อาจินต์รำลึก : แปดปีที่แก่งเสี้ยน (14)/บทความพิเศษ แน่งน้อย ปัญจพรรค์

นิวัฒน์ กองเพียร พาครองศักดิ์ จุฬามรกรต มาสัมภาษณ์เรื่องแม่ เพื่อจะทำพิพิธภัณฑ์แม่

บทความพิเศษ

แน่งน้อย ปัญจพรรค์

 

อาจินต์รำลึก

: แปดปีที่แก่งเสี้ยน (14)

บาดาล ผักหวานป่า บ้านใหม่ (จบ)

งานใหญ่คือสร้างบ้านปีนี้เสร็จไปแล้ว อีกสองเดือนก็สิ้นปี หลังจากงานยุ่งๆ หนักๆ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2557 เราก็พบสิ่งน่ารื่นรมย์ ใครๆ เขาว่าเห็ดโคนเป็นโอชะของแผ่นดิน แต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นความน่ารื่นรมย์มากกว่า โอชะก็ด้วย แต่เหนือกว่าและมากกว่าโอชะซึ่งชั่วขณะก็หมดไป

มันเป็นความรื่นรมย์ตั้งแต่แรกที่เห็น เตรียมอาวุธสำหรับงัดแงะ ค่อยๆ งัดขึ้นเบาๆ วางเบาๆ ทีละดอกๆ คุ้ยไปแคะไปเดี๋ยวก็เต็มกะละมัง ไม่เคยเห็นเห็ดโคนที่ดอกใหญ่ขนาดนี้ มีดอกหนึ่งมันยาวคืบกว่าเกือบสองคืบ แต่เห็นช้าเกินไป มันบานแล้ว แต่ดอกอื่นๆ ยังเล็กกว่า ยังตูมอยู่ ดอกใหญ่ที่บาน กินก้านไม่ได้เลย เหนียวหนึบ กินได้แต่ส่วนร่มของมันที่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร

ฤดูนี้ วันที่อากาศอ้าวๆ อุณหภูมิกำลังดี จะมีเห็ดโคนให้เก็บ

บางวันมีชาวบ้านเดินขึ้นมาในที่ดินของเรา คุ้ยๆ แงะๆ ทีแรกไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรในบ้านเรา ทีหลังจึงรู้ เขาว่ากันว่า เห็ดโคนที่ไหนก็ตาม ใครเห็นก็เป็นของคนนั้น เก็บได้เลย มันก็แปลกดี

เมล็ดผักหวานแก่สุกบนต้น ต้นนี้อายุ 10-20 ปี

7พฤศจิกายน 2557 วันอันน่ารื่นรมย์ของเราปีนี้ จักรเก็บเห็ดโคนข้างทางเดินไปบ้านฉลองได้เกือบสองกิโล คนที่ชอบเห็ดโคนมากๆ พอมีงานวันเห็ดโคนประจำปีเขาก็จะมากัน ส่วนมากมาแล้วก็ไม่สมหวังนัก ไม่มีเห็ดบ้าง มีน้อยมากบ้าง ก็เพราะว่างานนี้เป็นงานที่เขามีกำหนดจัดแน่นอนประจำปี พอถึงวันงาน บางปีเห็ดมันยังไม่ออก ออกน้อย หรือวายหมดไปแล้ว มันไม่ออกตรงเป๊ะทุกปีแล้ว ราคาก็แพงมาก ออกใหม่ๆ มีน้อยๆ บางปีกิโลกรัมละ 1,200 !! พอกลางๆ ฤดูก็ถูกลงๆ ทางเหนือขึ้นไปทางไทรโยค ทองผาภูมิ หรือเลยขึ้นไปอีกจะถูกกว่าทางนี้มาก

แม้แต่ที่อำเภอนี้ด้วยกัน ชาวบ้านวางขายตามข้างถนนตามจุดต่างๆ ก็ยังราคาไม่เท่ากัน ปีนี้ แถวชุกโดน กิโลกรัมละ 450 ไล่เข้าเมืองมาแถวสนามกีฬา ก็เหลือ 350 บาท 300 บาท ปีอื่นๆ ก็ราวๆ นี้

