ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 ธันวาคม 2564 - 6 มกราคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความต่างประเทศ
จากเหตุต้านรัฐประหารในเมียนมา
สู่การเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
สถานการณ์ความรุนแรงในประเทศเมียนมา ที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมา กับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือเคเอ็นยู ที่ปะทุขึ้นมาเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม ได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากกองทัพเมียนมาได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศ ถล่มฐานที่มั่นของชาวกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม จนทำให้มีผู้อพยพเข้ามาฝั่งไทยจำนวนเพิ่มมากขึ้น
โดยจุดเริ่มต้นของเหตุปะทะกันในครั้งนี้ เกิดขึ้นในจังหวัดเมียวดี ของเมียนมา ที่อยู่ติดกับชายแดนประเทศไทย
สาเหตุเริ่มต้นมาจากการที่ทหารเมียนมาได้เข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต่อต้านรัฐบาลทหาร ที่ลี้ภัยจากเมืองต่างๆ และเข้าไปพักพิง ฝึกยุทธวิธีสู้รบ ในพื้นที่ของเคเอ็นยู
และนำไปสู่การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายในที่สุด
สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกองทัพเมียนมาเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง ทั้งในหมู่บ้านเลเตอก่อ บ้านโซซีเมียน บ้านมินลาปัน และบ้านผาลู ใน จ.เมียวดีของเมียนมา ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตากของไทย
จนทำให้มีชาวกะเหรี่ยงหนีภัยเข้ามาฝั่งไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งในวันคริสต์มาส ขณะที่ผู้คนทั่วโลกกำลังเฉลิมฉลองกันอยู่นั้น กองทัพเมียนมายังคงเดินหน้าโจมตีเคเอ็นยูที่หมู่บ้านโมโซ รัฐกะยา และส่งทหารราบเข้าพื้นที่โจมตีชาวกะเหรี่ยง และก่อเหตุสังหารและจุดไฟเผาผู้คนจนเหลือเพียงร่างที่ไหม้เกรียม
มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากการสังหารและเผาผู้คนในหมู่บ้านครั้งนี้ 35 ราย ภาพของผู้คนที่ไหม้เกรียมกองกันอยู่บนรถบรรทุก ถูกเผยแพร่ไปทั่ว สร้างความสะพรึงให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็น
ด้านองค์กรเซฟเดอะชิลเดรน ระบุว่า รถที่เห็นถูกเผาไหม้อยู่นั้น เป็นรถขององค์กรที่ใช้สำหรับรับส่งประชาชนและเจ้าหน้าที่ในช่วงวันหยุดยาว และว่า มีเจ้าหน้าที่ขององค์กร 2 คนที่สูญหายไป หลังจากรถเหล่านี้ถูกโจมตีและถูกเผาจนไหม้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลเมียนมาจะถูกประณามอย่างหนักจากการก่อเหตุดังกล่าว ด้านหนังสือพิมพ์เมียนมา อาลินน์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของทางการเมียนมา รายงานว่า การสู้รบที่หมู่บ้านโมโซ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม และผู้ที่เสียชีวิตเหล่านั้น ไม่ใช่พลเรือน แต่คือสมาชิกของกองกำลังติดอาวุธของพรรคชนชาติกะเหรี่ยงก้าวหน้า (เคเอ็นพีพี) ที่มีการใช้รถต้องสงสัย 7 คันโจมตีเจ้าหน้าที่ หลังจากไม่ยอมหยุดรถตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ทหารเมียนมาสังหารชาวบ้าน 11 คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเขตสะกาย ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วยถึง 5 คน และยังจุดไฟเผาร่างคนเหล่านี้อีกด้วย
ทั้งนี้ อ้างว่าเพื่อตอบโต้ชาวบ้านที่ดักซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่
สถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้มีผู้อพยพจากฝั่งเมียนมาเข้ามาฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้วจะมีกว่า 2,000 คน และยังมีรายงานเรื่องลูกกระสุนที่หลงเข้ามาฝั่งไทยหลายต่อหลายครั้ง จนชาวบ้านฝั่งไทยเองก็ต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก
เบื้องต้น ดูเหมือนเสียงปืนจากฝั่งเมียนมาจะเริ่มสงบลงชั่วคราว ทำให้ผู้อพยพเริ่มทยอยเดินทางกลับไปยังฝั่งเมียนมาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า เหตุการณ์รุนแรงจะปะทุขึ้นอีกเมื่อใด
เพราะสถานการณ์การเมืองที่ยังคุกรุ่นในเมียนมา ก็ดูจะยังไม่สิ้นสุด ทั้งคำสั่งจำคุกนางออง ซาน ซูจี ผู้นำเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ขณะที่นายไป่ ทาคน นายแบบชื่อดัง ที่ร่วมประท้วงต่อต้านการรัฐประหารของเมียนมา ก็ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี
ตราบที่สถานการณ์การเมืองในเมียนมายังไม่สงบ ความรุนแรงก็อาจปะทุขึ้นได้เสมอ