ภาพยนตร์ / ATOMIC BLONDE “สวยสังหาร”

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

ATOMIC BLONDE “สวยสังหาร”

กำกับการแสดง David Leitch

นำแสดง Charlize Theron, James McAvoy, Eddie Marsan, John Goodman, Toby Jones, Sofia Boutella, Sam Hargrave

Atomic Blonde สร้างจากนิยายภาพซึ่งโดยประเภทของงานเขียนแล้ว จะเป็นเรื่องแบบหวือหวาของพระเอกหรือนางเอกที่เก่งกาจน่าทึ่ง

ซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายก็มาจากนิยายภาพหรือหนังสือคอมิกกันทั้งนั้น

สาวสวยผมบลอนด์นามกร ลอร์เรน โบรห์ตัน (ชาร์ลีซ เธอรอน) คนนี้จึงมีวิทยายุทธ์ขั้นเทพคนหนึ่ง เสมือนหนึ่งระเบิดปรมาณูลงใส่เลยเชียว

เหตุการณ์ท้องเรื่องกำหนดไว้ในกรุงเบอร์ลินระหว่างสมัยสงครามเย็น

สิ่งที่เรียกว่า “สงครามเย็น” นั้น กินเวลาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เนิ่นนานไปจนถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียตใน ค.ศ.1991 และเป็นคำที่ใช้เรียกช่วงเวลาที่โลกตกอยู่ในความตึงเครียด โดยมหาอำนาจสองฝ่ายชิงชัยกันอยู่ในที

ฝ่ายหนึ่งคืออเมริกากับพันธมิตรซึ่งเรียกตัวเองว่า ฝ่ายโลกเสรี อีกฝ่ายคือโซเวียตรัสเซียกับพันธมิตรหลังม่านเหล็ก อุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันคนละขั้ว

สงครามนี้ไม่ใช่สงครามออกนอกหน้า แต่เป็นการฮึ่มๆ แฮ่ๆ กันโดยมีภัยใหญ่หลวงของสงครามนิวเคลียร์แบบล้างเผ่าพันธุ์มาข่มขวัญและเกทับกันอยู่

เกิด “สงครามตัวแทน” ขึ้นในภาคพื้นต่างๆ ทั่วโลก แยกประเทศออกเป็นสองส่วน ไม่ว่าเหนือหรือใต้ ตะวันออกหรือตะวันตก

นอกจากนั้น ยังเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเชิงอุดมการณ์จากทั้งสองฝ่าย

ความเป็นคู่อริทางด้านกีฬา (การชิงชัยความเป็นแชมป์หมากรุกโลกระหว่าง บ็อบบี้ ฟิชเชอร์ กับ บอริส สปาสกี้ เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการเผชิญหน้าระหว่างตัวแทนของสองมหาอำนาจ)

การแข่งขันทางอวกาศ ชิงชัยกันว่าใครจะส่งยานออกนอกโลกก่อนกัน หรือใครจะส่งมนุษย์ไปเดินบนดวงจันทร์ก่อนกัน

และที่กลายมาเป็นวัฒนธรรมพ็อพหลากหลาย โดยเฉพาะในโลกภาพยนตร์ คือ เรื่องราวของจารชนและการจารกรรม

กำแพงเบอร์ลินถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ.1961 เพื่อกั้นเบอร์ลินตะวันตกจากเบอร์ลินตะวันออก เพื่อปิดกั้นการหลบหนีและการลี้ภัยทางการเมือง จวบจนถูกรื้อทำลายลงใน ค.ศ.1989

หนัง อาทิ หนังชุดเจมส์ บอนด์ ก็เสนอภาพของจารชนของหน่วยงานสืบราชการลับของอังกฤษที่เรียกว่า “เอ็มไอหก”

หรือหนังเรื่อง Bridge of Spies ก็เป็นตัวอย่างชิ้นเยี่ยมของสภาพโลกในยุคสงครามเย็น

Atomic Blonde จับเรื่องราวการของจารชนและการจารกรรมข้อมูลสำคัญของหน่วยงานราชการลับหลายฝ่าย โดยเดินเรื่องยอกย้อนสลับไปมา แบบไม่ยอมให้ใครรู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน หรือใครเป็นคนทรยศตัวจริง

ลอร์เรน โบรห์ตัน สายลับสาวสวยผมบลอนด์ผู้เก่งกาจของ MI6 ในสภาพหน้าตาเนื้อตัวฟกช้ำจากการต่อสู้ ถูกเรียกตัวไปให้ปากคำสำหรับภารกิจของเธอในเบอร์ลินเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า

ผู้สอบปากคำของเธอคือ เอริก เกรย์ (โทบี้ โจนส์) จากหน่วยงานเดียวกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากซีไอเอของสหรัฐ (จอห์น กู๊ดแมน) มาร่วมฟังอยู่ด้วย

