คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง : แม่

คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง

ผมต้องขอภัยท่านผู้อ่านเป็นอย่างยิ่งที่หายไปหลายสัปดาห์ เนื่องจากคุณแม่ผมป่วยและเสียชีวิต ผมจึงต้องทำอะไรหลายอย่างในห้วงเวลานั้น

แต่ท่านผู้อ่านไม่ต้องกังวลไปครับ ผมมีกำลังใจพอสมควรแม้จะเปราะบางเพราะยังอยู่ในช่วง “ไว้ทุกข์” และที่สำคัญการได้อยู่กับคุณแม่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตท่านนั้น นับเป็นช่วงเวลาที่ “ประเสริฐที่สุด” ในชีวิตอย่างแท้จริงของผม

ที่จริงผมคิดอยู่นานสองนานว่า สมควรที่จะเล่าเรื่องพวกนี้ไหม เพราะมันออกจะเป็นประสบการณ์ส่วนตัวมากๆ ทั้งความสัมพันธ์ที่มีต่อคุณแม่และเรื่องราวทั้งหมด หลายท่านอาจไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือความรู้สึกในลักษณะเดียวกัน

แต่ผมก็เห็นว่าอย่างน้อยประสบการณ์ส่วนตัวเช่นที่ว่านี้ อาจพอมีแง่มุมที่เป็นประโยชน์และเป็นตัวอย่าง “หนึ่ง” ที่อาจช่วยให้ย้อนกลับมาพิจารณาอะไรอีกหลายอย่างได้

กระนั้นก็ยังยืนยันครับว่า ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวจริงๆ มิได้มีประสงค์หรือจะขยายว่าทุกๆ คนควรมีความสัมพันธ์และประสบการณ์เช่นนี้

 

คุณแม่ผมเป็นคุณแม่ธรรมดาๆ เกิดที่บางจาก กรุงเทพฯ เรียนจบ ม.ศ.สี่ในสมัยนั้น ชีวิตพลิกผันในช่วงวัยรุ่น เพราะเสียคุณแม่หรือยายของผมไป และคุณตาของแม่ก็เสียชีวิตตาม จนต้องย้ายมาอยู่ระนอง พ่อผมซึ่งสมัยนั้นเป็นวัยรุ่นนักเลงพอตัวเข้ามาจีบ เมื่อเป็นแฟนแล้วพ่อหรือเตี่ยผมก็กลับตัวตั้งใจทำงาน

แม่เป็นคนสนับสนุนพ่อตลอดมา ให้ความอบอุ่นและความรัก เพราะพ่อผมเองไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นมาแต่ต้น เนื่องจากก๋งและย่าแยกทางกัน และต่างคนก็แต่งงานใหม่

พ่อมักบอกว่า เวลาที่นอนไม่หลับ หรือไม่สบายใจ แม่จะมากุมมือ พ่อจะนอนหลับได้ทุกครั้ง

พ่อและแม่ผมเป็นคนสนุกสนานเฮฮาครับ ไม่ยอมแก่ หนีลูกไปเที่ยวกันสองคนเป็นประจำ คนระนองจะจดจำภาพครอบครัวเฮฮานี้ได้ ผมเกิดมาด้วยความรักของแม่ เห็นรอยยิ้มของแม่ ตลกทะลึ่งๆ ของแม่ และเสียงหัวเราะของแม่โดยตลอด

แม่เป็นคนใจใหญ่ ใครมาแม่จะเลี้ยงข้าวปลาให้ทุกคนอิ่มหนำเสมอ แม่ไม่เคยถือตัว จึงมีเพื่อนเป็นคนทุกชนชั้น และจริงใจกับทุกคน ตลอดชีวิตผมไม่เคยได้ยินแม่พูดคำหยาบ ด่าใครหรือนินทาใครเลย

 

คุณความดีของแม่จากปากลูกอาจดูมากเกินไป แต่ผมก็ยอมรับว่านึกอะไรอื่นไม่ออกจริงๆ เพราะผมกับแม่มีแต่ความรักต่อกันมาโดยตลอดชีวิต

แม่เหมือนฟูกนุ่มๆ ที่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นเราจะล้มตัวลงไปอย่างสบายใจได้เสมอ แม่ไม่เคยสอนให้มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ยิ่งใหญ่ ไม่สอนให้ต้องเก่ง ฉลาด ไม่เคี่ยวเข็ญ แต่มักบอกให้อยู่อย่างสบายๆ และมีความสุข และให้เราเลือกชีวิตของเราเอง โดยไม่เคยบงการอะไรแม้แต่ครั้งเดียว

