ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | กาแฟดำ |
ผู้เขียน | สุทธิชัย หยุ่น |
เผยแพร่ |
กาแฟดำ
สุทธิชัย หยุ่น
มนุษย์จะเป็นนายหรือทาสของ AI?
เขียนเรื่อง “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI มาได้สองตอนแล้วก็ต้องจบตอนนี้ด้วยคำถามใหญ่ว่า
อะไรที่ Artificial Intelligence หรือ AI ยังทำแทนมนุษย์ไม่ได้
เพราะหากไม่รู้คำตอบต่อคำถามนี้ก็อาจจะมองไม่เห็นอนาคตของมนุษยชาติเลย
แต่ก่อนจะหาคำตอบจากหนังสือเล่มล่าสุดของ Ka-Fu Lee และ Chen Qiufan ที่ชื่อ AI 2041 ที่เพิ่งวางตลาดในประเด็นนี้
ต้องถามก่อนว่าการลงทุนใน AI ด้านไหนบ้างที่น่าสนใจจากนี้เป็นต้นไป
กล่าวเฉพาะตัว Kai-Fu Lee เองก็ต้องเข้าใจก่อนว่าเขาเป็นผู้ก่อตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในธุรกิจ tech startups ชื่อ Sinovation Ventures
กองทุนนี้เน้นลงทุนไปใน 3 ประเภทธุรกิจคือ
Transportation หรือธุรกิจด้านยานพาหนะ
แน่นอนว่าที่กำลังเป็นที่จับจ้องของกลุ่มนักลงทุนคือ ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) หรือ AV ซึ่งวันนี้มีหลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้หันมาผลิตรถ EV (Electric Vehicles) หรือรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ช้าไม่นาน AV กับ EV ก็จะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน
อีกด้านหนึ่งที่กองทุนนี้สนใจคือ
Smart Manufacturing หรือการพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ และการผลิตอัจฉริยะ
ตัวอย่างเช่น รถ forklift แบบอัตโนมัติที่สามารถขับเคลื่อนและทำงานเองได้อัตโนมัติในโกดังโดยใช้คนน้อยที่สุด
กับหุ่นยนต์อัตโนมัติในโรงงานที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
Healthcare หรือธุรกิจสุขภาพทั้งหลายซึ่งกำลังจะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งโดยมีเทคโนโลยีมาผลักดันให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
คําถามต่อมาคือ AI มีความปลอดภัยแค่ไหน?
ความกังวลหลักก็น่าจะเป็นเรื่อง Privacy หรือความเป็นส่วนตัว
เพราะถ้าข้อมูลมีกว้างขวางมากขึ้น และการเจาะล้วงข้อมูลส่วนตัวทำได้ง่ายขึ้น สิ่งที่เรียกว่า cyber crime หรืออาชญกรรมด้านไซเบอร์ก็จะกลายเป็นความเสี่ยงสำหรับทุกคน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเป็นเหมือนดาบสองคม มีทั้งด้านที่ดีและเลวร้าย
หากเราสามารถควบคุม AI ได้ นั่นย่อมหมายความว่าเราสามารถออกกฎเกณฑ์กติกามาปกป้องความเป็นส่วนตัวของเราได้
แต่หากเราปล่อยปละละเลย ยอมให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถเขียน Algorithm มาล้วงความลับส่วนตัวเราได้ นั่นย่อมหมายถึงอันตรายที่คาดไม่ถึง
มนุษย์เป็นทั้งเหยื่อของอคติหรือ Bias ของ AI ได้
ขณะเดียวกันเราก็สามารถสร้าง AI มาตรวจสอบความอคติ และลบล้างความไม่เท่าเทียมได้เช่นกัน
อีกคำถามใหญ่คืออาชีพงานการในอนาคตของมนุษย์จะเป็นอย่างไร
ในเมื่อ AI มาทดแทนคนในหลายๆ อาชีพได้อย่างน่ากลัว
คำถามที่ตามมาก็คือทักษะอนาคตแบบใดบ้างจะยังเป็นของมนุษย์
อีกคำถามหนึ่งคือเราจะสอนเด็กให้เติบโตขึ้นมามีอาชีพที่ดีโดยไม่ถูก AI ทดแทนได้อย่างไร
และคนที่มีอาชีพอยู่ในปัจจุบันจะอยู่รอดและปรับตัวในยุค AI ได้อย่างไร
จะตอบคำถามนี้ได้ก็ต้องรู้ก่อนว่า AI ทำอะไรไม่ได้บ้าง…เพราะนั่นจะทำให้ตอบได้ว่าคนเราจะยังมีงานอะไรที่แข่งกับมันได้
สิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้วันนี้ (ไม่ได้แปลว่าจะทำไม่ได้ในอนาคตหากมีการวิจัยและพัฒนาโดยมนุษย์ต่อไป) มีเช่น
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
เรายังเชื่อว่า AI ไม่สามารถที่คิดหรือทำอะไรใหม่ๆ และยังไม่สามารถพัฒนาความคิดอ่านด้านสร้างสรรค์เองได้
หรืออาจจะยังวางแผนวางยุทธศาสตร์ด้วยตัวเองไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าในอนาคตมนุษย์จะสอนให้มันวางแผนเช่นนั้นได้
คำว่า “สามัญสำนึก” หรือ common sense ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์มี แต่เครื่องยนต์กลไกยังไม่มี
ยกเว้นเสียแต่ว่า AI จะมีความเป็นอัจฉริยะที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อีกอย่างหนึ่งที่ AI ไม่สามารถสร้างได้คือการ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Empathy
