Armageddon ภาค 2 ‘ภารกิจกู้โลก’ ของจริง!/บทความพิเศษ จักรกฤษณ์ สิริริน

บทความพิเศษ

จักรกฤษณ์ สิริริน

 

Armageddon ภาค 2

‘ภารกิจกู้โลก’ ของจริง!

 

I could stay awake just to hear you breathing

Watch you smile while you are sleeping

While you’re far away and dreaming

I could spend my life in this sweet surrender

I could stay lost in this moment forever

Every moment spent with you is a moment I treasure

Don’t want to close my eyes

I don’t want to fall asleep

‘Cause I’d miss you baby

And I don’t want to miss a thing

‘Cause even when I dream of you

The sweetest dream will never do

I’d still miss you baby

And I don’t want to miss a thing

 

นี่คือบทเพลง I Don’t Want to Miss a Thing ผลงานของวง Aerosmith ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Armageddon “วันโลกาวินาศ”

ที่แค่ดู Music Video ก็น้ำตาไหลตั้งแต่ปี ค.ศ.1998 แล้วสำหรับ Armageddon

Armageddon บอกเล่าเรื่องราวการพลีชีพของ Harry S. Stamper (แสดงโดย Bruce Willis) นักขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลมือหนึ่ง ซึ่งอาสาไปทำภารกิจ “เจาะรูอุกกาบาต” เพื่อฝังขีปนาวุธเข้าไป หมายให้ระเบิดก่อนที่มันจะพุ่งชนโลก

เพราะจู่ๆ มหานคร New York ได้ถูกอุกกาบาตน้อยใหญ่ถาโถมเข้าใส่ ขณะเดียวกัน ที่ Hong Kong ก็เกิดคลื่นยักษ์สึนามิจากอุกกาบาตเช่นกัน!

ในเวลาไม่นาน NASA ก็ค้นพบว่า โลกกำลังจะถูกทำลายล้างด้วยดาวหางยักษ์!

ทางเดียวที่จะแก้ไขวิกฤตได้ก็คือ ต้องระเบิดมันทิ้งก่อนที่จะพุ่งชนโลก!

Harry S. Stamper และลูกทีมของเขา ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นทีมขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลเบอร์หนึ่งของโลก มีเวลาฝึกการใช้ชีวิตบนอวกาศเพียง 12 วัน ก่อนถูกส่งขึ้นไปในห้วงอวกาศ

เพื่อหยุดยั้งอุกกาบาตขนาดเท่ารัฐ Texas ที่กำลังพุ่งเข้าชนโลก โดยยานของเขามีภารกิจลงจอดบนอุกกาบาต พร้อมกับฝังระเบิดลงสู่แกนของมัน

เมื่อนิวเคลียร์ทำงาน แรงระเบิดก็จะแยกอุกกาบาตออกเป็นสองเสี่ยง และพุ่งผ่านโลกไป!

แม้ภาพยนตร์ Armageddon ผลงานการกำกับฯ ของ Michael Bay และดนตรีประกอบ I Don’t Want to Miss a Thing ซึ่งขับร้องโดย Steven Tyler นักร้องนำวง Aerosmith ที่บุตรสาวของเขา Liv Tyler รับบทนางเอก Armageddon (ชื่อในท้องเรื่องคือ Grace Stamper) จะโด่งดังทั้งหนัง ทั้งเพลง

ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง ได้รับคำชม และการยอมรับ ทั้งจากแฟนหนัง และคอเพลงทั่วทุกมุมโลกมาเกือบ 25 ปี

ทว่า ได้เคยมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับ “Armageddon ในโลกแห่งความเป็นจริง” เมื่อเด็กหนุ่ม 4 คนอันประกอบด้วย Ben Hall, Gregory Brown, Ashley Back และ Stuart Turner นิสิตปริญญาโทจาก University of Leicester

ได้ทำวิจัยหัวข้อ “Could Bruce Willis Save the World?” หรือ “Bruce Willis สามารถปกป้องโลกได้จริงหรือ?”

เปิดข้อโต้แย้ง ว่าปฏิบัติการ Armageddon ของ Bruce Willis ไม่มีทางเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริง!

“นิวเคลียร์ของ Harry S. Stamper ไม่มีทางระคายผิวอุกกาบาต เพราะเมื่อพวกผมคำนวณแล้ว อานุภาพขีปนาวุธของ Bruce Willis ในมุมมองนักฟิสิกส์อย่างพวกเรา เทียบได้กับพลุลูกหนึ่งเท่านั้น!” Ben Hall กระชุ่น

เพราะอุกกาบาตที่ทีมเขียนบทภาพยนตร์นำโดย J. J. Abrams บรรยายว่า มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,000 กิโลเมตรนั้น ต้องใช้ขีปนาวุธ Big Ivan ระเบิดนิวเคลียร์แรงที่สุดในโลกของสหภาพโซเวียตมากถึง 10 ลูกถึงจะเอาอยู่!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะห่างระหว่างโลกกับอุกกาบาต 13,000 ล้านกิโลเมตรนั้น ไม่มีทางที่ Bruce Willis และ Ben Affleck (รับบท A.J. Frost ลูกเขย Harry S. Stamper) รวมถึงทีมนักขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล จะเดินทางไปถึงได้ในเวลา 18 วัน!

