อัปสรา-ฌือจับ- อัปสรา-เจ็บป่วย/อัญเจียแขฺมร์ อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก
จาก MV Top of the lady @youtube

อัญเจียแขฺมร์

อภิญญา ตะวันออก

 

อัปสรา-ฌือจับ- อัปสรา-เจ็บป่วย

 

นับเป็นช่วงเวลาที่ฉันทำงานเขียนอย่างยากเย็น สืบเนื่องจากภาวะที่ขาดแรงบันดาลใจ

ในช่วงเวลาหนึ่ง ฉันมักจะออกแบบงานที่ตนทำให้ต่างไปจากเดิมๆ รวมทั้งการมีชีวิตในชนบทที่เกิดจากความบังเอิญ และที่นั่น เนื่องจากสภาพที่ง่ายดายไม่ยุ่งเหยิงด้วยพืชและสัตว์ คือ เจกและฉมา/กล้วยและแมว

ระหว่างที่วนทดลองการสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนงานแบบต่างๆ อย่างฉับพลันและไม่กะเกณฑ์ สัปดาห์หนึ่งอาจเป็นเรื่องสั้น เรื่องยาว แต่จู่ๆ ฉันก็นึกเขียนเป็นคำกลอนที่ลากข้างไปสู่เรื่องต่างๆ อันตามมาในชีวิตประจำวัน

ทันใดนั้น ความแหนงหน่าย “เหนื่อยฮต” ทั้งหมดก็หายไป

แรงบันดาลใจได้กลับมาแล้ว แต่ฉันจะ “ตีหัวเข้าบ้าน” ไม่ได้ เมื่อในชีวิตประจำวัน อย่าว่าแต่ร้อยกรองเลย ทุกวันนี้แม้แต่บทความเกิน 4-5 ย่อหน้า ก็เหลือทนและมากไป

สาบาน นี่ไม่ใช่ความคลั่งบทกวี แต่เป็นภาวะถอยกลับไปสู่สมัยเด็กและมีพัฒนาการพูดที่ซับซ้อน (แม้จนทุกวันนี้) ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นภาษาร้อยกรองที่มาจากภาวะฉับพลัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อโตขึ้นภาวะดังกล่าวก็หายไป

เรื่องมีอยู่ว่า สมัยอยู่เมืองเขมรนั้น วันหนึ่ง ขณะปรุงอาหารมื้อค่ำ จู่ๆ ฉันก็ผุดภาษาเหมือนนักละครโบราณ แต่ที่เหลือลากกว่านั้น คือเมื่อเวลาผ่านไป ฉันกลับพบว่า ความขุ่นเคืองที่สะสมในจิตใจ มันได้ “หลุดผัวะ” หายไป กระทั่งเมื่อฉันเริ่มทำงานทีวี นั่นแหละ ภาษาในห้วงเร้นลับของฉันก็หายวับไปอีกครา

ประหลาดไหม?

จนกลับมาคราวนี้ ตอนที่ฉันกำลังไร้ซึ่งแรงบันดาลใจการเขียนหนังสือ ในภาวะฟักตัว เติบโต และผุดพรายขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจในภาวะเมตามอร์โฟซิสที่ฉันจินตนาการจากนิยายฟรานซ์ คาฟก้า

ว่ากันตามตรง ฉันแก่เกินกว่าจะขุ่นเคืองอะไรตลอดเวลา เหมือนสมัยก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดภาวะย้อนแย้งแบบนั้นขณะอยู่กับธรรมชาติในชนบท อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณแบบเมตามอร์โฟซีสนี้ ได้ช่วยเกื้อกูลกับชีวิตประจำวันให้มีความไม่น่าเบื่อเกินไป กระทั่งฉันกลับเข้าเมืองอีกครั้ง พลัน ภาวะกลอนเปล่าแบบนั้นก็หายไป

แต่แล้วฉันก็พบว่า มันกลับมาใหม่ในคราบของเสียง เทียรี ตอนที่ฉันเห็นเธอสัมภาษณ์สดกับ RFA (วิทยุเอเชียเสรี)

ทันใดนั้น ภาวะการเปลี่ยนแปลงรูปพรรณสัญฐานของเสียง เทียรี ก็เกิดขึ้นตามมาตอนที่เธอคว้าปัตตาเลี่ยนมาไถผม