ซึ่งหมายถึงการเห็นอกเห็นใจคนอื่น
มนุษย์อยู่เหนือสัตว์ตัวอื่นก็ตรงนี้
แต่ AI ทำตามที่ถูกสั่ง ไม่สนใจว่าใครจะถูกใครจะผิด ใครได้เปรียบเสียเปรียบ
หากถูกเขียนโปรแกรมมาให้ทำอะไรก็ทำตามนั้น
จึงมีความหวาดหวั่นถึงขั้นที่ว่าหากเขียนโค้ดมัน AI สังหารใครสักคนหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มันก็จะทำตามนั้น
โดยไม่ตั้งคำถามว่าทำอย่างนั้นผิดศีลธรรมหรือผิดกติกาสากลหรือไม่อย่างไร
มนุษย์จึงยังมีความรู้สึกต่อเพื่อนร่วมโลกที่มีความเห็นอกเห็นใจและความห่วงใยคนอื่นได้มากกว่า AI แน่นอน
คุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่ AI ยังพัฒนาไม่ถึงคือ “ความคล่องแคล่วว่องไว” ที่หนังสือเล่มนี้เรียกว่า Dexterity
แต่ผมคิดว่าข้อด้อยนี้ของ AI อีกหน่อยก็สามารถพัฒนาถึงระดับที่เทียบชั้นกับคนได้
เพราะมันเป็นเรื่องทางกายภาพ มิใช่ด้านอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นสมบัติของมนุษย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
สรุปว่าหากจับมนุษย์ยืนจังก้ากับ AI ก็จะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างเรื่อง
ปฏิสัมพันธ์ด้านสังคมที่คนเก่งกับความไร้ความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างมนุษย์ของ AI
อีกกรณีหนึ่งก็คือการปะทะระหว่างงานประจำหรือ routine กับความสามารถในการสร้างสรรค์หรือ creativity
มนุษย์ยังอยู่เหนือ AI ทางด้านความสามารถในการสร้างสรรค์
แต่ถ้าเป็นเรื่องรูทีน เรื่องการทำอะไรซ้ำๆ ละก็ มนุษย์แพ้ยับเยินตั้งแต่ในมุ้ง
ดังนั้น ถ้าถามว่าอาชีพอะไรในอนาคตที่จะหดหายไปสำหรับมนุษย์
และอะไรที่ AI จะมาทดแทนคน ก็พิจารณาตามเงื่อนไขที่ว่านี้ จะได้คำตอบ
Kai-Fu Lee วิเคราะห์ไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วยการแยกงานในอนาคตเป็นกลุ่มๆ เช่น
งานกลุ่มที่ไม่ต้องใช้ทักษะทางสังคมและเป็นงานที่มีแบบแผนชัดเจน เช่น งานเจ้าหน้าที่ Call Center หรือพนักงานการตลาดผ่านทางโทรศัพท์ ผู้อนุมัติประกันภัย ผู้อนุมัติเงินกู้
มนุษย์จะถูกทดแทนโดย AI ในตำแหน่งงานเหล่านี้ค่อนข้างชัดเจน
แต่มีบางอาชีพที่มนุษย์กับ AI สามารถทำงานร่วมกันได้
เช่น งานกลุ่มที่ต้องใช้ทักษะทางสังคมสูงแต่เป็นงานที่ค่อนข้างมีแบบแผนชัดเจน
เช่น ครูหรือที่ปรึกษาความงาม รวมไปถึงนักวางแผนการแต่งงาน ผู้นำเที่ยว พนักงานต้อนรับโรงแรม
ยกตัวอย่างห้องเรียนในอนาคต
AI อาจดูแลการบ้านของนักเรียนและการสอบ การให้คะแนน เสนอบทเรียนมาตรฐานและการฝึกเรียนรู้สำหรับรายบุคคล
แต่ครูสวมบทเป็นโค้ชหรือพี่เลี้ยงที่คอยพูดคุยกับนักเรียน
และนำกิจกรรมที่ต้องพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์
AI อาจเสริม IQ แต่มนุษย์ยังคงไว้ซึ่งความสามารถด้าน EQ
งานอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะทางสังคมมากนัก เช่น นักวิจัย นักวิเคราะห์ นักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน นักเศรษฐศาสตร์
ในกรณีนี้ AI จะช่วยเสริมสิ่งที่มนุษย์ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าของความคิดความอ่านให้ได้ประโยชน์สูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์อาจใช้ AI เพื่อเร่งความเร็วของการค้นพบวัคซีนและยา
หรือนักเศรษฐศาสตร์สามารถใช้ AI ออกแบบสวัสดิการรายบุคคล
และนักวิเคราะห์สามารถใช้ AI ประมวลฐานข้อมูลที่โยงใยจำนวนมากเพื่อใช้ในการวิเคราะห์
แต่หากเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์และทักษะทางสังคม AI ยังไม่สามารถแทนมนุษย์ได้แน่นอน
อาชีพที่ยังจะอยู่กับคนต่อไปก็มีเช่นการเป็นผู้ประกอบการ
ผู้ให้คำปรึกษาด้านอาชีพ
นักการตลาดและประชาสัมพันธ์
นักสังคมสงเคราะห์
ท้ายที่สุดหากมองให้ครบทุกมิติ โลกอนาคตอันใกล้นี้ก็น่าจะเป็นโลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกับ AI ได้
หนังสือเล่มนี้สรุปได้ชัดเจนว่าในท้ายที่สุดการมาของ AI ควรจะทำให้มนุษย์ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
แก่นแท้ของความเป็นมนุษย์นั้นคืออะไร
และเมื่อมนุษย์คิดประดิษฐ์ AI ขึ้นมาได้แล้ว จะใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชนอย่างไร
โดยที่ไม่ตกเป็นทาสของมัน
และอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างคุณค่าแห่งความเป็นคนที่ยังมีศักดิ์ศรีและศีลธรรมได้มากน้อยเพียงใด