2503 สงครามลับ สงครามลาว (66)บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (66)

 

ความสำเร็จของทหารม้ง

กรกฎาคม 2514 บริเวณทุ่งไหหินตกเป็นของฝ่ายเราโดยสิ้นเชิง ทหารเสือพรานได้เข้ายึดอยู่ตามยอดเนินสูงอันเป็นภูมิประเทศสำคัญโดยรอบทุ่งไหหิน 4 จุด จุดละ 1 กองพัน

ส่วนทหารท้องถิ่นของนายพลวังเปาก็ยังคงรุกไล่กวาดล้างข้าศึกตามขอบนอกทุ่งหิน และพยายามที่จะผลักดันข้าศึกให้ถอยร่นขึ้นไปทางเหนือเพื่อที่จะเข้ายึดแก่งไก่ (คังไข) หนองเป็ด และบ้านบาน อันเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของข้าศึกในภูมิภาคส่วนนี้

บ้านบ่วมลอง ซึ่งอยู่ห่างจากทุ่งไหหินไปทางเหนือราว 20 ก.ม. ถูกข้าศึกโอบล้อมล้อมมาเป็นเวลาแรมเดือนเนื่องจากอยู่ห่างจากหน่วยแม่มาก การติดต่อทางพื้นดินถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง แต่ทหารม้งที่นี่ได้ยืนหยัดต่อสู้โดยอาศัยยอดเขาซึ่งรายล้อมโดยรอบเป็นชัยภูมิตั้งรับ โดยข้าศึกไม่สามารถใช้กำลังเข้ายึดครองได้ นอกจากใช้การยิงรบกวนด้วยอาวุธหนัก

ข้าศึกได้ถอนกำลังจากบ่วมลองลงมาทางใต้เพื่อต้านทานกำลังฝ่ายเราทางด้านทุ่งไหหิน บ่วมลองจึงปลอดภัยและยังสามารถใช้เป็นฐานไล่ติดตามข้าศึกลงมาทางใต้ เพื่อมิให้คุกคามบริเวณทุ่งไหหินจากด้านทิศเหนือได้อีกต่อไป

กำลังทหารท้องถิ่นของนายพลวังเปาทำการรบโดยอาศัยความอดทนและความได้เปรียบจากภูมิประเทศอันเป็นถิ่นกำเนิดรุกไล่ข้าศึกภายใต้การสนับสนุนจากกำลังทางอากาศ ที-28 ของกองทัพอากาศลาวและฝูงบินขับไล่ทิ้งระเบิดของสหรัฐเพิ่มเติมด้วย “สปุ๊กกี้” อีกจำนวนหนึ่ง จึงสามารถยึดพื้นที่ เสบียงอาหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ข้าศึกละทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก

แต่เดิมนั้นฝ่ายเราประมาณการว่ากำลังทหารเสือพรานซึ่งจะสนับสนุนทหารท้องถิ่นของนายพลวังเปาในการยึดรักษาทุ่งไหหินนั้น จะต้องมีทั้งสิ้นถึง 27 กองพันทหารราบ หรืออย่างน้อย 18 กองพัน สนับสนุนด้วย 3 กองพันทหารปืนใหญ่ และ 3 กองพันยานเกราะ

แต่บัดนี้นายพลวังเปาสามารถทำการยึดทุ่งไหหินคืนได้ด้วยการจู่โจมเข้าตัดกำลังข้าศึกทางด้านหลังโดยใช้ทหารราบท้องถิ่นเพียง 9 กองพันเท่านั้น

ต่อมาเมื่อสามารถยึดตำบลสำคัญต่างๆ ในบริเวณทุ่งไหหินไว้ได้แล้วจึงมอบให้ทหารเสือพรานยึดรักษาตามยอดเนินสำคัญต่างๆ รอบทุ่งไหหิน 4 จุด คือ พัน ทสพ.604 ยึดรักษาอยู่ทางด้านใต้ที่ภูห่วง พัน ทสพ.605 ทางด้านเหนือที่ภูเก็ง พัน ทสพ.609 ทางด้านตะวันออกที่ภูเทิง และพัน ทสพ.610 ทางด้านตะวันตกที่ภูเซอ

