ความจริงขบวนการค้ามนุษย์ ตำรวจเลวได้ดี ตำรวจดีลี้ภัย จาก ‘ปวีณ’ ถึง‘รังสิมันต์ โรม’ ทิ้งบอมบ์ถล่ม ‘3 ป.-รัฐบาล’/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

ความจริงขบวนการค้ามนุษย์

ตำรวจเลวได้ดี ตำรวจดีลี้ภัย

จาก ‘ปวีณ’ ถึง ‘รังสิมันต์ โรม’

ทิ้งบอมบ์ถล่ม ‘3 ป.-รัฐบาล’

การเปิดโปงของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล เกี่ยวกับการทลายขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ในพื้นที่ภาคใต้เมื่อปี 2558 ตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152

เป็นการทิ้งระเบิดลูกใหญ่ถล่มใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล จนพังยับ เนื่องจากเป็นการอภิปรายเชื่อมโยงไปถึง 3 ป. เสาหลักของรัฐบาล

ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผู้นำประเทศ

จุดเริ่มต้นคดีค้าโรฮิงญาเมื่อปี 2558 มีการค้นพบขบวนการขนชาวโรฮิงญา ไปจนถึงหลุมศพชาวโรฮิงญา รายล้อมค่ายกักกันลับกลางป่า พื้นที่ สภ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา

โดยมี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ขณะนั้น ได้รับมอบหมายเป็นผู้ดูแลคดี ก่อนค้นพบความสัมพันธ์โยงใยขบวนการค้ามนุษย์ไปถึงระดับข้าราชการทหาร นักการเมืองท้องถิ่นหลายราย

นำไปสู่การจับกุม พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกในเวลาต่อมา แต่การทำคดีครั้งนั้นกลับส่งผลให้ พล.ต.ต.ปวีณประสบเคราะห์กรรมถูกโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม ต้องลี้ภัยไปยังออสเตรเลีย

จนเป็นที่มาของ “ตำรวจเลวได้ดี ตำรวจดีลี้ภัย”

 

ความจริงเกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเมื่อปี 2558 มาจากการสอบสวนของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

พล.ต.ต.ปวีณจึงเป็นแหล่งข้อมูลเบื้องหลังเบื้องลึกทั้งหมดที่ รังสิมันต์ โรม นำมาเปิดโปงกลางที่ประชุมสภา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เรียกการอภิปรายนี้ว่า “ตั๋วช้างภาค 2 ตำรวจเลวได้ดี ตำรวจดีต้องลี้ภัย”

สรุปได้ว่า เมื่อปี 2558 มีการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ครั้งใหญ่ ผู้ต้องหาในคดีรวม 155 ราย

ด้วยการสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.ต.ปวีณ หัวหน้าทีมคลี่คลายคดีสามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษได้ตั้งแต่นายหน้าซึ่งเป็นบุคคลทั่วไป จนถึงนายทหารระดับสูงคือ พล.ท.มนัส คงแป้น

แต่เมื่อยิ่งสืบคดีเชิงลึกกลับเจออุปสรรคมากมายทั้งการปฏิเสธให้ข้อมูล ขัดขวางการสืบสวน ปิดบังพยานหลักฐานโดยตำรวจเพื่อนร่วมอาชีพ

จึงเป็นคำถามตามมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คุมตำรวจเวลานั้น เคยรู้อะไรหรือไม่

จากการพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ คดียังมีอะไรให้สอบสวนอีกมากเพราะเป็นขบวนการใหญ่ ขนคนจำนวนมากลงเรือเข้าน่านน้ำไทย แต่จับทหารเรือยศแค่นาวาโทได้คนเดียว

ทหารบกนอกจาก พล.ท.มนัส มีแค่ยศนายร้อยอีก 2 คน

ที่สำคัญ ต่อมา พล.ต.ต.ปวีณถูกคำสั่งย้ายไปพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก จนเป็นที่มาของการขอลี้ภัย

