หวานซ่อนคม 2 ป.วัดพลัง เช็กสาย ส.ว. กับข่าวก๊อสซิป ยุทธการล้ม ‘บิ๊กตู่’ ภาค 2 วัดระยะห่าง ‘นายกฯ-ผบ.ทบ’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

หวานซ่อนคม

2 ป.วัดพลัง

เช็กสาย ส.ว.

กับข่าวก๊อสซิป ยุทธการล้ม ‘บิ๊กตู่’ ภาค 2

วัดระยะห่าง ‘นายกฯ-ผบ.ทบ’

หลังพี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” สร้างภาพ สยบข่าวแตกร้าว ก็ดูเหมือนจะได้ผล โชว์หวาน ชื่นมื่น ออกงานด้วยกันพร้อมหน้า

แถมบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ ก็ดูอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสมาต่อเนื่อง ตั้งแต่เลือกตั้ง อบต. ที่เครือข่าย พปชร.กวาดมา 4,500 ที่นั่ง ทำอุ่นใจในเรื่องฐานเสียงระดับรากหญ้า

ถึงขั้นที่มีอารมณ์ไปพักผ่อนเที่ยวทะเล รีแลกซ์มากขึ้น จนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีข่าวดี และเจรจาความเมือง เดินเกมต่อรองอะไรก็สำเร็จ

โดยเฉพาะกับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ก็พยายามงอนง้อ เอาอกเอาใจพี่ใหญ่ จนทำให้ พล.อ.ประวิตรคิดว่าสถานการณ์เป็นต่อ และถือไพ่เหนือกว่า

แต่หากถอดรหัสการบริหารอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ในห้วงที่ผ่านมา ก็หาใช่ว่าจะเป็นผลดีกับ พล.อ.ประวิตร อาจเรียกได้ว่า มีการกั๊กกันเกิดขึ้น

ทั้งอำนาจ และบารมีในวงการสีกากีที่ลดวูบลง จากการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ทั้งในระดับผู้บังคับการ ผู้กำกับการ สารวัตร ที่รายชื่อที่ พล.อ.ประวิตรส่งไป ก็แรงแผ่ว เข้าเส้นชัยแค่ไม่กี่คน

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์คุมตำรวจเอง แม้จะให้เหตุผลว่า เพื่อแบ่งเบาหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร ที่ต้องเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรำศึกการเมืองก็ตาม

แต่ก็ถูกมองว่า เพื่อแก้ปัญหาคนใกล้ตัวพี่ใหญ่ ที่มักตกเป็นข่าวในเรื่องตำรวจ และการแต่งตั้งโยกย้ายแล้ว นายกฯ ยังคุมกองทัพเอง ด้วยการควบ รมว.กลาโหม

ก่อนจะมาแตกหัก หลัง พล.อ.ประยุทธ์ปลด 2 ลูกรัก ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นเก้าอี้ รมต.เมื่อกันยายน 2564 ที่ผ่านมา เหตุเพราะ พล.อ.ประยุทธ์มีหลักฐานยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับการล้มนายกฯ กลางสภา

จนต้องเกิดปฏิบัติการเคลียร์ใจของพี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร และระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ร.อ.ธรรมนัส แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น

ด้วยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ยังหวาดระแวงว่า ร.อ.ธรรมนัสมีแผนจะล้มล้างตนเองให้พ้นจากอำนาจอีกครั้ง และทำให้ไม่มั่นใจในตัวพี่ใหญ่ด้วย

ประเด็นการโหวตเลือก 5 กสทช.ของ 250 ส.ว. จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมีข่าวสะพัดสภาสูงว่า ในวันโหวต บรรดา ส.ว.ต้องเช็กข่าวกันวุ่น หลังอดีตบิ๊กทหารใน ส.ว.สายพี่ใหญ่ กระซิบชื่อไม่ตรงกัน

จนต้องมีการเช็กข่าวกับแกนนำ ส.ว.ที่ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จนที่สุดผลโหวตออกมาอย่างที่เห็น

กล่าวกันว่า ใน 250 ส.ว.นั้น ส่วนใหญ่เป็นสาย พล.อ.ประยุทธ์มากกว่าสายพี่ใหญ่ โดยมีบิ๊กฉัตร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ และ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ และเสธ.อ้น พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา มือการเมือง สายตรงบิ๊กตู่เป็นแกนนำ

