ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | ของแพงแต่ประยุทธ์ไม่ทำอะไรเลย

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ในที่สุดปี 2565 ก็กลายเป็นฝันร้ายสำหรับประเทศไทยรวดเร็วอย่างไม่ควรเป็น

เพราะนอกจากเราจะเริ่มต้นปีนี้ด้วยเหตุระเบิดยะลาและโควิดสายพันธุ์โอมิครอนระบาด

เดือนแรกของประเทศก็ยังเกิดปัญหาราคาอาหารพุ่ง, สินค้าขึ้นราคา และมีแนวโน้มจะเกิดภาวะข้าวยากหมากแพงระยะยาว

เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ หมูสามชั้นราคาพุ่งไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 260 บาท จนทำให้หมูราคาแพงกว่าเนื้ออย่างไม่เคยเป็น

ส่วนกลุ่มผู้เลี้ยงไก่และเป็ดก็ยืนยืนว่าจะขึ้นราคาไก่, ราคาเป็ด และราคาไข่ไก่ด้วย

ซึ่งก็เท่ากับว่าอาหารโปรตีนที่คนไทยกินมากที่สุดทุกชนิดกำลังแพงขึ้นทุกวัน

ล่าสุด ห้างใหญ่ที่ชื่อคล้ายรถแบ๊กโฮก็ขยับราคาปลานิลสูงขึ้นกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนปลาทับทิมก็ราคาสูงขึ้นกิโลกรัมละ 15 บาท

และอีกไม่นานปลาชนิดอื่นๆ ก็คงทยอยขึ้นราคาไปตามๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ปลาร้า, ปาท่องโก๋, ปาปริก้า หรือปาร์ตี้ อาจยกเว้นไม่ขึ้นราคาแค่ปราจีนบุรี

ด้วยราคาวัตถุดิบที่พุ่งรุนแรง ราคาอาหารที่คนกินในชีวิตประจำวันก็แพงขึ้นไปหมด โจ๊กขยับเป็นชามละ 60 ข้าวหมูกรอบพุ่งเป็นจานละ 70 ผัดกะเพราจานละ 65 ข้าวขาหมูข้างทางจานละ 80 ข้าวมันไก่จานละ 60 ไข่ดาวพุ่งฟองละ 10-15 บาท ซึ่งเท่ากับกินข้าวกินน้ำต่อมื้ออาจเฉียด 100 เลยทีเดียว

สำหรับคนที่กินข้าววันละสามมื้อ ราคาอาหารแบบนี้ทำให้แต่ละวันต้องเสียค่าข้าว ค่าน้ำวันละเกือบ 250

เงินก้อนนี้อาจไม่มากสำหรับคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รวยจากการขายที่ดินหลายร้อยล้าน ได้เงินเดือนและบำนาญทุกทางหลายแสน

แต่มันเกือบเท่าค่าแรงจากการทำงานซึ่งได้วันละ 300 กว่าบาทเท่านั้นเอง

ในมุมของนายพลที่แหวนเพชรเต็มนิ้วและเอาที่หลวงในค่ายทหารไปสร้างคฤหาสน์ฟรีๆ ข้าวจานละ 60-70 อาจไม่มากมายอะไร

แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำและคนกินค่าแรงซึ่งคุณประยุทธ์เหยียบจนโงหัวไม่ขึ้น ราคาอาหารระดับนี้นำมาสู่คำถามที่ต้องคิดทุกมื้อและทุกวันว่ากินอะไรถึงอิ่มที่สุดดี

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนไทยเผชิญปัญหาของแพงในยุคที่คุณประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐบาล เพราะเอาแค่ในช่วงปลายปี 2564 ปัญหาน้ำมันดีเซลแพงคือชนวนให้คนขับรถบรรทุกประท้วงรัฐบาล ส่วนปัญหาผักชีแพงทำให้คุณประยุทธ์สั่งทหารปลูกผักชีจนคนด่าทั้งประเทศถึงปัจจุบัน

คุณประยุทธ์ไม่มีสติปัญญาพอจะอธิบายสาเหตุที่ทำให้ของแพง ส่วนคุณธนกร วังบุญคงชนะ ยืมคำตอบข้าราชการมาชี้แจงว่าไทยของแพงเพราะสินค้าอุปโภคบริโภคราคาสูงขึ้นทั้งโลก แต่ที่จริงการที่สินค้าราคาสูงขึ้นอาจไม่เท่ากับ “ของแพง” ก็ได้ หากราคาสินค้าเพิ่มขึ้นในเวลาที่คนมีรายได้มากขึ้นพร้อมกัน

เจ็ดปีของคุณประยุทธ์เป็นเจ็ดปีที่คนไทยแทบไม่มีรายได้เพิ่มขึ้นเลย ประเทศไทยยุคประยุทธ์จึงเป็นประเทศที่ประชาชนเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้ามากเป็นพิเศษ