RFA

มันมาจากขณะที่เธอกำลังไถหัวกบาลพลางพรรณาถึงปัญหาศาลสถิตยุติธรรม มันคือภาวะอันรันทด โดยแม้ว่าเธอจะพยายามสะกดกลั้นอารมณ์นั้นไว้ แต่เธอก็ยังยิ้มไป โดยแม้ว่าตลอดภาษากายของเทียรีจะชวนให้รู้สึกเศร้า และแม้ว่านักข่าวคนนั้นจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ที่จะบิวต์อารมณ์เราให้ตามไป

ในที่สุดเราก็ร้องไห้ออกมา

สารภาพ ฉันไม่เคยรู้จักจดจำผู้หญิงคนนี้ที่มีโปรไฟล์เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย แต่ภาพของเธอในชุดนางรำอัปสราจะกลายเป็นภาพที่มาแทนค่านางอัปสราทุกคนที่ฉันเคยเห็น แม้แต่ภาพสลักนูนต่ำที่ปราสาทหิน ตลอดจนเทริด-มงกุฎ-ชฎา หรืออะไรก็ตามที่ควรค่าบนเศียรนั่น มันได้ถูกตีค่าเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นชาติอันสูงส่งและเกินกว่าจะล้อเลียน

แต่เสียง เทียรี แตะต้องมันไว้ในระดับปัจเจกบุคคล เธอยังลดคุณค่าความเชื่ออันสูงส่งของอัตลักษณ์นั้น เมื่อผู้หญิงคนนี้สวมเครื่องทรงดังกล่าว ในสภาพเยี่ยงนางเถรชีที่กล้อนผม เธอยังเดินไปตามถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลอาญากรุงพนมเปญ

ทุกอย่างช่างเงียบสงัดในวันนั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่-อาญาทอร์คนใดมาสกัดกั้น หรือจับกุมเธอไว้อย่างที่เคยทำต่อผู้ชุมนุมตลอดมา หรือพวกเขาจะพากันตกใจ? ในนางเถรีผู้นี้ ขณะที่เดินไปตามถนน/ดองเพลา

ราวกับนางละครหลงท้องพระโรง

RFA

มันหลายปีแล้ว เธอเล่า หลายปีที่เธอต่อสู้และเฝ้ารอการเปลี่ยนแปลง จนรู้สึกว่า จนปัญญาในหนทางสำหรับการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในประเทศนี้!

ขนาดนักกฎหมายและต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองที่มีต้นทุนทางสังคมสูงอย่างเธอยังชอกช้ำถึงเพียงนี้ ด้วยเหตุนั้น เธอจึงแต่งตนเป็นอัปสรา และว่า อัปสราคนนี้ที่เจ็บป่วยยาวนานจากความทุกข์นานา อัปสราที่ผิดหวังจากกระทำของผู้นำประเทศ มันยังบงการให้เธอกลายเป็น “นางละคร” ตนหนึ่ง และตอนนี้ เธอจะเขียนสคริปต์เสียใหม่ ให้ตัวเองได้ร่วมแสดงไปกับละครโรงใหญ่

พลัน เสียง เทียรี ไถปัตตาเลี่ยนไปที่หัวของตน

“เราเห็นมาตลอดถึงการละเมิดสิทธิยังประชาชนคนเล็กคนน้อย เราได้เห็นการทำลายสิ่งแวดล้อมหลายแห่งในประเทศที่มีสาเหตุการสังหารฆ่าคนในเขตจังหวัด การจับนักการเมืองฝ่ายค้านและผู้ลี้ภัยที่ถูกกฎหมาย การจับเยาวชนที่ปกป้องสิ่งแวดล้อม ครบแบบอย่าง”

ประเทศนี้ก็เหมือนฉากละครการเมือง และด้วยเหตุนั้น ที่มีผู้นั่งบัลลังก์เป็นศาลอาญาบงการชีวิตผู้คน และว่า ศาลสถิตยุติธรรมที่เล่นกลกับประชาชนทุกรูปแบบ ทั้งลงโทษตัดสินในคดีที่ผู้คนต้องถูกเล่นงานจากการเมือง และมันคืออะไร? ที่ทำให้ชาวเขมรต้องเป็นเช่นนี้?

“ถ้าเช่นนั้น เนียงขญมจะเล่นละครชีวิตให้คน ‘จำนอลกรอย’ จดจำ ไม่สิ คนรุ่นนี้ต่างหากที่จะต้องมีความหวังไปกับประเทศของเรา”

ดูสิ มันจะสำมะหาอะไร? ถ้าอัปสรานั้นฌือจับ อัปสราก็ควจจะรักษาตนด้วยการกล้อนผม เส้นผมที่เป็นเหมือนจารีตคำสั่งสอนให้สตรีเขมรทุกคนหวงแหนและรักษา แต่มันจะมีประโยชน์อะไร? ถ้าเรายังอยู่ในสังคมที่เจ็บป่วย?

ภาพที่ทรงพลังของอัปสราที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ในจารีตอันสูงค่า ด้วยเครื่องทรงกบัจโบราณแต่ยุคกลาง หลายทศวรรษมาแล้วที่อัตลักษณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นวัฒนธรรมทางความเชื่อบ่มเพาะให้คนเขมรเทิดทูนบูชา ในฐานะพลเมืองดีที่รักชาติ แต่ไม่มีใครเลยหรือที่สังเกตเห็นว่า นางอัปสราได้ล้มป่วยมานานแล้ว

ในเพลาที่เราป่วย ในเพลาที่เราทุกข์ เราต่าง “หั่นผม” ของเราทิ้งไป และนี่คุณค่าเชิงบุคคลที่เราพอจะทำได้

ในคำประกาศนั้น ฉันคนหนึ่งล่ะที่เห็นว่า นี่คือภาวะ “เมตามอร์โฟซิส”

แต่ในองค์รวมแล้ว นี่คือระเบิดลูกหนึ่งที่เสียง เทียรี โดยนามต่อสังคม และไม่จบแค่นั้น เธอยังประกาศว่า มันถึงเวลาที่จะออกมาต่อต้านผู้นำ ในวาระที่กัมพูชากำลังจะเป็นประธานอาเซียน

อ่า ในที่สุด วัฒนธรรมแบบพหุสังคมก็เกิดขึ้นแล้วที่ประเทศนี้ หลังจากโดดเดี่ยวเมียนมา แต่เฉยชาต่อการประท้วงของหนุ่ม-สาวในกรุงเทพฯ ที่ราวกับว่า นั่นเป็นปัญหาของผู้อื่นซึ่งไม่ใช่กัมพูชา ทั้งที่จริงแล้ว มันคือปัญหาเดียวกัน แต่ไม่มีใครขานรับ แถมบ่อยครั้งที่เครื่องประดับบนศีรษะยังเป็นประเด็นดราม่าบนโซเชียลในคติชาตินิยมแบบย้อนยุค

พลัน ฉันก็นึกถึง “เครื่องสวมหัวละครเป็นวัฒนธรรมร่วมของสุวรรณภูมิและอุษาคเนย์” (สุจิตต์ วงษ์เทศ ตีพิมพ์เผยแพร่ในมติชนสุดสัปดาห์) และไม่สงสัยเลยว่า ทำไมหมู่รุ่นใหม่ของไทยจึงพยายามปลดแอกขนบเก่าแก่นี้ออกไปจากความหนักอึ้งอันสกรรม

ขณะที่ผู้คนอันน้อยนิดบางสร้กประเทศ เริ่มเห็นความเจ็บป่วยและหยิบมาเป็นประเด็นต่อสู้ทางสังคม

RFA

นี่ไม่ใช่ประสบการณ์เจ็บป่วยเชิงปัจเจกในแบบของฉัน แต่มันทรงด้วยพลังงานและสมบูรณ์กว่านั้น ที่การกลับมาและหายไปในภาษาแปลกๆ นั่น เป็นเพียงถ่ายผ่านพลังงานแฝงอันลึกเร้นของอดีตที่ถูกกระทำ

แต่ในเชิงองค์รวมแล้ว หากการแปลงค่าผกผันจากความพ่ายแพ้หดหู่มาเป็นพลังงาน “เร้นลับ” ที่มากด้วยพลังงาน มันคือการส่งผ่านพลังงานผู้คนจากเจเนอเรชั่น สู่แรงสั่นสะเทือนทางสังคม

ไม่มีใครรู้หรอกว่า พลังงานของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปสู่มิติใด? แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น ละครโรงใหม่ที่มีอัปสราฌือจับเป็นตัวเดินองค์นี้ มีความใกล้เคียงกับการคู่ขนานไปกับโลกเสมือนจริง

รอปฏิกิริยา เขมรอัปสรา-เมตามอร์โฟซิส”

RFA
RFA
RFA