ผมเคยขอให้เพื่อนที่รู้จักกันปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) องค์หนึ่ง โดยบอกเขาไปว่าขอให้ท่านมีลักษณะอย่างแม่ ปรากฏก็ได้เจ้าแม่กวนอิมรูปร่างอ้วนเตี้ยยิ้มแย้มมาองค์หนึ่ง

พระอวโลกิเตศวรหรือพระกวนอิมนั้น เป็นพระโพธิสัตว์แห่งความกรุณา หรือ “ความรัก” ของพุทธะทั้งหลาย

ผมนึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ไหนก็ไม่ออกเท่าความรักที่แม่มีต่อผม อวโลกิเตศวรที่ใกล้ความเป็นจริงที่สุดคือแม่ของผมเอง

 

นอกจากผมแล้ว แม่ยังมีความรักไปให้ทุกๆ คน แม้ช่วงร่างกายเจ็บป่วยในระยะสุดท้ายก็ยังเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นๆ แม่จะบอกรักทุกคนที่มาหา ทั้งยังสั่งให้เอาของเยี่ยมไปแจกจ่ายคนอื่นๆ หรือคนที่มาเยี่ยม อย่าเก็บไว้เอง

ช่วงที่แม่ป่วย ผมนำรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์นั้นติดตัวไปด้วย ใครเห็นก็มีน้ำตารื้น บอกว่านี่คือแม่จริงๆ

สำหรับผมแล้ว มรรคาแห่งการตรัสรู้นั้นช่างยาวไกลเหลือแสน และกว่าเราจะรู้ตัวว่าอยู่ในเส้นทาง ก็ต่อเมื่อเราได้ตระหนักถึง “ความทุกข์” แล้วว่ามันเป็นของจริง

ทุกข์จึงเป็น “อริยสัจ” เป็นความจริงอันประเสริฐ เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่อาจมีทางเลือก หมายถึงการปฏิบัติภาวนาของเราจะไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป เราศิโรราบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ผมสั่นกลัวเมื่อความจริงปรากฏแก่ใจว่าแม่จะต้องเสียชีวิตในอีกไม่นานนี้ เนื่องจากภาวะความเจ็บป่วยของแม่เดินทางมาถึงระยะสุดท้าย เรารู้ว่าแม่เจ็บป่วยช้าไป กระนั้นเราได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว เราจึงนำแม่เข้าสู่กระบวนการประคับประคองผู้ป่วยระยะสุดท้าย มีทีมแพทย์พยาบาลคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่ใช่การยื้อชีวิตตามแบบเดิม

เป็นเพียงแต่ช่วยจัดการความเจ็บปวดของผู้ป่วยให้มีน้อยที่สุดและจากไปอย่างสงบ

 

สุดท้ายเรานำแม่กลับมาบ้าน มานอนในเตียงที่ชอบ ในห้องที่รัก สัญญาณชีพแม่ต่ำลง ทุกคนในครอบครัวพร้อมหน้ากัน ทั้งกอดและกุมมือแม่ไว้ คุณพ่อคอยบอกให้แม่ไม่ต้องห่วงอะไร ผมและน้องชายสวดมนต์หกพยางค์ของพระอวโลกิเตศวรให้แม่ฟัง บรรยากาศสงบ

ลมหายใจสุดท้ายของแม่สิ้นไปท่ามกลางอ้อมกอดและเสียงสวดมนต์ เราไม่ฟูมฟาย ไม่ยื้อยุด ผมกระซิบบอกทางแม่ ให้ตามพระอวโลกิเตศวรไปยังสุขาวดีพุทธเกษตรทางตะวันตก เป็นพุทธเกษตรที่ปราศจากทุกข์ และมีแสงสว่างอันประเสริฐ

แม่คงดีใจที่ลูกได้กลายเป็น “พระ” เพื่อนำทางแม่ในเวลานั้น เมื่อนำทางจบมีแสงสว่างทางทิศตะวันตกส่องมาทางหน้าต่างตกลงบนร่างแม่จริงๆ ทั้งที่เมฆฝนมืดครึ้มตลอดทั้งวัน ผมไม่ได้คิดว่านี่คือปาฏิหาริย์ นี่อาจเป็นแค่แสงที่บังเอิญส่องมาในเวลานั้น

