ศึกชิงทำเนียบมาลากันยัง เดิมพันคืนสู่อำนาจหน่อเนื้อมาร์กอส/บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

ศึกชิงทำเนียบมาลากันยัง

เดิมพันคืนสู่อำนาจหน่อเนื้อมาร์กอส

 

บรรยากาศการเมืองแดนตากาล็อกคึกคักขึ้นในทันทีเมื่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของฟิลิปปินส์เปิดฉากขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่จะกินเวลาราว 3 เดือน ก่อนวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ โดยจะเป็นการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นไปพร้อมกัน

สังเวียนใหญ่ที่ต้องจับตาคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ที่เป็นการเลือกตั้งโดยตรง ในการสรรหาผู้เหมาะสมที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่โรดริโก ดูแตร์เต หนึ่งในผู้นำฟิลิปปินส์ที่ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดจากการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในประเทศ ซึ่งจะหมดวาระลง โดยไม่สามารถร่วมลงสนามแข่งขันเป็นสมัย 2 ได้

เนื่องจากรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์กำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียวเป็นเวลา 6 ปี และรองประธานาธิบดีเลนี โรเบรโด ที่จะหมดวาระลงไปพร้อมกัน

 

ในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เป็นการแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างผู้สมัครตัวเก็งหลายคน

ที่โดดเด่นและเป็นที่จับตาคือ เฟอร์ดินานด์ “บองบอง” มาร์กอส จูเนียร์ อดีตวุฒิสมาชิกฟิลิปปินส์ วัย 64 ปี

หน่อเนื้อเชื้อไขของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ อี.มาร์กอส ผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ ที่ถูกพลังมวลชนลุกฮือโค่นล้มลงจากอำนาจในปี ค.ศ.1986 จากการใช้อำนาจกดขี่ทารุณประชาชนและก่อการทุจริตปล้นชาติ คิดเป็นมูลค่าราว 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ จนมาร์กอสผู้พ่อต้องหอบครอบครัวอพยพลี้ภัยหนีไปอยู่สหรัฐอเมริกา ก่อนมาร์กอสจะสิ้นลมลง

กระทั่งนางอีเมลด้า มาร์กอส ภรรยา พร้อมลูกๆ ที่รวมถึงมาร์กอส จูเนียร์ หรือบองบอง จะเดินทางกลับมาอยู่ฟิลิปปินส์

นางเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในขณะนี้ ที่ในครั้งนี้เธอลงสมัครชิงตำแหน่งประมุขสูงสุดฝ่ายบริหาร ในนามพรรคเสรีนิยม โรเบรโดในวัย 56 ปี เป็นอดีตทนายความที่ต่อสู้เพื่อผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ

ถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของมาร์กอสที่เขาเคยพลาดท่าปราชัยให้กับโรเบรโดมาแล้วเมื่อครั้งลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2016

ทว่าในสายตาของพวกชอบวิจารณ์เธอมองว่าโรเบรโดเป็นตัวแทนของกลุ่มชนชั้นนำและยังสังกัดพรรคการเมืองที่มีสายสัมพันธ์สนิทสนมกับกลุ่มคนร่ำรวยและทรงอิทธิพลในประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีคู่แข่งที่เป็นสีสันอย่างแมนนี ปาเกียว ฉายา “เดอะแพ็กแมน” แชมป์มวยโลกสากล 8 รุ่นคนแรกของโลกขวัญใจชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งผันตัวมาเล่นการเมืองและเป็นวุฒิสมาชิกอยู่ในขณะนี้

นายฟรานซิสโก โดมาโกโซ อดีตนักแสดงชื่อดัง ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา วัย 47 ปี

และนายปันฟิโล ลาคสัน วุฒิสมาชิกอีกราย ที่ลงสนามสู้ศึกด้วย

 

ในส่วนของสนามชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเช่นกัน

ผู้สมัครที่เป็นตัวเก็งแถวหน้าคือ ซารา ดูแตร์เต-คาร์ปิโอ นายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ผู้เป็นบุตรสาวของประธานาธิบดีดูแตร์เต ซึ่งประกาศจับมือเป็นคู่หูกับมาร์กอสในการสู้ศึกเลือกตั้งชิงทำเนียบมาลากันยังครั้งนี้กันไปแล้ว