 

ทว่า ทุกๆ อย่างที่ Ben Hall และเพื่อนๆ ได้ปรามาส Armageddon ไว้ ได้จบสิ้นลง เมื่อ NASA ได้แถลงปฏิบัติภารกิจ DART Mission ด้วยการส่งยานอวกาศ DART มูลค่า 330 ล้านดอลลาร์ไปกับจรวด Falcon 9 SpaceX ของ Elon Musk จากฐานยิงกระสวยอวกาศ Vandenberg Space Force Base ในรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

เป้าหมายคือการพุ่งชน “ดาวเคราะห์น้อยคู่” หรือ Double Asteroid Dimorphos ซึ่งมีลักษณะเทียบได้กับดวงจันทร์ขนาดเล็ก หรือ Moonlet เส้นผ่านศูนย์กลาง 250 ฟุต หรือราว 160 เมตร

ซึ่งคิดเป็นขนาดเพียง 2 เท่าของ “เทพีเสรีภาพ” เท่านั้น!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับขนาดของดาวเคราะห์น้อย Didymos ที่มีขนาดราว 2,500 ฟุต โดยดาวเคราะห์น้อยทั้งสองดวง คือดาวเคราะห์น้อยที่โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์นั่นเอง

ภารกิจพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยคู่ ของยานอวกาศ DART เกิดขึ้นและเป็นไปเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางวิถีโคจร (Redirection) ของ Dimorphos ไม่ให้เรื่องจบลงอย่างโศกนาฏกรรมเหมือนหนังเรื่อง Armageddon!

โดยยานอวกาศ DART ที่มีน้ำหนัก 1,344 ปอนด์ มีภารกิจเดินทางไกลในระยะเวลา 10 เดือนไปสู่ห้วงอวกาศ 6.8 ล้านไมล์จากโลก

Thomas Zuburchen นักดาราศาสตร์ของ NASA ยอมรับว่า ภารกิจ DART Mission นี้ เป็นโครงการที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ เพื่อป้องกันโลกจากการโจมตีด้วยดาวเคราะห์น้อย

“เราต้องการเรียนรู้วิถีทางการเอาชนะศัตรูจากนอกโลก” Thomas Zuburchen กล่าว และว่า ถึงแม้ Dimorphos จะไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อโลก ทว่า พวกมันก็ถูกจัดอยู่ใน “กลุ่มวัตถุใกล้โลก” หรือ NEOs (Near-Earth Objects) ที่อาจเฉียดใกล้บ้านของเราได้ในระยะ 30 ล้านไมล์!

Thomas Zuburchen ชี้ว่า แม้ว่า Dimorphos จะมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับ Chicxulub ที่เคยทำให้เหล่าไดโนเสาร์สูญพันธุ์ จากการที่มันพุ่งชนโลกเมื่อราว 66 ล้านปีก่อน

อย่างไรก็ดี บรรดานักวิทยาศาสตร์ของ NASA ได้พากันออกโรงมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า ทั้ง Dimorphos หรือเหล่าดาวเคราะห์น้อยจะมีขนาดเล็กกว่า Chicxulub ก็จริง ทว่า ในทางทฤษฎีแล้ว พวกมันสุดอันตราย!

 

Thomas Zuburchen สรุปว่า ผลลัพธ์ของปฏิบัติการ DART Mission หรือการส่งยานอวกาศ DART ไปพุ่งชน Dimorphos จะสามารถเห็นได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.2022

นั่นหมายถึง การที่ Dimorphos อยู่ห่างจากโลกเพียง 6.8 ล้านไมล์ ซึ่งถือเป็นจุดซึ่งเข้าใกล้โลกมากที่สุด และมองเห็นการระเบิดได้!

โดยปฎิบัติการพุ่งชนในครั้งนี้ จะถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องที่ติดอยู่ที่ยานอวกาศ DART ซึ่งตัวกล้องจะถูกดีดออกมาพร้อมกับยานอวกาศอีกลำหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเท่ากระเป๋าเดินทางก่อนเริ่มดำเนินการ 10 วัน

เพื่อส่งภาพการพุ่งชนมายัง Johnson Space Center ของ NASA ที่เมือง Houston ประเทศสหรัฐอเมริกา และร่อนลงสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัย!

ส่งท้ายด้วยบทเพลงประกอบภาพยนตร์ Armageddon อีกเพลงหนึ่งซึ่งโด่งดังไม่แพ้ I Don’t Wanna Miss a Thing นั่นก็คือ Leaving on a Jet Plane ผลงานของ John Denver ขับร้องโดย Chantal Kreviazuk ครับ

All my bags are packed, I’m ready to go

I’m standin’ here outside your door

I hate to wake you up to say goodbye

But the dawn is breakin’, it’s early morn

The taxi’s waitin’, he’s blowin’ his horn

Already I’m so lonesome I could die

So kiss me and smile for me

Tell me that you’ll wait for me

Hold me like you’ll never let me go

‘Cause I’m leaving on a jet plane

I don’t know when I’ll be back again

Oh, babe, I hate to go