ที่บ้านเรา ใครเก็บเห็ดดอกโตๆ ได้ก็เอามาให้อาจินต์ ตาก้านก็เคยเอามาให้ อาจินต์ก็ถือเห็ดโชว์ยาวเกือบเต็มศอก ใครเคยเห็นไหมล่ะ

วันดีคืนดี 24 พฤศจิกายน 2557 อาจินต์ก็เกิดอยากเดินทางเท้าที่วางอิฐ 25 ก้อนไว้นั่นอีก จะเดินไปนั่งเล่นที่ศาลา

ฉันพาเดินตัวเกร็งจนเหนื่อย เลยบอกให้ถือ walker วางคร่อมอิฐไปทีละก้อนก็ทำได้ดีเกินคาด เราก็ตามติดคอยระวัง มาจนพ้นอิฐก้อนสุดท้าย ก็ให้ยืนเฉยๆ รอ ฉันเอา walker จะไปวางที่ศาลา บอกว่าถ้าจะล้มให้บอกนะ จะถ่ายรูปตอนล้ม เดี๋ยวจะเดินมารับ ระหว่างรอให้กบคอยระวังหลัง จักรยืนมองอยู่ไม่ไกล พอฉันคล้อยหลังก็ตัวเอนล้มเลย จักรพรวดมารับได้ทันทุกที นายคนนี้ไวและแม่น แล้วทุกคนก็พากันมาที่ศาลา

อาจินต์นั่งเล่นเพลิดเพลินอยู่นาน กินข้าวแล้วก็ยังไม่ยอมกลับ เอาหนังสือมาเปิดๆ ดู เอนหลังพิงเก้าอี้ขาวหลับไปตื่นไปจนบ่าย จะต้องล้างถุงอึหน้าท้องแล้วเลยต้องกลับ จักรต้องเอารถมารับ

วันรุ่งขึ้นวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 พาเปลี่ยนทางเดิน แทนที่จะลงด้านหน้าตามปกติ ก็พาลงด้านข้าง บันไดตรงนี้สูง 9 ขั้น พาเดินลงจนถึงพื้นได้ เดินต่อไปจนถึงร่มตะขบมุมโรงรถก็หยุดพัก ยืนพักอยู่ดีๆ ก็ค่อยๆ ทรุดลงๆ จนกองกับพื้น หัวเข่าอ่อนแรง จักรมายกขึ้นพาไปศาลา นั่งเล่นจนถึงบ่ายอีก

ระยะนี้มานั่งที่ศาลาจนบ่ายทุกวัน

เก็บเมล็ดสุกแล้วทิ้งไว้จนงอม ถ้านำมาล้างบีบเอาเปลือกออก ควรใส่ถุงมือ ถ้าแพ้จะคัน

พอปลายเดือน 28 พฤศจิกายน 2557 สูบน้ำได้แค่ 10 นาทีก็หมด เป็นอยู่สองวัน บอกลุงเล็กคนเจาะบ่อ เขาว่าบ่อแถวนี้มีปัญหามาก มันแล้ง บางบ้านไม่มีน้ำในบ่อให้สูบเลย บ้านเรายังมีน้ำ แต่ต้องหย่อนซับเมอร์สลงไปอีก 3 ท่อน ราว 18 เมตร

วันที่ 8 ธันวาคม 2557 ลูกลุงเล็กก็เอาท่อมา 3 ท่อน เลื่อนซับเมอร์สลงไปได้ 20 เมตร ตอนนี้อยู่ระดับ 80 เมตรจากในบ่อที่ลึก 125 เมตร หย่อนลงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ค่าใช้จ่ายวันนี้รวมราว 2,000 บาท

กลางเดือน 16-17 ธันวาคม 2557 ฉันมีธุระที่กรุงเทพฯ จำเป็นต้องไปจัดการกับธุรกรรมการเงินที่ธนาคารให้พี่สาวคนโต เขามอบให้ฉันเป็นผู้ดูแลจัดการให้เขามาพักใหญ่แล้ว ตัวเองเขาหลงลืม อายุมาก ทำอะไรผิดๆ ถูกๆ เลยยกให้น้องจัดการหมด