เมื่อใดที่สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาเปลี่ยนแปลง เมื่อนั้นเสียงประชาชนที่เดือดร้อนก็จะดังขึ้นทุกครั้งไป

ในกรณีน้ำมันดีเซล วิธีที่รัฐบาลแก้ปัญหาคือยกเลิกนโยบายที่ทำให้ดีเซลแพง ส่วนในกรณีผักชีพุ่ง วิธีที่รัฐแก้ปัญหาได้แก่รอให้ผักชีขึ้นตามฤดูกาลจนราคาลด

การแก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพงจึงเกิดโดยที่รัฐบาลแทบไม่ได้ทำอะไร

หรืออย่างมากที่สุดคือหยุดทำเรื่องไม่ควรทำอย่างน้ำมันดีเซล

อย่างไรก็ดี ปัญหาหมูราคาแพงรอบนี้ไม่ได้มีสาเหตุจากฤดูกาลหรือการกระทำโง่ๆ ของรัฐบาล รัฐบาลที่เคยแก้ปัญหาโดยพึ่งเวลาหรือหยุดทำอะไรโง่ๆ จึงไม่มีองค์ความรู้ในการแก้ปัญหาที่สาเหตุยากๆ อย่างหมูหายไปจากระบบการผลิตเป็นแสนๆ ตัวจนราคาหมูพุ่งเพราะมีหมูไม่พอให้คนกิน

เท่าที่มีการประเมินอย่างไม่เป็นทางการ ประเทศไทยมีคนเลี้ยงหมูเหลือแค่ 8 หมื่นจากที่เคยมีถึง 2 แสนราย ส่วนแม่พันธุ์หมูเหลือแค่ 6.6 แสนจากที่เคยมีถึง 1.1 ล้านตัว เท่ากับหายไป 40% ขณะที่สุกรขุนเหลือ 15 ล้านตัวจากที่เคยมี 19-20 ล้านตัวต่อปี หรือหายไป 30%

หมูแพงเพราะปริมาณหมูในตลาดขาดแคลน และสาเหตุที่หมูขาดแคลนเพราะเผชิญโรคระบาดจนตายเป็นล้าน คนเลี้ยงหมูที่ขาดทุนจนล้มละลายจึงอยู่ในธุรกิจนี้ต่อไม่ไหว และเมื่อคนเลี้ยงหมูลดลง จำนวนหมูที่เข้าสู่ตลาดก็ลดตามไปอีก วงจรอุบาทว์ที่ทำให้หมูแพงจึงวนเวียนซ้ำซากแบบนี้เรื่อยไป

เห็นได้ชัดว่าทางแก้ปัญหาหมูแพงได้แก่การเพิ่มผู้เลี้ยงหมูจนมีหมูในตลาดเพียงพอกับความต้องการบริโภคจริงๆ การอัดฉีดเงินทุนเพื่อให้ฟาร์มหมูขนาดย่อยฟื้นกิจการจึงเป็นมาตรการที่รัฐบาลต้องทำโดยด่วนที่สุด ถัดไปก็คือการนำเข้าเนื้อหมูต่างประเทศในเวลาที่หมูเลี้ยงในไทยยังไม่โตเต็มวัย

อย่างไรก็ดี ฟาร์มหมูจำนวนมากเจ๊งจนคนเลี้ยงหมูเลิกกิจการไปแล้ว การอัดฉีดเงินให้คนกลับมาทำกิจการใหม่จึงไม่ง่าย หากเจอโรคระบาดระลอกใหม่ก็อาจเจ๊งซ้ำซ้อนจนหนี้ท่วมหัวยิ่งขึ้นไปอีก การนำเข้าเนื้อหมูต่างประเทศที่ราคาถูกจึงอาจเป็นทางออกเดียวที่จะแก้ปัญหาอาหารแพงตอนนี้ได้จริงๆ

ปัญหาของเรื่องนี้มีอยู่นิดเดียว

แม้การนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศจะดีกับผู้บริโภคในแง่ทำให้หมูในประเทศราคาตกลง แต่คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือเจ้าสัวซึ่งกำลังโกยกำไรจากหมูราคาแพงอย่างหนักอยู่ในขณะนี้

การนำเข้าเนื้อหมูจึงไม่ใช่ทางเลือกที่รัฐบาลจะทำเป็นอันดับต้นแน่ๆ เพราะจะทำให้เงินเจ้าสัวหายวับทันที

เป็นที่เข้าใจตรงกันแล้วว่าหมูแพงเพราะเกิดโรคระบาดจนตายยกฟาร์ม และน่าสังเกตว่า “เจ้าสัว” ถูกพูดถึงว่ามีบทบาททำให้รัฐบาลไม่ประกาศการระบาดจนเชื้อลามตั้งแต่ปี 2562 กระทั่งภาคีคณะสัตวแพทยศาสตร์ 14 สถาบันต้องยืนยันจนอธิบดียอมรับว่าไทยพบเชื้อนี้ในหมู 56 จังหวัดเลยทีเดียว