จนเป็นที่มาของข่าวก๊อสซิปในแวดวง ส.ว. สายจันทร์โอชา ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง

แถมทั้งก่อนหน้านี้ เกิดเหตุการณ์ ร.อ.ธรรมนัสพยายามล้ม พล.อ.ประยุทธ์ในสภา ตอนโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพาดพิงอดีตบิ๊กตำรวจคนใกล้ตัวพี่ใหญ่มาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องโทร.ถาม

จนมาปฏิบัติการวัดกำลังเลือก กสทช.ใน ส.ว. ที่ผ่านมา อดีตบิ๊กตำรวจคนเดิมก็ถูกพาดพิงอีกครั้ง

แม้พี่น้อง 3 ป.จะสยบข่าวร้าวแล้ว แต่ในเวลานี้ กลับยังมีข่าวก๊อสซิปสะพัดจากในบรรดา ส.ว.สายบิ๊กตู่ ถึงแผนการล้ม พล.อ.ประยุทธ์ภาค 2 ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีวาทกรรมที่ว่า ใช้ “คูหา กาล้มประยุทธ์”

โดยพุ่งเป้าไปที่อดีตรัฐมนตรี และอดีตบิ๊กตำรวจ และทีมงานพี่ใหญ่ ถูกจับตายังเป็นหัวขบวนในการล้ม พล.อ.ประยุทธ์

ท่ามกลางกระแสข่าวการเตรียมนายกฯ คนใหม่ไว้แทน พล.อ.ประยุทธ์ หรือแม้แต่ชื่อ พล.อ.ประวิตรเองก็ตาม แม้ว่า พล.อ.ประวิตรจะเคยยืนยันมาหลายครั้งว่า ไม่เคยคิดจะเป็นนายกฯ ก็ตาม

เหล่านี้จึงทำให้บรรยากาศพี่น้อง 3 ป. ที่พยายามคืนดี เคลียร์ใจกัน ไม่ราบรื่น เพราะยังมีความหวาดระแวงกันอยู่

แต่ท่าที คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์สะท้อนว่า พร้อมที่จะไปต่อ สู้ต่อ ไม่คิดจะพัก หรือวางมือ เพราะยังไม่มีสัญญาณใดๆ เปลี่ยนแปลง แม้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มือ กม. จะประกาศขอพักผ่อน หลังสิ้นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

แถมทั้ง อ.วิษณุระบุด้วยว่า ปี 2565 จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แม้แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ทำให้ตีความถึงความไม่แน่นอนในอนาคตการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่

 

หากตัดภาพไปที่กองทัพ ที่ถูกมองว่าเป็นกองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์มาตลอดนั้น ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญใดๆ

เพราะถึงอย่างไร กองทัพก็อยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหม และวางตัวนายทหารที่ พล.อ.ประยุทธ์ไว้วางใจมาดูแล

โดยยังคงมีบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็น รมช.กลาโหม มาต่อเนื่องตั้งแต่ยุค คสช. จากที่เป็นสายตรง พล.อ.ประวิตร เพราะเมื่อครั้งที่ พล.อ.ประวิตรเป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ตั้ง พล.อ.ชัยชาญเป็นปลัดกลาโหม และเมื่อเกษียณ ก็ดึงมาเป็น รมช.กลาโหม

เมื่อ พล.อ.ประวิตรหลุดเก้าอี้ รมว.กลาโหม เหลือแค่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงเก้าอี้เดียว แต่ พล.อ.ชัยชาญก็ยังเป็น รมช.กลาโหมยาว

จากที่เป็นสายตรง พล.อ.ประวิตร ก็กลายเป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ แต่โดยความสัมพันธ์ก็ยังเคารพ พล.อ.ประวิตร

แม้จะเคยมีข่าวว่า นายกฯ อยากให้บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ น้องรัก ตท.20 ที่เกษียณจากเลขาฯ สมช. มาเป็น รมช.กลาโหมแทน พล.อ.ชัยชาญ แต่ พล.อ.ณัฐพลถอย เพราะไม่อยากแข่งกับ พล.อ.ชัยชาญ รุ่นพี่ ตท.16 ที่เคารพนับถือ จึงมาเป็นแค่ที่ปรึกษานายกฯ

จนทุกวันนี้ ถือได้ว่า พล.อ.ชัยชาญเป็นพี่ใหญ่สายทหารม้า ที่เปี่ยมบารมี และคอยสนับสนุนทหารม้าให้เติบโต

และเมื่อ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ น้องรัก พล.อ.ประวิตร เกษียณ ก็มีบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ที่ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่อยู่ ป.21 รอ. ที่ขึ้นตรงกับ ร.21 รอ. มาเป็นปลัดกลาโหมแทน ที่ถือเป็นนายทหารสายจันทร์โอชา

ท่ามกลางการจับตามองอีกครั้ง ถึงระยะห่างในความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.

