ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
โฟกัสพระเครื่อง
โคมคำ
เหรียญรุ่นแรก-รุ่นสอง
หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง
พระเกจิชื่อดังอัมพวา
“พระครูสมุทรวิริยาภรณ์” หรือ “หลวงพ่อปึก บุญญวิริโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดสวนหลวง ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ถือเป็นพระเกจิอาจารย์ทรงพุทธาวิทยาคมที่ชาวอัมพวา และชาวบ้านพื้นที่ใกล้เคียงเลื่อมใสศรัทธา
ในห้วงที่ยังมีชีวิต สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังเอาไว้หลายรุ่น ล้วนได้รับความเลื่อมใสจากนักนิยมสะสมพระเครื่อง นำไปคล้องคอติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคล
ที่ได้รับความนิยม คือ “เหรียญหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง รุ่นแรก”
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2503 ที่ระลึกกรรมการวัดและศิษย์ใกล้ชิดในสมัยนั้น มีการสร้างด้วยเนื้อโลหะทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น โดยปลุกเสกเดี่ยว จำนวนการสร้าง 100 เหรียญ บางตำราว่าสร้าง 250 เหรียญ
ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว ด้านหน้า เป็นรูปเหมือนครึ่งร่าง ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทย เขียนคำว่า “หลวงพ่อปึก ปุญฺญวิริโย”
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ และมีอักขระภาษาไทย เขียนคำว่า “ให้แก่คณะกรรมการวัดงานปี ๒๕๐๓”
อย่างไรก็ตาม เหรียญรุ่นสองก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2508 ที่ระลึกฉลองอายุครบ 5 รอบ 60 ปี มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดง และเนื้ออัลปาก้า โดยปลุกเสกเดี่ยว ซึ่งในการเสกพระนั้นจะปิดกุฏิเสก เนื่องจากเหรียญที่เสกนั้นในระหว่างที่ปลุกเสกเหรียญลอยและหมุนวนในอากาศคล้ายบินได้ จนกลัวว่าจะบินหายไป จึงเป็นที่มาของชื่อรุ่นนี้ “รุ่นเหรียญบิน” จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว ด้านหน้า เป็นรูปเหมือนครึ่งร่าง ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ มีอักขระภาษาไทย เขียนคำว่า “พระครูปึก บุญฺญวิริโย”
ด้านหลัง มีอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ เหนือยันต์มีอักขระภาษาไทย เขียนคำว่า “วัดสวนหลวง” ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนคำว่า “พ.ศ.๒๕๐๘ ศิษย์สร้างถวายในงานทำบุญอายุครบ ๖๐ ปี”
ทุกวันนี้ กลายเป็นอีกเหรียญวัตถุมงคลที่หายาก
เป็นชาวสวนหลวงมาแต่กำเนิด ท่านเกิดในปี พ.ศ.2448 บิดา-มารดาชื่อ นายอิ่มและนางแจ่ม โพธิ์อิ่ม โดยนายอิ่มท่านนี้ได้บวชและเป็นเจ้าอาวาสวัดสวนหลวงอีกด้วย
ในสมัยเด็กมีความฉลาดเฉลียวเกินกว่าเด็กทั่วไป และได้บวชเป็นเณร
จนเมื่อปี พ.ศ.2468 เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดสวนหลวง ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ได้รับฉายาว่า “ปุญญวิริโย” โดยมีเจ้าอธิการคง ธัมมโชโต วัดบางกะพ้อม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการฮ้อ วัดราษฎร์บูรณะ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการอิ่ม วัดสวนหลวง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
อยู่จำพรรษาที่วัดสวนหลวง แต่เดินทางไปเรียนวิชาคาถาอาคมและวิชากรรมฐานกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่เสมอๆ ซึ่งเป็นศิษย์สายตรงร่ำเรียนวิชามาจากหลวงพ่อคงของจริง
โดยจะพายเรือข้ามฟากไปเรียนกับหลวงพ่อคงอยู่เสมอ บางครั้งก็ไปค้างแรมที่วัดบางกะพ้อม ทำอยู่เป็นประจำ จนสำเร็จวิชาหลายอย่างจากหลวงพ่อคง โดยเป็นศิษย์รุ่นเดียวกับหลวงพ่อสาย วัดจันทร์เจริญสุข และเป็นศิษย์พี่ของหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
ต่อมาได้ขึ้นเป็นรองเจ้าอาวาสวัดสวนหลวง เพื่อช่วยพระอธิการอิ่ม ดูแลวัด จนถึงปี พ.ศ.2481 พระอธิการอิ่มมรณภาพลง จึงได้รับช่วงดูแลวัดสวนหลวงเรื่อยมา จนได้รับการการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ.2486
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ประวัติของท่านไม่ได้มีการจดบันทึกไว้อย่างละเอียด ด้วยเหตุที่สมัยนั้นวัดสวนหลวงเป็นวัดเล็ก ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้คนต่างพื้นที่เท่าใดนัก
วัดสวนหลวงนี้เริ่มเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในสมัยนั้น เพราะเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้รักสันโดษ อยู่อย่างสมถะเรียบง่าย ทรงอภิญญามีจิตใจเมตตาสูง เป็นที่นับถือยิ่งของชาวบ้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเรือตังเก มักนำเรือมาให้เจิมอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ ท่านยังเก่งด้านยาสมุนไพร รับรักษาญาติโยมที่เดือดร้อนได้อย่างดียิ่งจนชาวบ้านเรียกกันว่าพระหมอวัดสวนหลวง
วัดสวนหลวง เป็นวัดราษฎร์ ที่ตั้งของวัดอยู่ที่บ้านแหลมสวนหลวง หมู่ที่ 1 ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม สันนิษฐานว่าเชื้อพระวงศ์เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมา อีกข้อมูลหนึ่งเชื่อว่าเป็นพระยาในสมัยนั้นเป็นผู้สร้าง จึงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้น
จากหลักฐานของกองพุทธศาสนาบันทึกไว้ว่า ได้ตั้งเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ.2245 ร่วมอายุของวัดนี้แล้ว 300 ปีเศษ จึงทำให้ถาวรวัตถุในวัดหลายๆ ชิ้นที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ถึงความเก่าแก่ของวัดสวนหลวงแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อจักรนารายณ์ พระพุทธรูปโบราณปูนปั้น ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ เจดีย์โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ที่ตั้งอยู่ข้างอุโบสถ กุฏิสงฆ์ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งเดียวในจังหวัดสมุทรสงคราม พระพุทธรูปโบราณอีกจำนวนหนึ่ง
ปกครองวัดสวนหลวงอย่างร่มเย็น จนมรณภาพลงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2516 นับรวมสิริอายุได้ 68 ปี พรรษา 47
ทั้งนี้ วัดสวนหลวงได้เก็บรักษาสรีระไว้จนถึงปี พ.ศ.2525 จึงได้ขอพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 7 มีนาคม 2525