ก่อนหน้าที่ลอร์เรนจะถูกส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจจารชนที่เบอร์ลินครั้งนี้ สายลับมือดีของเอ็มไอหก ชื่อ แซม แกสคอยน์ (แซม ฮาร์เกรฟ) ถูกฆ่าตายและฉกนาฬิกาข้อมือที่บรรจุข้อมูลสำคัญยิ่งของฝ่ายตรงข้ามไว้ นั่นคือ “เดอะลิสต์” หรือรายชื่อสายลับของเคจีบี

ภารกิจของลอร์เรนคือนำรายชื่อนั้นมา และสืบหาตัวสายลับสองหน้า ที่ใช้ชื่อว่า “คอนราด แซตเชล” ทั้งนี้ โดยมีสายลับอังกฤษที่ประจำกรุงเบอร์ลินอยู่เป็นตัวกลางประสานงานให้ ตัวกลางคนนั้นชื่อ เดวิด เพอร์ซิวัล (เจมส์ แม็กอะวอย)

ข้อมูลการมาถึงของลอร์เรนรั่วไหลไปสู่ฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ล้อเครื่องบินแตะพื้น และเธอเหยียบย่างออกจากท่าอากาศยาน แต่ด้วยไหวพริบและฝีมือขั้นเทพ เธอรอดจากเงื้อมมือของพวกรัสเซียมาได้ โดยใช่ว่าจะไม่มีรอยขีดข่วน แต่ถึงขั้นรถพลิกคว่ำหกคะเมนตีลังกา

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของภารกิจอันต้องใช้วิทยายุทธ์ของสาวสวยมือสังหารจอมทรหดคนนี้

ในการตามหา “เดอะลิสต์” ซึ่งอยู่ในนาฬิกาข้อมือเรือนที่ถูกฉกไปแต่ต้นเรื่อง และอยู่ในความจำอันดีเลิศของอดีตตำรวจลับของเยอรมันตะวันออก เจ้าของฉายา “สปายกลาส” (เอ็ดดี้ มาร์ซัน) ผู้ต้องการการลี้ภัยในโลกตะวันตก ลอร์เรนยังต้องพาสปายกลาสหลบหนี

ทั้งด้วยแผนอันชาญฉลาด แต่สุดเท่จนบอกได้ว่ามีอยู่แต่ในหนังเท่านั้น ไม่มีทางที่ภาพแบบนั้นจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง

และทั้งด้วยฉากต่อสู้ตัวต่อตัวแบบยาวนานและทรหดเหลือเชื่อ แต่ก็จำต้องเชื่อเพราะชื่อหนังก็บอกอยู่ในตัวแล้วว่า นางเอกสาวสวยเป็นระเบิดปรมาณู

นี่เป็นหนังประเภทหญิงสามารถ ที่ทำให้คนดูสะใจด้วยการต่อสู้กับชายชาตรีทั้งล่ำทั้งสูงใหญ่ แบบบอบช้ำแทบลุกไม่ขึ้น แต่ก็จบลงด้วยชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

และยังเป็นหนังประเภท “สตรีนิยม” ของสองหญิงที่ต่อกรในโลกของผู้ชายโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย เนื่องจากมีตัวละครอีกคนเป็นหญิงสาวสวย สายลับของฝรั่งเศส (โซเฟีย บูเทลลา ผู้เขียนจำเธอได้ติดตาจากบทบาท “กาแซลล์” ที่ขาขาดทั้งสองข้าง แต่ใช้ขาเทียมกระโดดแผล็วๆ ได้อย่างว่องไวในหนังสายลับแบบเจมส์ บอนด์อีกเรื่อง ที่ชื่อ The King”s Men)

สองสาวสุดสวยมีฉากร้อนแรงอยู่ด้วยกัน

ด้วยองค์ประกอบทั้งหลายทั้งปวงนี้ ไม่ต้องไปสนใจกับพล็อตเลยนะคะ เพราะถ้าดูเอาพล็อตแล้ว หนังจะสับสนชวนงุนงงมาก ทุกคนมีสิทธิเป็นสายลับสองหน้า สามหน้า หรือมากกว่านั้นได้ทั้งนั้น

ดูเหมือนไม่มีใครภักดีกับใครอย่างถาวร

แต่หนังก็ไม่ได้อ้างว่านี่เป็นเรื่องจริง เพราะบอกโต้งๆ เลยตั้งแต่ต้นที่พูดถึงสงครามเย็นและกำแพงเบอร์ลินว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องราวที่ว่านั้น”

แปลว่าไม่ได้มีความจริงแฝงอยู่ในเรื่องราวที่เล่าทั้งหมดนี้เลย