นานๆ ฉันจึงจะทิ้งไปเสียที ไปไม่ทันไรกบโทร.บอกว่าพี่น้อยไปได้ชั่วโมงเดียวคุณลุงก็ถามกลับรึยังๆ พอจักรบอกกบว่าจะออกไปรับตอนเย็น คุณลุงก็บอกว่า รีบไปเลยๆ ไม่ต้องไปบอกกบ กบมันไม่สนใจไยดีอะไรทั้งนั้น พอฉันกลับถึงบ้าน อาจินต์ดีใจจนดูน่าสงสาร

“มาแล้วๆ ดีใจมาก เป็นห่วง ไม่โทร.มาเลย!!”

โถ อาจินต์ ฉันไป 1 คืน โทร.มาตั้งสองหน บอกว่าไม่โทร.

เปลือกเมล็ดเริ่มแตก

รุ่งขึ้น 18 ธันวาคม 2557 อาจินต์อยากออกจากบ้าน โอ้โฮ ธรรมดาชวนไปไหนก็ไม่ไป วันนี้อยากออก

ถามว่าอยากไปไหน ไปไหนก็ได้ เราก็เลยพากันไปกินก๋วยเตี๋ยวอร่อยแฟนประจำคือที่ร้านปัง-เตี๋ยว-เต๊ก ของอาจารย์สุมาลี

แล้วพาไปห้องสมุดประชาชน ในนี้มีหนังสือประมาณสามหมื่นเล่ม ฉันถามหาหนังสือของอาจินต์ ไม่มีเลย!

ต่อมาก็เลยเอาหนังสืออาจินต์ไปให้บ้าง เท่าที่มีอยู่ที่นี่ แล้วก็อยากไปร้านขายหนังสือ มีอยู่ร้านหนึ่ง ใครไม่รู้เคยพาไป เป็นร้านที่มีหนังสือพวกวรรณกรรมมากหน่อย คือร้านพันทาง

เจ้าของร้านเห็นอาจินต์ก็ดีใจ แต่อาจินต์เดี๋ยวนี้ดูหนังสือกี่เล่มๆ แล้วก็วาง มีเล่มหนึ่งถามราคาเขา เขาตอบว่า 250 อาจินต์ร้องโอ้โฮ 200 ได้ไหม เจ้าของร้านทำหน้าไม่ถูก ฉันก็ขำมากกว่า อาจินต์เคยขายแต่หนังสือเล่มละ 5 บาท เท่าโอเลี้ยงสมัยที่แก้วละบาท 5 แก้ว ความรับรู้เรื่องค่าของเงินเปลี่ยนไปมากแล้ว เหมือนรุ่นพ่อแม่เราที่เห็นอะไรก็แพงไปหมดจริงๆ อาจินต์ก็ไม่ได้ใช้จ่ายเงินเองมานานพอควรที่จะไม่รับรู้ค่าของมันในปัจจุบันแล้ว

ปลายปีนี้ ยังมีรางวัลทางสังคมวรรณกรรมอีก 2 รางวัลที่อาจินต์ได้รับ 23 ธันวาคม รางวัลวรรณกรรมแห่งชาติ สวช. เป็นผู้จัด ให้คุณประภัสสร เสวิกุล ผู้เป็นเจ้าของโครงการนี้รับแทน

แล้วต้นปีหน้า 18 มกราคม 2558 ยังมีรางวัลบรรณาธิการเกียรติยศ ของสมาคมภาษาและหนังสือ ของคุณนิลวรรณ ปิ่นทอง

รางวัลนี้อาจินต์ร่างคำปราศรัยให้วรพจน์ ประพนพันธุ์ ไปอ่านวันรับรางวัลแทน

แต่ปีนี้ อาจินต์ถดถอยลงมาก ความจำระยะสั้นหายไปมากแล้ว เดินแย่ลง หกล้มหลายหน ดีที่มีคนช่วยทุกหน

สิ้นปี 31 ธันวาคม-1 มกราคม ก็จะมีญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทไม่กี่คนมาเยี่ยมเยียน ไม่เตรียมอะไรมาก นั่งกันที่ศาลาจนล้นออกมานอกชายคาเหมือนปีก่อนๆ ทุกปี