มีใครใหญ่กว่าสูงกว่าหรือไม่ หรือมีคนในรัฐบาลมีส่วนร่วมหรือไม่ การขัดขวางการสอบสวนของทีม พล.ต.ต.ปวีณ เพื่อตัดตอนคดีไม่ให้สาวไปได้ไกลกว่า พล.ท.มนัส ที่เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ ซัดทอดอะไรใครไม่ได้อีก ใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายของรังสิมันต์ โรม ได้รับการสนองตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการลุกออกจากห้องประชุมสภาหลังชี้แจงประเด็นข้อซักถามเรื่องอื่นเสร็จสิ้น

ตรงนี้เอง รังสิมันต์ โรม ใช้คำว่า “ใจดำอำมหิต”

 

เฟซบุ๊ก Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม ต่อมาได้โพสต์ข้อความตั้งคำถามถึง 3 ป. ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้รู้ข้อมูลดีที่สุด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตประธาน ก.ตร. ซึ่งมีมติย้าย พล.ต.ต.ปวีณไปชายแดนใต้ รวมถึงกระแสข่าวนายตำรวจคนสนิทโทรศัพท์ต่อรองให้ พล.ต.ต.ปวีณปล่อย พล.ท.มนัส ผู้ต้องหาสำคัญในคดี

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีเครือข่ายกว้างขวางอย่างใน จ.ระนอง หนึ่งในเส้นทางผ่านของขบวนการค้ามนุษย์ ทราบว่า พล.อ.อนุพงษ์มีมิตรสหายอยู่ที่นั่น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ออกคำสั่งในลำดับสุดท้ายให้ย้าย พล.ต.ต.ปวีณ โดยรู้ถึงความเสี่ยงที่เขาต้องเผชิญขณะนั้น

พล.ต.ต.ปวีณจะไม่ถูกย้ายไปชายแดนใต้ ถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ระบุผ่านเฟซบุ๊ก

หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายในสภา วันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายรังสิมันต์ โรม พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้าร่วมแถลง “กว่าจะเป็นตั๋วช้างภาค 2”

เชิญ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ มาเปิดใจผ่านวิดีโอคอล

พล.ต.ต.ปวีณกล่าวตอนหนึ่งว่า จากการปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รัฐบาล รวมทั้งผู้มีอำนาจ ยืนยันว่าการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม คือความจริง

สุดทางชีวิตราชการของผมที่เหลืออยู่ถึง 3 ปี ประกอบกับความรู้ความสามารถในการสืบสวนสอบสวน มั่นใจว่าสามารถสาวไปถึงปลาตัวใหญ่ได้อีกหลายตัวแน่นอน

อดีตนายตำรวจหัวหน้าทีมคลี่คลายคดียืนยันการที่คนโรฮิงญาเข้ามาไม่ใช่คนเดียว การเข้าประเทศต้องมีมาตรฐาน ใครก็แล้วแต่ก้าวล่วงล้ำเข้ามาในเขตไทยต้องถูกสกรีน

แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่ทำหน้าที่ การปล่อยปละละเลยต้องมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนคือผลประโยชน์และส่วย พอเงินเข้ามาจำนวนมากก็ขนคนได้อย่างสะดวกสบาย ทำกันเป็นอุตสาหกรรมขนคนไปขาย

จึงกล้าพูดว่าถ้าสอบสวนไป แน่นอนปลาตัวใหญ่ๆ จะต้องมีอีกเยอะ

 

ประเด็นค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญากลับมาเป็นหัวข้อหลักวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม

การตอบคำถามด้วยความเงียบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคนสำคัญในรัฐบาล ไม่ช่วยให้สถานการณ์ฝ่ายตนเองดีขึ้น

ผ่านไป 3 วันหลังอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ถึงได้ยอมให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นค้ามนุษย์ และกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

พล.อ.ประยุทธ์อ้างว่า การแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ รัฐบาลได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตลอด ผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งใดผ่านมาแล้วเป็นเรื่องอดีต ตรวจสอบแล้ว ตำรวจก็ชี้แจงไปแล้วว่าเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย รัฐบาลจริงใจในการแก้ไขปัญหา