ขณะนั้น บริเวณทุ่งไหหินยังไม่มีฐานปืนใหญ่สนับสนุน และข้าศึกที่ถอยจากทุ่งไหหินแล้วไปรวมตัวกันทางทิศตะวันออกเริ่มคุกคามต่อกำลังฝ่ายเราบริเวณภูเทิง

ปืนใหญ่ท้องถิ่นซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเทิงมีเพียงกระบอกเดียว ไม่สามารถทำการสนับสนุนอย่างได้ผล

 

ฐานยิงแห่งใหม่-มัสแตง

หลังจากที่ฝ่ายท้องถิ่นยึดทุ่งไหหินไว้ได้ ข้าศึกที่เผชิญหน้าเริ่มถอนตัวออกไปเป็นลำดับ ฐานยิงต่างๆ ของฝ่ายเราจึงมีภารกิจยิงน้อยลง ขณะที่ในพื้นที่ทุ่งไหหินยังขาดการยิงสนับสนุนจากทหารปืนใหญ่ จึงมีการปรับที่ตั้งฐานยิงเสียใหม่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2514 โดยโยกย้ายร้อย ป.155 จากฐานยิงซีบร้าไปตั้งที่บ้านโตนซึ่งอยู่ห่างจากภูเทิงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 4 ก.ม. เพื่อสนับสนุน พัน ทสพ.609 และทหารท้องถิ่นในบริเวณนั้น

โดยเรียกฐานยิงแห่งใหม่นี้ว่ามัสแตง

มี พัน ทสพ.603 และ 607 ให้การระวังป้องกันและมีการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่พื้นที่บริเวณภูเทิง เรียกว่า “ภูเทิงคอมเพล็กซ์-PHOU TEUNG COMPLEX” ซึ่งจะกลายเป็นที่หมายหลักของข้าศึกในการเข้าตีครั้งใหญ่ปลายปี 2514

ฐานยิงมัสแตงแห่งใหม่นี้ จัดกำลังจากร้อย ป.155 ซึ่งมีบุญโปรด (ร.ท.ธงชัย พรหมวราทร) เป็น ผบ.ร้อย กองร้อยนี้ได้ปฏิบัติการรบอย่างหนักติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่เริ่มเข้ามาปฏิบัติการที่ฐานยิงซีบร้า และเป็นฐานยิงที่ถูกโจมตีจากข้าศึกมากที่สุดจนต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนหลายนาย

บัดนี้กองร้อยนี้จะเข้ารับภารกิจสนับสนุนบริเวณทุ่งไหหินด้านตะวันออกอันเป็นจุดที่ข้าศึกรวมกำลังกันอยู่มากที่สุด

การเตรียมการสนับสนุนการเคลื่อนย้ายกำลังพลและวัสดุก่อสร้างต่างๆ แก่ฐานยิงมัสแตงไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร จำนวนเฮลิคอปเตอร์ในการขนย้ายมีไม่เพียงพอ

ไม้ซึ่งเคยแสวงหาได้ในภูมิประเทศก็ไม่สามารถหาได้เลย เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นที่โล่งเตียน ประกอบทั้งในทันทีที่เฮลิคอปเตอร์สกายเครนยกปืนไปเข้าที่ตั้งยิง หน่วยต่างๆ ก็ร้องขอการยิงมาอย่างมากมายทันที ทั้งๆ ที่ยังดัดแปลงที่มั่นไม่เรียบร้อย และการลำเลียงกระสุนก็ต้องทำตลอดเวลากลางวัน จึงทำให้กำลังพลของฐานยิงมัสแตงต้องทำงานอย่างหนักที่สุด

ความไม่พร้อมในการเข้าสู่ที่ตั้งยิงของฐานยิงมัสแตงเหล่านี้จะกลายเป็นจุดอ่อนให้ข้าศึกเข้าโจมตีและสร้างความเสียหายให้แก่ฐานยิงแห่งนี้ไม่น้อย

ฐานยิงมัสแตงรับมอบภารกิจยิงสนับสนุนแก่ทหารเสือพราน 3 กองพัน และทหารท้องถิ่นอีก 2 กรม ต้องทำการยิงที่หมายต่างๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน

นอกจากนั้น ยังเป็นฐานยิงซึ่งออกไปพ้นรัศมีการยิงของฐานยิงอื่น จึงทำให้เป็นที่น่าวิตกว่า ถ้าหากถูกข้าศึกคุกคามจะล่อแหลมต่ออันตรายอย่างยิ่ง