ในแง่ความรับผิดชอบทางกฎหมาย อธิบดีกรมปศุสัตว์ควรถูกดำเนินคดีจากความผิดที่ปกปิดเรื่องโรคระบาดจนเชื้อลาม, ผู้ประกอบการพังพินาศ และผู้บริโภคเดือดร้อนเหลือคณานับ แต่รัฐบาลที่ยืนยันตลอดว่าไทยไม่มีโรคระบาดนี้ก็ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน

แม้คุณประยุทธ์จะเอาตัวรอดด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิบดี แต่คุณประยุทธ์ก็โอบอุ้มคนของรัฐบาลที่ยืนยันว่าไทยไม่มีโรคอหิวาต์แอฟริกามาตลอด

การเอาผิดอธิบดีจึงเป็นแค่การใช้อธิบดีเป็นแพะรับบาปเพื่อฆ่าตัดตอนไม่ให้ความผิดลามจากอธิบดีสู่คุณประยุทธ์และรัฐมนตรีเท่านั้นเอง

ไม่ว่าจะเป็นกรณีนำเข้าหมูหรือปกปิดการระบาด ความสัมพันธ์ของรัฐกับ “เจ้าสัว” ถูกตั้งข้อสงสัยว่าทำให้รัฐดำเนินนโยบายปกป้องผลประโยชน์ “เจ้าสัว” มากกว่าคนส่วนใหญ่ และลำพังอธิบดีทำเรื่องที่สังคมระแวงว่าเอื้อเจ้าสัวไม่ได้ หากไม่มีรัฐบาลให้ท้ายหรือสมรู้ร่วมคิดในทางหนึ่งทางใด

ภายใต้ภาวะที่ราคาอาหารพุ่งในเวลาที่ประชาชนรายได้เท่าเดิม คนส่วนใหญ่ในประเทศจึงจนลงโดยเปรียบเทียบกระทั่งมี “ความทุกข์ในชีวิตประจำวัน” ในเรื่องง่ายๆ ว่าจะกินอะไรที่ไม่แพงไป, จะกินอะไรให้อิ่ม รวมทั้งเรื่องยากๆ อย่างการเกิดสภาวะ Stagflation ที่รายได้นิ่งขณะค่าครองชีพทะยาน

ด้วยวิธีแจกเงินเพื่อแก้ปัญหาโดยไม่ยอมขึ้นค่าแรง รัฐบาลคุณประยุทธ์กำลังพาตัวเองสู่เขาวงกตของการเป็นรัฐถังแตกที่ยิ่งนานเงินจะยิ่งจมโดยไม่มีอะไรดีขึ้น การแก้ปัญหาเชิงยุทธศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงในรัฐบาลนี้

คุณประยุทธ์จึงตกสู่หลุมดำของระบอบที่ทำลายเศรษฐานะของประเทศเอง

มีคนตั้งข้อสังเกตว่าคุณประยุทธ์จะหายตัวทุกครั้งที่ประเทศเกิดปัญหายากๆ และภาวะหมูแพงจนข้าวของแพงก็เป็นอีกครั้งคุณประยุทธ์เข้าขั้น “หายหัว” ไปเฉยๆ ทั้งที่ตัวเองคือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ยิ่งไปกว่านั้นคือการเย้ยหยันว่าสงสารพรรคร่วมที่ต้องหาเสียงเลือกตั้งซ่อมพร้อมแก้ปัญหาของแพง

พรรคเพื่อไทยควรได้เครดิตที่เปิดโปงว่ารัฐบาลปกปิดเรื่องโรคระบาด สื่อควรได้เครดิตที่แฉเอกสารว่ากรมปศุสัตว์รู้เรื่องนี้ และนักวิชาการควรได้เครดิตที่ออกมายืนยันว่าได้แจ้งเรื่องโรคระบาดแก่กรม แต่คนที่ไม่ทำอะไรเลยในเรื่องนี้คือคุณประยุทธ์ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและหัวหน้ารัฐบาล

ป๋าเทพ โพธิ์งาม พูดถูกว่าคุณประยุทธ์ไม่กระตือรือร้นในการแก้ปัญหาของแพงเลย และการหายวับไปเฉยๆ แบบนี้คือหลักฐานว่าประเทศไทยอยู่ได้โดยไม่ต้องมีคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ นายกฯ แบบนี้มีเหมือนไม่มี และต่อให้เอาลิงกังมานั่งในหัวหน้าใหญ่ในทำเนียบรัฐบาล ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงไม่ต่างกัน

ประเทศดีเกินกว่าจะมีคนแบบคุณประยุทธ์และพวกเป็นผู้บริหารประเทศต่อไป