แต่เมื่อถามถึงกรณี พล.ต.ต.ปวีณลี้ภัยไปต่างประเทศเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องโยกย้าย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เขามีคดีอะไร ก็ไปร้องทุกข์

ส่วนที่ พล.ต.ต.ปวีณอยากกลับประเทศ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ให้เขาออกไป เขาออกไปเองไม่ใช่หรือ “ถ้าคิดว่าไม่มีอะไร ก็กลับมา”

ส่วนการรับประกันจะไม่ปกป้องหากมีคนใหญ่คนโตเกี่ยวข้องกับคดีนั้น นายกฯ กล่าวว่า

ผมจะไปปกป้องใคร เป็นใครเล่า ถ้าไม่เปิดชื่อใครก็พูดได้ จะทำอะไรก็ต้องมีหลักฐาน ก็กลับมา จะฟ้องร้องก็ฟ้องให้กระบวนการตัดสิน ถ้าฟ้องแล้วไม่ใช่เขาก็ฟ้องกลับแค่นั้นเอง

 

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มอบหมายให้ พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นการอภิปรายในสภา พาดพิงนายตำรวจทีมงานโทร.สั่งให้ปล่อยตัว พล.ท.มนัส คงแป้น

พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด หากมีชื่อบุคคลตามกล่าวอ้าง หรือมีข้อมูลผู้อยู่เบื้องหลังเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ขอให้เปิดเผยหลักฐานข้อมูลจริงทั้งหมดออกมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด

สำหรับประเด็นที่รังสิมันต์ โรม พาดพิงเป็นบุคคลมีเครือข่ายกว้างขวางในพื้นที่ จ.ระนอง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ใช้วิธีสงบสยบเคลื่อนไหว ไม่ตอบคำถามเรื่องดังกล่าว

หากรัฐบาลมีความจริงใจในการปราบปรามการค้ามนุษย์ ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาในประเด็นที่ผมอภิปรายไว้ โดยแต่งตั้งบุคคลที่สังคมเชื่อถือเข้ามาเป็นกรรมการ

แต่นี่รัฐบาลกลับยืนกรานว่าได้ดำเนินการไปแล้ว และขอให้ พล.ต.ต.ปวีณกลับประเทศไทย แต่ใครจะกล้ากลับ ในเมื่อประเทศไทยยังมีเรื่องการอุ้มหายและการเสียชีวิตของข้าราชการน้ำดี รังสิมันต์ โรม ระบุ

สอดคล้องกับที่นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งคำถาม ทำไมตอนนั้นจึงไม่ให้ พล.ต.ต.ปวีณทำคดีค้ามนุษย์ต่อไป แต่กลับย้ายไปจังหวัดชายแดนภาคใต้

คำถามนี้ไม่ได้ถามถึงแค่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ตั้งคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ท่านนายกรัฐมนตรีต้องตอบคำถามนี้ ไม่ใช่ไปโทษ พล.ต.ต.ปวีณว่าหนีไปเอง คนเราอยู่ดีๆ ถ้าไม่หนักหนาสาหัสจริงๆ ใครอยากจะลี้ภัยไปต่างบ้านต่างเมือง ถ้าท่านนายกฯ จะแก้ไขความผิดพลาดคือต้องเชิญเขากลับมา

พร้อมกับรับรองความปลอดภัยและให้เขาช่วยสาวไปให้ถึงปลาตัวใหญ่ หาไม่แล้วคนก็จะสงสัยอยู่ตลอดไปว่า ท่านหรือคนของท่าน มีอะไรเกี่ยวข้องกับปลาตัวใหญ่หรือไม่

 

ตามยุทธศาสตร์โรยเกลือของพรรคก้าวไกล

ขยายผลจากการเปิดแผลขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญาในสภา ฉายให้เห็นสภาพการณ์ล่วงหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ รวมไปถึง พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ อาจต้องเผชิญในเดือนพฤษภาคม

ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151

ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ได้ การจะแก้ปัญหาได้ต้องมีรัฐบาลใหม่ มีผู้นำใหม่แล้วการแก้ปัญหาเหล่านี้จะดีขึ้น นายรังสิมันต์ โรม กล่าวในที่สุด