 

ขณะนั้นข้าศึกซึ่งถอนตัวออกไปจากพื้นที่เดิมเริ่มตั้งหลักได้และรวมกำลังกันอยู่บริเวณทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของทุ่งไหหินเพื่อรุกตอบโต้ป้องกันมิให้ฝ่ายเราเคลื่อนที่เข้าไปยึดพื้นที่สำคัญทางตะวันออกเฉียงเหนือต่อไปได้

กำลังทหารท้องถิ่นของนายพลวังเปาเริ่มประสบการต้านทานหนักขึ้นจนไม่สามารถรุกคืบหน้าต่อไปได้

นอกจากนั้น บางส่วนยังต้องถอยกลับลงมาที่สนามบินเชียงขวางซึ่งฝ่ายเรามีแผนจะใช้เป็นที่ตั้งฐานยิงขนาดใหญ่แห่งใหม่ของพัน ป.ทสพ.636 การคุกคามจากข้าศึกครั้งนี้จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้

ตลอดการรบที่เริ่มรุนแรงขึ้น ฐานยิงมัสแตงได้ทำการยิงสนับสนุนอย่างหนักแก่บริเวณทุ่งไหหินโดยรอบ โดยเฉพาะทางทิศตะวันออก

21 กรกฎาคม 2514 ฐานยิงมัสแตงยิงสนับสนุนฝ่ายท้องถิ่นต่อที่รวมพลข้าศึกทางทิศตะวันออกของทุ่งไหหิน สามารถสังหารข้าศึกได้ 16 คน และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ข้าศึกเริ่มสนใจฐานยิงแห่งนี้ เนื่องจากคุกคามต่อข้าศึกอย่างมาก

ข้าศึกเริ่มลำเลียงอาวุธหนักและกระสุนเป็นจำนวนมากเข้ามาทางทิศตะวันออก และทำการลาดตระเวนเพื่อกำหนดที่ตั้งที่แน่นอนของฐานยิงมัสแตง และโดยเหตุที่ฐานยิงแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งปืนใหญ่ของข้าศึกมาก่อนจึงไม่เป็นการยากของข้าศึก

25 กรกฎาคม 2514 นายพลวังเปาได้ส่งปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม.ของทหารท้องถิ่นมาสมทบให้ฐานยิงมัสแตงเพื่อเพิ่มอำนาจการยิง

ในระยะนี้ฐานยิงอื่นๆ เช่นอีเกิลที่ซำทอง คอบร้าที่ภูห่วง และไวท์ฮอร์สที่บ้านนามีภารกิจยิงลดลงอย่างมาก เนื่องจากไม่ค่อยปรากฏการปฏิบัติของข้าศึกในรัศมีการยิง จึงได้แต่ทำการยิงรบกวนและขัดขวาง และการยิงส่องสว่างให้แก่หน่วยเท่านั้น

ฐานยิงคอบร้าพยายามวางเป้าหมายยิงรบกวนและขัดขวางไปยังบริเวณใต้ภูเทิงคอมเพล็กซ์เพื่อแบ่งเบาภารกิจของฐานยิงมัสแตงทางด้านนี้

เนื่องจากฐานยิงมัสแตงต้องรับภารกิจเป็นจำนวนมากต่อที่หมายทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือทุ่งไหหินอยู่แล้ว

 

มัสแตงถูกโจมตี

26 กรกฎาคม 2514 ในที่สุด ฐานยิงมัสแตงก็ถูกโจมตีด้วยอาวุธจากข้าศึกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มตั้งฐานยิงสนับสนุน

ก่อนหน้านั้น 2 วัน ข้าศึกได้ทำการยิงหาหลักฐาน 3-4 ครั้ง ครั้นถึงเวลา 18.30 น. ฐานยิงมัสแตงก็ถูกถล่มด้วยอาวุธหนักทุกชนิดจากข้าศึกเป็นจำนวนถึง 120 นัดจากที่ตั้งยิงหลายแห่ง

และโดยเหตุที่ฐานยิงมัสแตงยังเป็นฐานซึ่งมีที่มั่นไม่แข็งแรง ที่ตั้งปืนและบังเกอร์ต่างก่อสร้างด้วยวัสดุอันจำกัดจึงล่อแหลมต่ออันตรายอย่างที่สุด