อาลัย เศรษฐา ศิระฉายา / เครื่องเคียงข้างจอ : วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ

วัชระ แวววุฒินันท์

 

อาลัย เศรษฐา ศิระฉายา

 

เมื่อวันก่อนยังนั่งฟังเพลง “จูบฟ้าลาดิน” ของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลอยู่เลย

วันนี้ได้ทราบข่าวว่า เจ้าของเสียงร้องเพลงนี้คือ พี่ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา ได้จากไปเสียแล้ว หลังรักษาตัวจากโรคมะเร็งอยู่หลายปีตามข่าวที่หลายคนได้ยินมา

เมื่อปลายปีได้มีโอกาสไปฟังคอนเสิร์ตที่อบอุ่นเป็นกันเอง จัดโดย Music Guru โดยคุณธเนส และผุสชา สุขวัฒน์ ในคอนเสิร์ตได้นำบทเพลงของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลมาร้องหลายเพลงทีเดียว และได้เชิญสมาชิกที่เหลืออยู่ของวง คือ พี่ต๋อย-วินัย พันธุรักษ์ และ พี่แดง-พิชัย ทองเนียม มาร่วมฟังด้วย

ช่วงหนึ่งของคอนเสิร์ต ได้เชิญพี่ทั้งสองขึ้นบนเวทีเพื่อพูดคุยกัน พี่วินัยบอกว่าระหว่างที่บนเวทีเล่นและร้องเพลงของดิอิมฯ พี่เขาได้ Live ให้พี่ต้อย เศรษฐา ที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลได้รับชมไปด้วย พี่ต้อยบอกว่าขอบใจมากและร้องไห้ออกมาด้วยความปีติยินดี

บรรยากาศช่วงนั้นพาเอาทั้งห้องจัดงานพลอยหม่นเศร้า และคิดถึงพี่ต้อยขึ้นมาโดยพลัน รวมทั้งมีหลายคนที่อดน้ำตาซึมไม่ได้

เป็นการรับรู้ว่าพี่ต้อยได้กลับเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หลังจากได้ออกมารักษาตัวที่บ้านอยู่พักหนึ่ง นั่นแสดงถึงอาการที่ทรุดลงนั่นเอง

วันต่อมาได้พบกับอี๊ฟ พุทธธิดา ลูกสาวของพี่ต้อย ก็เล่าให้ฟังว่า “พ่อกินอาหารได้น้อยลงมาก ตอนนี้ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ทำคีโมได้อีก”

ตอนนั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นสัญญาณของภาวะช่วงท้ายๆ ของการต่อสู้กับโรคมะเร็งของพี่ต้อยแล้ว

และวันนี้ตะวันของศิลปินเอกแห่งวงการดนตรีและวงการบันเทิงก็ได้จูบฟ้าและลาดินไปเรียบร้อยแล้วด้วยความสงบ

 

พี่ต้อยเป็นศิลปินที่ครบเครื่องจริงๆ สำหรับเรื่องของเพลงและดนตรีนั้นคงไม่มีใครกังขา เพราะการเป็นนักร้องนำ และสมาชิกของวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ที่คว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวดวงดนตรีสตริงคอมโบ้ของสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย 3 ปีติดต่อกัน จนก้าวมาเป็นวงดนตรีอาชีพที่ได้รับการยอมรับในฝีไม้ลายมือ

ตอกย้ำด้วยผลงานเพลงอันเป็นอมตะมากมายของวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ที่ยังคงความไพเราะอยู่มาจนถึงวันนี้ ส่วนหนึ่งของผลงานเพลงที่โด่งดังนั้นมาจากบทเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยในสมัย 30-40 ปีก่อน ที่หากหนังเรื่องไหนมีบทเพลงของวงดิอิมฯ เป็นส่วนประกอบ รับรองได้ว่าจะเรียกแฟนๆ ให้เข้าไปชมได้ไม่น้อยเลย

และเสียงของพี่ต้อยก็ขับขานให้บทเพลงแต่ละเพลงนั้นไพเราะลึกซึ้งกินใจไปอีก

นอกจากความสามารถด้านดนตรีแล้ว พี่ต้อยยังมีพรสวรรค์ด้านการแสดงด้วย จากการแสดงภาพยนตร์และละครหลายๆ เรื่อง และเคยได้รับรางวัล “นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม” จากเรื่อง “ฝ้ายแกมแพร” รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำในปี 2518

และในยุคที่วงการโทรทัศน์เฟื่องฟู เราก็ได้เห็นบทบาทของการเป็นพิธีกรของพี่ต้อยจากหลายๆ รายการ ไม่ว่าจะเป็น “มาตามนัด” หรือ “นักล่าฝัน Academy Fantasia” ที่เป็นอยู่หลายปี

จากผลงานต่างๆ ที่เป็นประจักษ์นี้ พี่ต้อยได้รับการคัดเลือกให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง)” ในปี 2554

 

กับเจ เอส แอล แล้ว พี่ต้อยเคยมาออกรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “พลิกล็อก” “จันทร์กะพริบ”, “วิก 07”, “ยุทธการขยับเหงือก” รวมทั้งขึ้นเวทีของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในตัว ต. ของ “คอนเสิร์ต ตัว ต.” ที่มี 6 พิธีกรที่ชื่อเล่นนำด้วยตัว ต.เต่า มาขึ้นเวทีกัน ได้แก่ ต้อย เศรษฐา, ตุ๊ก ญานี, เต้ย อภิวัฒน์, ตุ้ม ผุสชา, ตู่ นพพล และตั๊ก มยุรา