ด้วยเพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์วางบทบาทเป็นทหารอาชีพ ที่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลแบบรักษาระยะห่าง ไม่ได้แสดงออกถึงความใกล้ชิดสนิทสนม หรือเยสเซอร์ เด้งรับ หรือแสดงออก เหมือนในยุคที่บื๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. เพราะบุคลิกที่แตกต่างกัน จึงจะไม่มีการแสดงออกในลักษณะปกป้องในเชิงการเมือง

แต่ที่เป็นประเด็นคือ นานๆ ครั้งที่จะเห็น พล.อ.ณรงค์พันธ์มาร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ณรงค์พันธ์ไม่ได้มาร่วมประชุมสภากลาโหมหลายครั้ง เพราะติดภารกิจที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว

อีกทั้งต่อมา เป็นช่วงสถานการณ์โควิดระลอก 3 จึงเป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ จึงทำให้นายกฯ และ ผบ.เหล่าทัพไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยนัก จนมาช่วงจัดทำโผโยกย้ายทหารชั้นนายพล

แต่กระนั้น ระยะห่างระหว่างนายกฯ กับ ผบ.ทบ. ก็ยังเป็นที่จับตามอง และกลายเป็นประเด็นเสมอ เมื่อมีภารกิจนายกฯ และมี ผบ.เหล่าทัพมาร่วม แต่ขาด ผบ.ทบ.

เช่น สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไปพิธีส่งมอบสวนเบญจกิติ บางส่วน โดยกองทัพบก แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ส่งตัวแทน

ต่อมา ในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์เปิดกลาโหมต้อนรับ รมว.กลาโหมเกาหลีใต้ โดยมีหนังสือเชิญ ผบ.เหล่าทัพให้มาร่วมพิธีและร่วมหารือ แต่ปรากฏว่า ผบ.เหล่าทัพมาไม่ครบ มีบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. ที่มาด้วยตนเอง

ส่วนบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ไม่ได้มา เพราะอยู่ระหว่างการกักตัว เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากการเยือนสหรัฐ ส่วนบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. ไปพิธีทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง ร.9 ที่พระมหาธาตุ ที่ยอดดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ จึงส่งตัวแทนมาร่วม

ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ติดภารกิจประชุม แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นการประชุมใด แต่ที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ในฐานะ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่จะต้องมีการประชุมได้ตลอดเวลา

อีกทั้งจุดยืนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ซึ่งเป็นทหารคอแดง คือการเป็นทหารพระราชา และยึดม็อตโต้ พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน

 

ดังนั้น จึงทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ถูกมองว่ามีระยะห่างกับ พล.อ.ประยุทธ์อยู่บ้าง จึงไม่แปลกที่เมื่อพบเจอ ผบ.เหล่าทัพในงานต่างๆ เช่น หลังการประชุมสภากลาโหม เดือนละครั้ง และการประชุมบอร์ด กอ.รมน. พล.อ.ประยุทธ์จึงมักจะเจียดเวลานั่งคุยกับน้องๆ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อกระชับระยะห่าง และสร้างความสนิทสนม นอกเหนือจากการคุยทางไลน์ และโทรศัพท์สั่งการ พูดคุย

แต่เนื่องจากบุคลิกที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด จึงทำให้ดูว่า ไม่สนิทสนมใกล้ชิดกับนายกฯ มากนัก แม้จะเคยทำงานด้วยกันมาในกองทัพภาคที่ 1 เหล่านี้ทำให้เกิดกระแสข่าวลือต่างๆ ระหว่างนายกฯ และ ผบ.ทบ. และกระแสข่าวลือเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร

แต่ทว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะถึงอย่างไร กองทัพก็ยังคงเป็นกองหนุนเสริมอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีสัญญาณไฟเขียว