สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/เสียงที่ดังไม่หยุด

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

—————-

เสียงที่ดังไม่หยุด

————-

“หากพัฒนาไม่ได้ ขอให้นายกฯ เกษียณไปเร็วๆ นะคะ”

เสียงของ “แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว” แห่ง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

แม้จะเป็น เพียง “เสียงเดียว”

แต่ก็ดูเหมือนจะมีพลังรบกวน เสียงตะโกน “รักลุงตู่”ได้อย่างน่าสนใจ

และยิ่งเมื่อมีเสียงอ่านแถลงการณ์ ของ”ลูกสาวแห่งท้องทะเล” น.ส.ไครียะห์ ระหมันยะ เยาวชนอายุ 19 ปี จากกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ที่ตั้งคำถามถึงการ”พัฒนา”ที่จะนะ บ้านของเธอ

เสริมให้ประโยคว่า “ขอให้นายกฯ เกษียณไปเร็วๆ นะคะ” ก็ยิ่งดังขึ้น

ดัง จนทำให้ มีเสียง ขานรับ จาก สภาผู้แทนราษฎร ในเวลาต่อมา

“…ผมเห็นถึงความจำเป็นและความต้องการของ ส.ส.ต้องการตรวจสอบตำรวจ ผู้ใดสั่งการสลายการชุมนุม หากพบผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย หรือการกระทำเกินกว่าเหตุ เกินความจำเป็นขอให้ลงโทษทางอาญาและดำเนินการลงโทษทางวินัย พร้อมกับทบทวนนิคมอุตสาหกรรมจะนะเพราะพบพิรุธและข้อเท็จจริง หากรัฐบาลเห็นว่าจะนะเป็นคนไทย ต้องพิจารณาตามข้อเสนอที่สภาจะเสนอต่อไป..”

เสียง ที่ดังในสภานี้ มิใช่เสียงของ “ส.ส.ฝ่ายค้าน”

หากแต่เป็น เสียงของ นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ

ที่ลุกขึ้นอภิปรายสรุป ในฐานะผู้เสนอญัตติ ให้สภาฯตั้ง กรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบตำรวจ ที่เข้าสลายการชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นเและให้ตรวจสอบโครงการจะนะ

ร่วมกับ อีก 4 พรรค คือประชาชาติ, ก้าวไกล, ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์

อันสะท้อนว่า ส.ส. ในฐานะตัวแทนประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน และรัฐบาล ต่างมีคำถามกับโครงการพัฒนาจะนะ

และรวมถึง วิธีปฏิบัติ ต่อ ชาวบ้าน ที่ออกมาตั้งคำถามเดียวกับ ส.ส. ที่ถูกตำรวจควบคุมฝูงกวาดจับ

ใน ฐานความผิด”ฉกรรจ์”หลายฐาน ไม่ว่า ชุมนุมห่างจากสถานที่ราชการไม่เกิด150 เมตร ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทำให้เสี่ยงต่อการระบาดของโรค

รวมถึงกล่าวหาว่าจะมี ฝ่ายก่อกวนเข้ามาสมทบการชุมนุม จนยากจะควบคุม

ทั้งที่เป็นการชุมนุมโดยสงบแต่ที่สุดก็ถูกจับกุมชาวจะนะไปถึง 37 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง

นี่เป็นภาพแห่งความแตกต่าง ของการปฏิบัติต่อประชาชน

กลุ่มที่ตะโกนรักลุงตู่สามารถชุมนุม แห่แหน รอบล้อมผู้นำได้อย่างใกล้ชิด ถึงขนาดเข้าไป “กราบเท้า”ใครบางคนได้

ตรงกันข้าม กับประชาชน ที่ออกมาตั้งคำถามรัฐบาล กลับถูกขัดขวาง ในแทบทุกทางต้องกางร่มดำกันสายตาผู้นำไม่ให้แลเห็นคนฝ่ายนี้ก็ทำกันมาแล้ว

นี่จึงเป็นความไม่เท่าเทียม หลายมาตรฐาน ในการปฏิบัติต่อประชาชน

และยิ่งเมื่อ มองเข้าไป เข้าไปเฉพาะจุด โดยเฉพาะ กรณี “จะนะ” ซึ่งจะพบความคดเคี้ยว เลี้ยวลด อย่างน่าเหนื่อยใจ

ไม่ว่า กรณี เอ็มโอยูที่อยู่ๆก็ถูกฉีกทิ้ง ด้วยคำอธิบาย ว่าเป็นเพียงการรับทราบของคณะรัฐมนตรีว่ามีเอ็มโอยู (ซึ่ง รัฐมนตรีที่ถูกปลดไปแล้วเป็นผู้ดำเนินการ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับรู้) มิใช่การตกลงรับรองเนื้อหา

ซึ่งต่อไป เวลาชาวบ้านตกลงอะไรกับรัฐบาล คงต้องเอาให้ชัดๆว่าหมายถึงอะไร

มิเช่นนั้น อาจถูกเบี้ยว เอาดื้อๆ

ตอนนี้ กรณีจะนะ จึงได้แค่วนในอ่าง

เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เซ็นแต่งตั้ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี”จะนะ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต”อีกคณะ

มีหน้าที่ตรวจสอบ และรับฟังปัญหาในทุกมิติ อีกรอบและอีกรอบ

จึงไม่ต้องสงสัย ว่าทำไมเสียง “ให้นายกฯ เกษียณไปเร็วๆ นะคะ”

จึงดังไม่หยุด

————————-