โพลสำรวจความนิยมล่าสุดที่เปิดเผยออกมาเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน น่าจะยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้กับมาร์กอสมากขึ้น เมื่อผลโพลชี้ว่า มาร์กอสมีคะแนนนิยมทิ้งห่างโรเบรโดมากขึ้นไปอีกถึง 44 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนในเดือนธันวาคมถึง 11 จุด

โดยโพลล่าสุดของพัลส์เอเชีย ซึ่งสำรวจความเห็นกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,400 คน เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาระบุว่า มาร์กอสมีความนิยมอยู่ที่ 60% ส่วนโรเบรโดได้ 16% ตามมาด้วยปาเกียวและโดมาโกโซ ที่ 8% เท่ากัน และวุฒิสมาชิกลาคสัน 4%

ส่วนซารา ดูแตร์เต-คาร์ปิโอ มีคะแนนนิยมนำวีเซนเต ซอตโต ประธานวุฒิสภา อยู่ถึง 21 จุด ในการชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี

 

ทว่าก่อนที่วันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวันชี้ชะตาจะมาถึง มาร์กอสได้เผชิญวิบากกรรมทางการเมืองยกแรก จากการถูกยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ตัดสิทธิ์ มาร์กอสออกจากการเลือกตั้ง

โดยชี้ว่ามาร์กอสยังมีคดีไม่เสียภาษีในปี 1995 และการไม่ยื่นภาษีเงินได้ระหว่างปี 1982-1985 อยู่ ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเขามีความผิดจริง แต่ในปี 1997 แม้ศาลอุทธรณ์ยืนคำตัดสินว่ามาร์กอสกระทำความผิด แต่ให้ยกโทษจำคุกไป

แต่เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ มาร์กอสถูกกลุ่มผู้ต่อต้านยกคดีความดังกล่าวมาโจมตี

แม้ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้งจะปัดตกคำร้องนี้ไปเมื่อไม่กี่วัน แต่กลุ่มผู้ร้องเรียนที่มีนางลอตเรตตา แอน โรซาเลส หนึ่งในผู้ตกเป็นเหยื่อถูกทารุณกรรมภายใต้ระบอบปกครองของมาร์กอสผู้พ่อ ได้ประกาศกร้าวจะต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมายต่อไปจนถึงศาลสูงสุดเพื่อเอาผิดกับมาร์กอส

กระนั้นในมุมมองของปีเตอร์ มัมฟอร์ด นักวิเคราะห์จากยูเรเซียกรุ๊ป มองว่า มาร์กอสยังคงเป็นตัวเลือกที่ได้รับการสนับสนุนท่วมท้นในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่มัมฟอร์ดยังวางเดิมพันไว้ว่ามาร์กอสมีโอกาสถึง 70% ที่จะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนการมีผู้นำที่มีความเด็ดขาดอย่างนายดูแตร์เต ที่กำลังพ้นจากอำนาจไป มองว่า มาร์กอสเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งที่สุดในการนำประเทศ

แต่กลุ่มที่ต่อต้านมาร์กอส ซึ่งอาจมีบาดแผลเจ็บปวดจากการตกอยู่ใต้อำนาจปกครองที่กดขี่และเต็มไปด้วยการทุจริตของมาร์กอสผู้พ่อในอดีต มองว่า การหวนคืนสู่อำนาจปกครองประเทศของหน่อเนื้อเชื้อไขของตระกูลมาร์กอส ย่อมเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

อย่างไรก็ดี สุดท้ายผู้ที่จะเป็นคนชี้ชะตาว่าผู้สมัครคนใดที่เหมาะสมจะก้าวเข้าไปครอบครองทำเนียบมาลากันยัง ก็คือประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมดที่จะไปออกใช้สิทธิ์ออกเสียงในวันนั้น

ส่วนมาร์กอสจะเดินตามฝัน ยึดคืนมาลากันยัง ได้หรือไม่ ต้องรอลุ้น!