ในคอนเสิร์ตมีทั้งการแสดง และร้องเพลง สร้างความสุขให้กับผู้ชมแบบเต็มอิ่ม

พี่ต้อยนำความเป็นคนอารมณ์ขันมาเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมแบบสดๆ ในงานนี้ อย่างช่วงเมาธ์พี่ตั๊ก มยุรา ที่ไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านของท่านทูต แต่ห้องน้ำที่เข้าเผอิญมีปัญหา จนต้องหาทางออกแบบผะอืดผะอม (ฮา) และตอนที่เล่นละครประกบตุ๊ก ญานี โดยตุ๊กเป็นเจ้าหญิง และพี่ต้อยเป็นอารักขาหนุ่มที่มีใจให้เจ้าหญิงตุ๊ก

ในการแสดง ตุ๊กในมาดเจ้าหญิงยืนเด่นสง่ากลางเวที พี่ต้อยในบทของ “เบิ้ม” ก้าวเข้ามายืนด้านหลังของเจ้าหญิงในชุดเสื้อราชปะแตนและโจงกระเบน

“เจ้าหญิงอย่าหันมามองกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ” พี่ต้อยด้นสดโดยไม่มีในบท

“ทำไมล่ะเบิ้ม” ตุ๊กก็ด้นตามอย่างไม่รู้ว่ามีอะไร

“คือ…เสื้อกระหม่อมฟิตมาก” แล้วพี่ต้อยก็หัวเราะออกมาพร้อมกับเปิดแขนอ้าออกให้ผู้ชมเห็นภาพของเสื้อราชปะแตนที่รัดติ้วแบบผิดไซซ์

“เป็นความผิดของกระหม่อมเอง” พี่ต้อยพูดไปหัวเราะไป “เขาให้มาลองชุดตั้งแต่เมื่อวาน แต่กระหม่อมบอกไม่ต้องก็ได้ ใส่ได้อยู่แล้ว แล้วดูสิ คับติ้วเลย…”

ตอนนั้นทั้งบนเวทีและผู้ชมข้างล่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้

 

เจ เอส แอล ได้ร่วมงานกับพี่ต้อยในอีกหลายๆ งาน รวมทั้งร่วมทำคอนเสิร์ตให้กับมูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส ที่ป้าจุ๊-จุรี โอศิริ เป็นประธาน พี่ต้อยเป็นรองประธาน และในเวลาต่อมาพี่ต้อยก็ได้รับหน้าที่สืบต่อจากป้าจุ๊ ด้วยเป็นคนที่เหมาะสม เป็นที่รักของทุกคน

เมื่อเจ เอส แอล ลุกขึ้นทำละครเวทีในชุด “สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล” ถึง 7 เรื่องที่นำเอาบทเพลงของวงดนตรีสุนทราภรณ์มาประกอบเรื่องราวของละครอย่างลงตัว ก็ได้พบเจอพี่ต้อยอยู่บ่อยๆ ในฐานะผู้ชม เพราะในละครได้อี๊ฟ พุทธธิดา มาร่วมแสดงด้วยถึง 3 เรื่องด้วยกัน

ทุกครั้งพี่ต้อยจะควงพี่เปี๊ยก อรัญญา มาร่วมชมและให้กำลังใจกับนักแสดงและทีมงานเสมอ และพี่ต้อยก็เล่าให้ทีมงานฟังว่า

“เกรงใจคนดูคนอื่นมาก เพราะพอตัวละครร้องเพลงไหนขึ้นมา คุณอรัญญาเธอรู้จักหมด เพราะเธอเคยเป็นนักร้องของวง เลยนั่งร้องเพลงตามไปด้วยทุกเพลง”

พอถึงช่วงพักครึ่งทั้งสองก็จะเข้ามาหลังเวที ทักทายนักแสดงรุ่นน้องและรุ่นหลานๆ อย่างเป็นกันเอง พร้อมกับพี่เปี๊ยกที่มักมีอาหารหรือขนมอร่อยๆ มาฝากด้วยเสมอ

เรียกว่าเป็นครอบครัวที่น่ารัก เป็นกันเอง และมีน้ำใจกับผู้อื่นเสมอมา

สำหรับวงดิอิมพอสซิเบิ้ลแล้ว ได้มีการจัดคอนเสิร์ตของตนเองหลายครั้ง และรวมตัวกันขึ้นเวทีที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ เมื่อปี 2561 โดยบอกว่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้ข่าวพี่ต้อยป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งแน่นอนที่ทุกคนย่อมเป็นห่วง และอยากเยี่ยมเยียนถามไถ่อาการ สำหรับบุคคลภายนอกก็จะได้รับทราบข่าวจากการแจ้งของลูกสาวคือ อี๊ฟ พุทธธิดา ถึงอาการของพ่อเป็นระยะๆ

และในเช้ามืดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ อี๊ฟก็ได้โพสต์ภาพท้องฟ้าสีหม่นบนหน้าเพจของตนเอง พร้อมตัวเลข 4.42 ที่เป็นเวลาที่พี่ต้อยจากไป

ขอจบบทความฉบับนี้ด้วยส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง “จูบฟ้าลาดิน” เพื่อเป็นการส่งพี่ต้อยขึ้นสู่สวรรค์

“…ตะวันจูบลาฟ้าดินยามจาก ลับตาทุกคราเหมือนดังหมองไหม้

ฝากรอยความรักและรอยอาลัย ฝากไว้ในสีสาดฟ้าสุดงาม…”

ขอร่วมแสดงความอาลัยกับพี่ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา ด้วยครับ