงไปตั้งฐาน-ตรวจการณ์-วิทยุรายงานขอบจุดโจมตี-รายงานผลโจมตี” ที่เสี่ยงตาย

ปัจฉิมบทสุดท้ายของการฝึก มิสเตอร์ทิม-หัวหน้าซีไออเมริกันกล่าวขอบใจนักรบไทยที่มีจิตใจแน่วแน่ ก่อนที่ C47/Air America จะทะยานสู่ท้องฟ้า ในนั้นมีแบมบูทั้งหมดที่เรียงหน้าขึ้นมา

บริเวณเขตโฮจิมินห์ การตกหลุมอากาศมักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันคือการเตือนว่า บริเวณดังกล่าวมีลักษณะของมวลอากาศที่แปรปรวน สำหรับท่านที่ติดตามอัญเจียฯ ชุดหมูบินเจ้าเวหา คงจะพอทราบว่า นี่คือเส้นทางหายนะที่นักบินเดนตายหลายคนเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ทั้งในแบบที่เกิดจากลมฟ้าอากาศอันแปรปรวน และจาก “ความซวย” ที่ถูกทั้งจีไอและเวียดมินห์ “ยิงตก!”

วิธีสังเกตว่าเส้นทางโฮจิมินห์เทร็ลในเขตลาวก็ให้ดูแม่น้ำโขงเป็นหลัก ไล่ผ่านลงมาถึงกัมพูชาและวกไปเกือบจะถึงที่ราบสันดอนแม่น้ำโขงในเวียดนามใต้

“โฮจิมินห์เทร็ล-แม่โขง” จึงเคียงคู่กันมากับเส้นทาง หากสงครามต่างหากที่ทำให้ “ภูเขา-ลำธาร” กลายเป็นสมรภูมิความทรงจำ

กลางเดือนพฤษภาคม 2510 หน่วยปฏิบัติการส่งกองโจรไทยไปพรางตัวโฮจิมินห์เทร็ลซึ่งติดกับแดนลาวที่พิกัด YB2084 กลางหุบเขาล่าเสือ โดยมีพิกัดสำรองที่ YB096738 ของจังหวัดปากเซ

ในการส่งรบพิเศษที่ฝึกโดยซีไอเอ ปฏิบัติการแทรกซึมนี้ ใช้เฮลิคอปเตอร์เจอร์รี่ 1 บินลำเลียง ส่วนอีก 2 ลำบินอำพราง และใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด T-28 อีก 3 ลำในการบินคุ้มกัน และทันทีที่ทั้งหมดถึงพื้นดินแล้ว ทั้งหมดจะสลายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการโจมตีจากข้าศึก

สำหรับปฏิบัติการฝัง “ชิพ” (เครื่องมือ) ตามเส้นทางเพื่อนับรถยนต์ที่ลำเลียงอาวุธและกำลังพล โดยตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น หน่วยรบจะรายงานด้วยวิทยุ (HARK1) ต่อ CIA ที่มีหน่วยของ บก.T ของทิม-มิสเตอร์ทิม คอยส่งหน่วยสนับสนุนในปฏิบัติการ “นกยูง” เป็นเครื่องบินโจมตีขบวนรถยนต์ของข้าศึก

เพื่อให้หลีกเลี่ยงการปะทะ เมื่อถึงพื้นดิน ทั้งหมด (ของทีม) จะต้องเดินเป็นศูนย์องศาในระยะ 8 กิโลเมตร จากนั้น เมื่อปฏิบัติการครบ 30 วัน การนัดหมายเพื่อรับกองโจรนักรบกลุ่มนี้กลับมายังฐานที่มั่นบนพิกัดที่ YB125853 และมิชชั่นแบมบูได้บรรลุเป้าหมายบนที่พักเต็นท์ชั่วคราวซึ่งมีการสร้างไว้

นอกจากนี้ ยังฝึกการทำสัญญาณรับส่งอุปกรณ์และเสบียงสนับสนุน ด้วยการฝังไฟฉาย 3 จุด ใช้ STROP Light อีก 2 ดวงตรงกลางผ้าขาวที่กางเป็นรูปตัว “X” เพื่อให้หน่วย “เทวา” ได้เห็นพื้นที่ทางอากาศ ไม่ว่าหน่วยแบมบู, นกเขาหรือหน่วยอื่นๆ จะให้สัญญาณพื้นที่ปลอดภัยด้วยผ้าขาวรูปตัวแอล “L”

ตื่นเต้นกว่านิยายของสยมภู ทศพล ก็ตรงที่นักรบกองโจรกลุ่มนี้ที่ไม่มีใครเป็นพระเอกต้องเผชิญภารกิจเสี่ยงตาย ซึ่งขณะนั้นเวียดมินห์ได้ยึดครองพื้นที่เกือบทั้งหมด

จึงเป็นภารกิจที่ต้องทำใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่เพลงปลุกใจที่พวกตนมักร้องกันเพื่อเรียกขวัญตัวเอง ก็ไม่อาจปลุกปลอบจิตใจได้

เพราะแค่หมูป่าฝูงหนึ่งที่วิ่งกันอึกทึกยามดึกบนภูสูง ก็ยังทำให้พวกตนตกใจราวกับถูกศัตรูมาจู่โจม ก็ยังสร้างความตกใจให้หน่วยรบอย่างเหลือเชื่อ และตึงเครียดอย่างมาก

เมื่อพบสมุดประจำตัวทหารเวียดมินห์ที่ทำตกไว้บริเวณนั้นใน 5 วันต่อมา!