แต่เพราะผมมีศรัทธาในพระอวโลกิเตศวร ต่อคุรุและพระกรุณาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แสงธรรมดาที่ปรากฏจึงมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อหัวใจพวกเราทุกคนที่นั่น

ถ้าพุทธเกษตรมีจริง แม่ย่อมไปสู่ที่นั่นด้วยคุณลักษณะของแม่เอง ไปเข้าครัวปรุงอาหารแจกจ่ายบรรดาโพธิสัตว์ทั้งหลายที่นั่นแล้ว ถ้าปรโลกไม่มี แม่ก็ถือว่าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่มีอะไรต้องเสียดาย

 

ความเจ็บป่วยและความตายของคนที่เรารัก เป็นคำสอนสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่เสมอ พระธรรมคำสอนที่ผมได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตก็ไม่เท่ากับช่วงเวลาแห่งการเผชิญกับความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่นั้น

พระอวโลกิเตศวรที่เราเฝ้าภาวนาถึงปรากฏอย่างมีความหมายในกายในใจแม่ แม้ว่าเราจะตระหนักในความรักนี้มานานแสนนานแล้ว ทว่า ในช่วงสุดท้าย สิ่งเหล่านี้ได้ปรากฏเด่นชัด

เราช่างโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพระโพธิสัตว์ แม่ออกตัวบ่อยๆ ว่าไม่ได้เรียนสูง แต่แม่เข้าใจชีวิตและปลดปลงกับมันได้ ไม่โลภ ไม่โกรธ ทว่า ร่าเริงแจ่มใสเสมอ

ความรักเป็นสิ่งที่งดงามครับ การถูกรักและรักเป็นทำให้ความเป็นมนุษย์ของเรางดงาม อวโลกิเตศวรที่เราภาวนาถึงจึงไม่ใช่รูปปั้นหินดินทรายที่ปรากฏอยู่ภายนอก แต่กลายเป็นสิ่งที่ปรากฏในเลือดเนื้อใจกายของเราจริงๆ

ใจของผม ของแม่ และอวโลกิเตศวรได้ประสานเป็นหนึ่งเดียวกันในช่วงเวลาเล็กๆ นั้น

 

แม้ผมจะทราบดีว่า ความทุกข์อันนี้จะจางคลายลงไปตามเวลา ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม มีกิเลสและร่องนิสัยเดิมๆ กระนั้น ความทุกข์ครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการตระหนักรู้อย่างสำคัญที่จะแนบเนื่องอยู่ในใจไปตลอด

ในศาสนาฮินดู มีเทวีองค์หนึ่งนาม อทิติ เทวีองค์นี้เก่าแก่ถึงยุคพระเวท ซึ่งแปลกกว่าเทวีทั้งปวง เพราะเธอไม่ได้สะท้อนปรากฏการณ์ตามธรรมชาติเช่นเดียวกับเทวีอื่น แต่เธอคือตัวแทน “ความเป็นมารดา” ซึ่งมีลักษณะนามธรรม

ผมเพิ่งจะเข้าใจว่า ทำไมคนหลายพันปีก่อนจึงเคารพ “ความเป็นมารดา” ถึงเพียงนี้

การได้พบความเป็นมารดาของเราเอง คือการได้พบความเป็นมารดาของโลกนี้ การกอดแม่ของเราด้วยความรัก คือการกอดแม่ทุกๆ คนบนโลกนี้

ในพุทธศาสนามหายาน มีการบูชา “พระมารดาปรัชญาปารมิตา” พระองค์คือมารดาของพระพุทธะทั้งหลาย พระองค์คือศูนยตาอันยิ่งใหญ่ และคำสอนปรัชญาปารมิตาย่อมก่อกำเนิดความเป็นพุทธะ หรือพุทธภาวะนั่นเอง

พระธรรมคำสอนจะมีความหมายก็เมื่อมันได้ปรากฏในสถานการณ์ของชีวิตธรรมดาๆ ผมได้รับโอกาสจากแม่ จากความเจ็บป่วยสุดท้ายและความตายของแม่ ซึ่งผมยังครุ่นคิดและภาวนากับมันอยู่แม้ในบัดนี้

ผมอยากขอบพระคุณในกำลังใจจากทุกท่าน และอยากอธิษฐานถึงแม่ทุกคน ถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายผู้เคยเป็นมารดาของเรามาก่อนในภพชาติต่างๆ

ขอสรรพสัตว์ทั้งปวงจงพ้นจากความทุกข์ในสังสารวัฏเทอญ